“เป้ย ปานวาด” เผย “น้องปาลิน” พบอาการต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิลโต ต้องผ่าตัดเท่านั้น แต่ติดที่ต้องรักษาอาการแก้วหูแตกก่อน เนื่องจากอักเสบจนแตก บอกก่อนหน้านี้ “น้องโปรด” เคยเป็นมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าเป็นจากกรรมพันธุ์ เชื่อเกิดจากภูมิแพ้มากกว่า เผยคนเป็นแม่ปวดใจที่สุด ต้องเข้าไปวางยาสลบลูกเองด้วย
ทำเอาหัวใจคนเป็นแม่เจ็บปวด หลังจากที่ “เป้ย ปานวาด บุญยรัตกลิน” ได้โพสต์ระบายความรู้สึกที่บอกว่า “น้องปาลิน” ลูกสาวสุดน่ารักต้องเตรียมตัวที่จะเข้ารับการผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิลโต โดยเจ้าตัวเผยถึงเรื่องนี้ในงานบวงสรวง CLUB FRIDAY THE SERIES MOMENTS & MEMORIES รักนี้...ไม่มีลืม ที่ ตึกจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าคนเป็นแม่ ถ้าเจ็บเองได้ก็ยินดี
“ก็เป็นต่อมอะดีนอยด์ และต่อมทอนซิลโตค่ะ กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด จริงๆ จะต้องผ่าตัดอาทิตย์หน้านี้แหละ แต่ปาลินเขาเหมือนแก้วหูจะแตกค่ะ ก็เลยต้องรักษาตรงนี้ไปก่อน และเลื่อนไปผ่าวันที่สิบกว่า สาเหตุของการที่ทำให้แก้วหูน้องเกือบแตก เพราะมันเชื่อมต่อกันค่ะ มันทำให้แก้วหูของน้องเกิดการอักเสบมากๆ จนมันแตก ซึ่งพอเป็นอาการแบบนี้ทำให้ยังผ่าไม่ได้ เลยต้องรักษาแก้วหูก่อน ตอนนี้ก็คือทานยาแก้อักเสบไป แล้วก็พ่นยา คุณหมอบอกว่าอาทิตย์หนึ่งน่าจะโอเคแล้ว เพราะว่าถ้าเว้นเกินจากนี้ กลัวเชื้อโรคจะเข้าไปอีก เพราะต่อมเขามันโตมากเลยต้องรีบผ่า
สังเกตว่าทำไมเขาหายใจแรง นั่งระบายสีก็หายใจแรง ก็เลยเอ๊ะ ไปคุยกับคุณพ่อ คุยกับทุกคน คุยกับผู้ใหญ่ทุกคน ทุกคนก็บอกว่าไม่มีอะไร แต่เราด้วยความที่พี่โปรดเป็นมาก่อน สัญชาตญาณความเป็นแม่เนอะ ก็พาไปตรวจดีกว่า ปรากฎว่าพอเอกซเรย์ก็พบว่าต่อมนี้มันโตขนาดนาน 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้องก็จะมีเส้นทางให้หายใจเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น รักษาไม่ได้ ต้องผ่าอย่างเดียว ปกติจะมีการกินยา พ่นยา เป็นไปตามขั้นตอน มีการทำสลีปเทส แต่อันนี้ไม่ได้ต้องทำเลยค่ะ หมอให้ผ่าอย่างเดียว นอกจากหายใจติดขัดแล้วทุกอย่างก็ปกติมาก ปกติจนทุกคนไม่ได้สงสัยว่า… (เสียงสั่น) ว่ามันไม่ใช่ มันไม่ปกติ ซึ่งเมื่อพาไปเช็กมันก็จริงๆ ด้วย เป็นอย่างที่เราคิด แต่เราไม่ได้อยากให้เป็น”
บอกต้องผ่าตัดเอาออกอย่างเดียวเท่านั้น
“คุณหมอให้ผ่าเลยค่ะ อย่างตอนโปรดเป็นก็จะมีการพ่นยา ทำสลีปเทสก่อน อันนี้ไม่ต้องทำ เพราะว่ามันโตมาก คือมันส่งผลต่อสมองด้วยค่ะ ส่งผลต่อการเจริญเติบโต แต่การผ่าตัดนี่เป็นอะไรที่มันโอเคนะคะ หลังจากที่โปรดเคยผ่านมาแล้ว เราก็จะรู้ว่าผ่าออกไปมันโอเค แต่ด้วยความที่เราเคยเห็นพี่โปรดแล้ว มันเจ็บ แล้วสิ่งกลัวที่สุดคือขั้นตอนการวางยา
ความพร้อมของน้อง น้องก็สดใส คือน้องไม่รู้ค่ะ เราบอกเขาแค่ว่าคุณหมอจะเอาออกให้ แล้วหลังจากนี้ปาลินจะเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาก จากที่กินได้เยอะอยู่แล้ว ปาลินจะกินได้เยอะยิ่งขึ้น (หัวเราะ) แล้วก็ให้พี่โปรดเล่าค่ะ เพราะเขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน พี่โปรดบอกว่าสบายมาก นอนไม่รู้เรื่องเลย เขาก็ไม่ได้กังวลอะไร และตัวเราก็ไม่ได้แสดงความกังวลให้ลูกได้เห็น เราได้แต่กังวลในใจ
ตอนแรกก็คิดว่าเป็นไปตามกรรมพันธุ์หรือเปล่าเพราะพี่โปรดก็เป็น แต่น่าจะเกิดจากการเป็นภูมิแพ้มากกว่าค่ะ ก่อนผ่าตัดก็ต้องมีการตรวจเลือดว่าสรุปน้องแพ้อะไร หลังจากนี้ก็ต้องหลีกเลี่ยง แต่ถามว่าถ้าผ่าออกไปแล้วสามารถกลับมาเป็นได้อีกหรือเปล่า ตรงนี้ไม่น่านะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้โปรดปกติเลยค่ะ แล้วก็แข็งแรงมาก กินดี แฮปปี้ค่ะ”
สิ่งที่เราโพสต์หลายคนก็อ่านแล้วน้ำตาคลอตาม
“ก็แปลกเหมือนกัน เวลาที่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับลูก หรือว่าใครจะมาทำร้ายลูก เราพร้อมจะเป็นคุณแม่ที่แข็งแกร่งมากๆ แต่พอเรื่องเป็นความเจ็บป่วยของลูก (เสียงสั่น) อยู่ๆ มันทำให้เราอ่อนแอ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเราควรจะเข้มแข็งมากที่สุด เพื่อให้ลูกได้มีที่ยึดเหนี่ยว ตอนนี้ก็พยายาม คือคุณป๊อบ (นิธิ บุญยรัตกลิน) เขาแนวผู้ชายเนอะ เขาก็จะไม่ค่อยกังวล แต่มันมีเหตุการณ์ที่เราต้องวางยาสลบให้ลูกเอง เป็นคนกอดลูกไปที่เตียงและเป็นคนที่ให้ลูกดมยา ซึ่งอันนั้นแค่ของพี่โปรด จนถึงทุกวันนี้เราก็เจ็บปวดหัวใจมากๆ แล้ว พอต้องกลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก โอ้ย (ถอนหายใจ)
ที่เราต้องเป็นคนให้ลูกดมยาเองเพราะเด็กจะตกใจ ทุกคนคือคนแปลกหน้าสำหรับเขา แล้วในห้องมีแต่ไฟดวงใหญ่ๆ เขาต้องไปนอนอยู่บนเตียง เขาจะไม่ยอม เราไม่อยากให้มีการมัด เขาเชื่อใจเราที่สุด เราเลยต้องเป็นคนวาง ซึ่งตรงนี้มันเป็นขั้นตอนการวางยาสลบ แล้วเขายังเด็กมาก ซึ่งเราก็ค่อนข้างจะกังวล เรารู้ว่าทีมแพทย์เก่ง แต่ใจคนเป็นแม่เนอะ
ระยะเวลาพักฟื้น ก็แล้วแต่ตัวอาการของเด็กเลยค่ะ บางคนก็ 1-2 วัน อย่างพี่โปรดก็อาทิตย์กว่าๆ (แต่ปาลินแข็งแรงพักไม่นานหรอก?) อือ (ยิ้ม) ก็ภาวนาให้เป็นแบบนั้น (เสียงสั่น) คือคิดว่าอยากเป็นแทนได้ไหม ไม่อยากให้ลูกเจ็บ”