“เฌอปราง” เผยหันมารับงานแสดงมากขึ้น ดีใจได้ลองงานใหม่ๆ มากขึ้น พร้อมรับตำแหน่งดูแลน้องๆ BNK48 ต่อไป ดูแลทั้งภาพลักษณ์และคอยหางานป้อนให้น้องๆ บอกทำหน้าที่ให้คำปรึกษาน้องๆ ด้วย บอกเล่าถึงประสบการณ์ตัวเองให้ฟัง แต่สุดท้ายน้องๆ ก็ต้องประสบด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจ
หลังจากที่สาว “เฌอปราง อารีย์กุล” จบการศึกษาจาก BNK48 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวจะสิ้นสุดการทำกิจกรรมในฐานะสมาชิกและกัปตันวง BNK48 ในเดือนตุลาคม 2566 นี้ และจะทำหน้าที่ในฐานะผู้จัดการวงต่อไป และตอนนี้สาวเฌอปรางก็หันมารับงานแสดงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
"ก็มีรับซีรีส์ แล้วก็ละครหลายๆ เรื่องนะคะ อันนี้เป็นตอนสั้น ก็ดีใจค่ะ ที่มีงานติดต่อมาแล้วก็ได้เล่นกับพี่ออม (สุชาร์ มานะยิ่ง) ด้วย ได้รู้จักพี่ออมมาก่อนหน้านี้นิดหน่อย ได้เป็นน้องสาวพี่ออมน่าจะสนุกมากๆ แน่เลย บทก็ไม่เหมือนเฌอเลยค่ะ เป็นครีเอทีฟเรียนมาอีกสายนึงเลย ในเรื่องค่อนข้างขัดใจเหมือนกันค่ะ ถ้าเป็นเราคงรักษาคนๆ นี้ยิ่งกว่านี้ ทำไมช่างพูดจาปากคอเราะร้ายแบบนี้ อะไรอย่างนี้เลย
จริงๆ เคยมีประสบการณ์มาแล้วก่อนหน้านี้ ก็เลยได้เรียนรู้มาบ้างแล้ว เลยไม่ได้ยากมากสำหรับเฌอที่จะมาเล่นบทใหม่ๆ แต่ว่าก็ต้องทำการบ้านวิเคราะห์ตัวละคร แล้วก็สอบถามผู้กำกับหรือคนเขียนบท ทีมงานว่าตัวละครนี้เขาจะไปเวย์ไหนยังไง ซึ่งล่าสุดเพิ่งถ่ายไปได้พี่ชูเป็นผู้กำกับ พี่ชูก็ได้ให้คำตอบกับเฌอที่ทำให้เข้าใจตัวละครมากขึ้นมากๆ เลยว่า เขาไม่เคยรับผิดชอบอะไรมาก่อนในชีวิตปกติมีพี่สาวเป็นเหมือนโลกทั้งใบให้ เลยทำให้ง่ายว่า อ๋อ เขาต้องมาดูแลพี่ได้ยังไง เดี๋ยวต้องลองติดตามในเรื่องว่าจะมาดูแลพี่ได้ไหม ทั้งที่ไม่เคยรับผิดชอบอะไรมาก่อนเลย"
หันมาดูแลน้องๆ ใน BNK48 รุ่นหลังต่อ
"ตอนนี้ก็วางแผนว่าอยากจะทำงานในวงการในฐานะนักแสดงนะคะ แล้วในงานเบื้องหลังก็จะเป็นดูแลพัฒนาน้องๆ ใน BNK48 ต่อไปค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสในการทำผลงานมากน้อยแค่ไหน ก็ค่อยๆ ดู เปิดรับและปรับตัว เพราะว่าเราอยู่ใน BNK มานานก็ไม่รู้ว่าข้างนอกเราต้องเจออะไรแบบไหนบ้าง ก็ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ หวังว่าจะมีผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ ค่ะ
เป็นผู้จัดการวงดูแลน้องๆ ถามว่ายากไหม จริงๆ รับหน้าที่กัปตันวงมาตั้งแต่แรกก็เลยไม่ได้ยากมาก แต่ที่ยากคือได้เข้ามาเรียนรู้ในฝั่งบริหารกับผู้ใหญ่ เข้าประชุมกับผู้ใหญ่เยอะขึ้น ได้เรียนรู้งานเบื้องหลังเยอะขึ้นว่ามันมีข้อจำกัดเยอะกว่าที่เราคิดเยอะเลย ก็ค่อยๆ ปรับตัว แล้วก็อยู่ตรงกลางระหว่างสองเจนเหมือนกัน จะทำยังไงให้สองเจนนี้เขาไปด้วยกันได้นะ"
รับหน้าที่เจ๊ดัน ฝากฝังน้องๆ ให้มีผลงานการแสดง
"เฌอไม่เคยคิดว่าตัวเองแบกความคาดหวังของ BNK เพราะเหมือนกับมีเพื่อนรุ่น 1 มาอยู่ด้วยกัน รุ่นน้องเข้ามาก็เหมือนทุกคนช่วยเติมเต็มกันตลอด ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเราซะทีเดียว โอเค เราอาจจะมีโอกาสได้มาเจอสื่อ พูดถึงวงมากกว่าคนอื่น ได้พาน้องๆ มาด้วย มีน้องที่มีผลงาน น้องฮูป เจน 3 ก็มาเล่นด้วย อีกเรื่องก็ บุษบาลุยไฟ เราก็ได้ออกไปทำงานข้างนอก ได้เจอคนก็ได้พูดถึงน้องๆ เขาก็มีความสงสัยถามไถ่ตลอดว่า เฌอนอกจากการเป็นนักแสดง เฌอเป็นเบื้องหลังเหรอ เฌอทำอะไรบ้าง ก็ได้แนะนำกันบ้าง
หน้าที่ที่ต้องดูแลน้องๆ เฌอก็ดูในส่วนของตัวน้องๆ เป็นหลักเลยค่ะ การพัฒนาน้องๆ พัฒนาศิลปิน การทำตาราง แล้วก็เสนอผู้ใหญ่ว่าอยากให้มีกิจกรรมนี้เพิ่มเติม อยากให้เป็นเพลงนี้นำมาใช้ อยากให้น้องได้ออกงานตรงโน้นตรงนี้ ถ้ามีโอกาสได้เจอข้างนอกก็อาจจะฝากน้องๆ ไปแคสได้ไหมคะ (หัวเราะ) ก็ดันนิดนึง ตัวเฌอตั้งแต่เข้ามาปีแรกๆ ก็ได้รับโอกาสแสดงภาพยนตร์ ตอนนั้นก็เป็นการแคสเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสก็พยายามส่งน้องไปแคส ให้เขาได้รับบทจากตัวเขาเอง ไปแคสมากกว่าเฌอไปฝาก"
บอกยังมีเรื่องที่ต้องห้ามและเตือนกันอยู่
"จริงๆ หนูก็ได้มีจัดเวิร์กช็อปเชิญพี่ๆ แคสติ้งที่สนิทด้วย ให้มาเวิร์กช็อปกับน้องๆ เรื่องการแคสการออกไปเจอสื่อ การเจอผู้คนต้องทำยังไง การไปเจอหน้ากล้องต้องทำยังไง เพราะตอนเฌอไม่มีพื้นฐานเลย ใหม่หมดเลย ก็เตรียมความพร้อมให้น้อง เหมือนแค่หยอดตัวอย่างให้ พอเขาไปเจอของจริงจะได้ไม่ตื่นเต้นมากเกินไป
ที่ต้องเตือนหรือห้ามน้องก็มีค่ะ มีการพูดคุยกันตลอด ยิ่งใน BNK มีข้อตกลงที่ต้องอยู่ร่วมกัน มีบรรทัดฐาน เพราะเรามีแรงก์กิ้ง มีแฟนคลับ มีโน่นนี่กันอยู่ตลอดเวลา เราเลยต้องมีข้อตกลงร่วมกัน ว่าอันนี้เป็นสิ่งที่จะไม่ทำร่วมกันนะ อย่างเรื่องถ่ายรูปเราไม่ให้ เพราะเรามีกิจกรรมอีเวนต์ 2shot ก็อาจจะถ่ายรูปคู่กับคนข้างนอกไม่ได้ง่ายๆ ขนาดนั้น เราก็เอาประสบการณ์ของตัวเองไปบอกเล่าให้น้องฟังด้วย เคยพูดไปหมดนะคะ แต่สุดท้ายหนูก็ได้เรียนรู้กับเจนสามมาจริงๆ ว่ามันต้องรอประมาณ 1-2 ปี ให้น้องได้เผชิญเองจริงๆ แต่น้องก็จะเดินกลับมาบอกเฌอเหมือนกันว่า หนูเข้าใจที่พี่เฌอพูดในวันนั้นแล้ว เก็ตแล้ว มีรีมายด์คำที่พี่พูดกลับมาว่า อ๋อ..แบบนี้นี่เอง ก็พอจะมีลู่ทางว่าต้องประมาณไหนบ้าง"
ขอบคุณที่น้องๆ ยกตนเป็นตัวอย่าง
“จริงๆ เฌอก็ดีใจนะคะที่น้องหลายๆ คนเอาเราเป็นตัวอย่าง ดีใจและขอบคุณมากๆ แต่ทุกคนก็เป็นตัวของตัวเองค่ะ (หัวเราะ) ทุกคนมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง เฌอก็เห็นเสน่ห์ของน้องๆ แต่ละคนที่แตกต่างกัน เฌอก็ชื่นชมในแบบที่น้องเป็น ก็กลัวน้องจะไม่มีภูมิคุ้มกันนิดนึงนะคะ แต่ว่าการอยู่ใน BNK ได้ก็เป็นภูมิคุ้มกันให้น้องๆ ในระดับหนึ่งอยู่แล้วนะคะ (หัวเราะ)
จริงๆ ก็คือพูดคุยค่ะ หรือยกตัวอย่างให้เห็นตัวอย่างเรื่องราวของเรา แต่สุดท้ายก็ต้องให้น้องได้เจอเอง เราก็อยู่คอยประคับประคอง คอยดูตามสื่อ คอยดูแลของเขาบ้าง ว่าทำไมช่วงนี้เขาไปนั่งคนเดียวนะ ทำไมช่วงนี้เขาไม่นั่นโน่นนี่เลย เราก็จะพอเข้าใจว่าน้องอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยปกติค่ะ หรือกำลังท้อ กำลังเหนื่อย เราก็จะเข้าไปคุยบ้าง หรือให้น้องได้ระบายกับเราบ้าง หรือถ้าน้องเดินมาปรึกษาเอง เราก็จะดีใจมากๆ เพราะบางทีหนูก็ตามได้ไม่ครบจริงๆ ก็มีน้องเข้ามาปรึกษาอยู่เรื่อยๆ เลยค่ะ ซึ่งก็ดีใจนะ”
บอกอยากให้ทำความเข้าใจว่ารุ่นตนอาจจะเป็นของใหม่ กระแสเลยดัง
“มีดื้อบ้างไหมเหรอ เรียกว่าเหมือนไม่เก็ตข้อตกลงร่วมกัน ยังปรับตัวไม่ถูก บางอย่างน้องคิดว่าอาจจะได้ แต่กลายเป็นไม่ได้ เป็นการพูดคุยกันมากกว่า เพราะหนูห่างกับน้อง 12-13 ปีได้ ห่างกันรอบหนึ่ง แต่เขาก็ต้องมาทำงาน แล้วเขาต้องมาเจอโลกการทำงานในระบบย่อมๆ ของ BNK แล้ว กดดันไหมที่คนคาดหวังว่า BNK จะต้องกลับมาดังเท่ารุ่นเรา คือทุกอย่างมีผ่านมาและผ่านไปนะคะ ช่วงที่เราดังมากๆ ด้วยความฮอตของ Cookie เสี่ยงทายในตอนนั้น เป็นยุคแรกๆ ที่โผล่มาแล้วเพลงดังมากๆ และคนจำนวนเยอะ เป็นสิ่งแปลกใหม่ แต่ตอนนี้คนเริ่มรู้จัก BNK แล้ว ก็อาจจะไม่ได้เป็นความว้าว ความใหม่ซะขนาดนั้นแล้ว
แต่โดยระบบกลุ่มเราก็พอที่จะอยู่ไปได้ด้วยตัวเองและน่าเอาใจช่วย ก็อยากให้ทุกๆ คนเข้ามาเจอน้องๆ มาดูวิดีโอน้องๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น IAM 48 ก็ได้นะคะ น้องจะไลฟ์ด้วยความเฮฮา ความสนุกสนานมากๆ บางคนก็ไม่คิดว่าน้องจะมีมุมแบบนั้น น้องมีมุมที่ตลกกว่าที่หนูคิดมากๆ บางคนก็โตไวมาก แล้วก็มาพูดคุยไลฟ์กับแฟนๆ แล้ว เอ็นเตอร์เทนคนด้วยตัวคนเดียวอยู่หน้าจอ ก็กำลังพยายามเสนองานของน้องต่อผู้ใหญ่อยู่เหมือนกันค่ะ ว่าเราจะเพิ่มตรงไหนได้บ้าง เราจะส่งน้องไปตรงไหนได้บ้าง ตอนนี้ก็จะไปเจอน้องๆ ได้ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่เราเรียกว่าโรดโชว์ ไปดูโชว์ของน้องๆ ได้ช่วงเที่ยงๆ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์เลยตอนนี้ น้องก็จะกระจายกันไปทุกวีคเลยค่ะ สามารถติดตามกันได้ จะได้ฝึกฝนที่จะเจอผู้คนอยู่ตลอดด้วยค่ะ”
เผยลดความเป็นเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ลง เพราะบางอย่างก็ไม่ได้ดั่งใจ
“เฌอไม่นับว่าตัวเองเป็นคนเก่ง แต่เฌอเป็นคนทำเยอะเฉยๆ (หัวเราะ) เป็นคนไม่อยู่นิ่งเท่าไหร่ ก็เลยดูเหมือนเฌอทำโน่นทำนี่มาเยอะมากๆ แต่ก็อาจจะไม่ค่อยมีเวลาให้ที่บ้านเท่าไหร่ หรือไม่ได้ไปแฮงก์เอาต์สังสรรค์กับเพื่อนๆ ไม่ได้ออกไปกินข้าวข้างนอก ไม่ได้ออกไปดูหนัง ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบปกติ ก็เป็นคนบ้างานหนึ่งคน คือพอมันนับว่าเป็นงาน เฌอนับว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำ และต้องทำให้ดีที่สุดที่เราทำได้และความสามารถตรงนั้นค่ะ แต่ตอนนี้ก็ลดไปเยอะแล้วนะคะ ไม่ได้เครียดเท่าเมื่อก่อน ปล่อยวางได้เยอะแล้วค่ะ (ยิ้ม)
คือบางอย่างมันก็ไม่ได้ดั่งใจเราซะขนาดนั้น มันมีหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้มากกว่าที่เราคิด เราก็ตัวแค่นี้ สูง 160 (หัวเราะ) ถามว่าเพราะการสูญเสียรู้ทำให้เราผ่อนปรนลงหรือเปล่า ไม่ค่ะ แต่เรื่องการสูญเสียก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ตกใจ เพราะทางบ้านก็รับมือกันไม่ทัน ก็เลยเป็นเรื่องที่ได้เรียนรู้กับที่บ้านมากกว่า ว่ารูปแบบในการอยู่แบบพวกเรามันค่อนข้างเป็นบ้านที่ต่างคนต่างอยู่ ให้สเปซของตัวเองกันเต็มที่ เราจะมารวมกันทุกอาทิตย์ มากินข้าวกันอยู่แล้ว เสาร์-อาทิตย์ถ้าว่างหนูก็กลับไปกินข้าวกับที่บ้าน ความเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์มันก็ยังมีอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่มันเหนื่อย (หัวเราะ) และพอมันไม่ใช่ตัวเราจริงๆ เวลาทำอะไรมันก็เลยไม่ได้เกี่ยวกับปัจจัยที่เราคนเดียว”
บอกถ้ามีวันว่างก็ยังอยากนอนอยู่
“ปัจจุบันก็ยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเล่นอะไรเยอะขนาดนั้นนะคะ แต่ก็คลายมากขึ้น ได้ดูแลตารางชีวิตตัวเองมากขึ้น ได้มีเวลากับที่บ้านมากขึ้น ถ้าได้วันหยุดหนูอยากนอนอยู่บ้านซะมากกว่า เพราะเราใช้ชีวิตทำงานอย่างเต็มเหนี่ยวไปก่อนคนอื่นแล้ว (หัวเราะ) เรื่องสุขภาพ ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มรู้ตัวว่าร่างกายไม่ปกติ เราก็ต้องหยุด แต่ลิมิตของเฌอค่อนข้างสูงนิดนึง เช่นถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว หนูถึงจะหยุด”