“ติ๊ก เจษฎาภรณ์” ดีใจได้ร่วมงานกับ “อั้ม พัชราภา” อีกครั้งในรอบ 10 ปี ยอมรับเรื่องฝีมือและวินัยเรื่องเวลาเป๊ะมาก สมแล้วที่เป็นซูเปอร์สตาร์ เผยงานผู้จัดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ถือว่าได้ประสบการณ์ใหม่ รอดูฟีดแบ็กจากผู้ชมว่าควรจะทำเรื่องต่อไปหรือไม่
ปิดกล้องไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับผลงานละครเรื่องแรกในฐานะผู้จัดของพระเอกหล่อตลอดกาล “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” กับละครเรื่อง ลมพัดผ่านดาว ที่ได้นางเอกระดับซุป’ตาร์ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” และพระเอกหนุ่ม “เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล” มาร่วมประชันฝีมือกัน ซึ่งเรื่องนี้หนุ่มติ๊กควบตำแหน่งนักแสดงด้วย โดยเจ้าตัวออกปากเลยว่า ไม่เจอสาวอั้มมากว่า 10 ปี แต่ด้วยฝีมือทุกอย่างสมแล้วที่เป็นไอดอลของคนไทย
"ละครปิดกล้องเรียบร้อยครับ การที่ได้เล่นละครกับพัชราภาก็เป็นสิ่งที่ดีมากเลยนะครับ หลังจากที่เราไม่ได้เจอกันนานมากเป็น 10 ปีนะครับ คิดว่าพัชราภาก็ยังคงความเป็นไอดอล ความเป็นซูเปอร์สตาร์ได้อยู่ แล้วก็มากขึ้นด้วยในการยอมรับของแฟนๆ และในเรื่องของการทำงาน ฝากฝีไม้ลายมือ ต้องบอกว่าขอบคุณมากที่เขาให้เกียรติในการทำงานเรื่องนี้
ตื่นเต้นนะ มันก็เหมือนกับเวลาเราเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เริ่มต้นงานใหม่ๆ เราก็ค่อยๆ ที่จะปรับตัวเอง แต่ว่าเราก็ต้องปรับตัวเองให้เร็วขึ้น ยิ่งมาเจอพัชราภา มาเจอเข้ม หัสวีร์ เราก็รู้สึก โห อันนี้คือตัวท็อปของทางช่อง 7 เลย เขาก็ให้เกียรติเรามาทำงานเรื่องนี้ เราก็ต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่
การร่วมงานกับพัชราภาถามว่าเป็นอย่างที่เราคิดไหม ผมว่าดีกว่าที่คิดนะครับ ตอนแรกผมไม่แน่ใจหรอกว่าเราใช้เวลาในการปิดกล้องนานขนาดไหน แต่ก็สามารถที่จะทำให้ปิดกล้องได้ค่อนข้างตรงตามกำหนดระยะเวลา เขาทำงานเนี้ยบในเรื่องของระยะเวลามากๆ คือการทำงานกับนักแสดงที่ทำการบ้านมา มันจะทำให้เร็วขึ้น อย่างเราได้บทละครตัวนี้มา เราก็ไปทำการบ้านมา พัฒนาบทละครตัวนี้ให้ดีขึ้น ผมว่ามันก็ส่งผลดีต่อตัวเขาเอง และเพื่อนร่วมงานกับงานด้วย"
บอกงานผู้จัดยากมาก แต่ก็ได้ประสบการณ์ใหม่เพิ่มขึ้น
“ถามว่าเป็นผู้จัดและนักแสดงในตัวด้วยยากไหม ก็ยากมากครับ บอกกับตัวเองไว้ว่าเราก็ลองอะไรใหม่ๆ การที่เราลองอะไรใหม่ๆ ทำให้เราเกิดประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น ได้เกิดการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น เราอยากเป็นคนที่เก่งกว่าเดิม เราก็พยายามทำอะไรที่เราไม่เคยทำ แล้วยิ่งเราได้โจทย์ที่มันยาก และเราสามารถแก้โจทย์นี้ให้ออกมา ทำให้เราภูมิใจในตัวเอง
ถามว่าการทำเรื่องต่อไปจะตัดสินใจยากไหม คือผมว่าอันนี้เราก็อาจจะมีความคิดในใจอยู่แล้ว ว่าเราจะทำต่อหรือไม่ทำต่อ แต่ทั้งหมดมันต้องขึ้นอยู่กับผลงานที่เรานำออกมาสู่ประชาชน ว่าเขาจะยอมรับงานเราได้ดีขนาดไหน ดีไม่ดี ฟีดแบ็กกลับมา เราก็ต้องพิจารณาตัวเอง"
ยอมรับกดดันมาก เพราะแบกความคาดหวังไว้เยอะ
“การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องบอกว่ามันมีทุกวัน มีปัญหารอบด้าน เพราะว่าเราทำงานกับคน ผมเชื่อว่าผู้จัดทุกคนก็ต้องเจอ มันอยู่ที่ว่าเขาจะสามารถจัดการกับตรงนี้ได้มากน้อยขนาดไหน แล้วก็จะมีพาวเวอร์พอไหม ผมก็ค่อยๆ ไว้เนื้อเชื่อใจ สร้างความน่าเชื่อถือ ผมว่ามันก็ต้องสร้างเครดิตให้กับตัวเองด้วย ผมกดดันนะครับ มันเหมือนกับเราทราบอยู่แล้วว่า เราแบกความคาดหวังไว้กับทางช่อง 7 ด้วย ทางผู้ชม นักแสดง ทีมงาน ทุกๆ คนก็ลุ้นว่าผลงานจะออกมาได้ดีขนาดไหน แต่ผมก็ต้องบอกว่าเราทุกคนทำงานเต็มที่
แต่ในพาร์ตของนักแสดง เอาจริงเรื่องนี้มันมีอะไรเซอร์ไพรส์คนดู แต่ว่าเรายังไม่สามารถเฉลยได้ ผมคิดว่าทุกคนน่าจะเข้าใจ แล้วทุกคนที่ได้อ่านบทประพันธ์เรื่องนี้อาจจะเข้าใจในตัวละคร ผมอยากให้ติดตามชมกันดีกว่า ไม่อยากสปอย ก็คือจะได้เห็นผมในอีกเวอร์ชั่นที่ไม่ใช่ 2499 แน่นอนครับ”