“คู่ค้า” ไม่แจ้งความ แค่ลงบันทึกประจำวัน ลั่น JKN Hi Shopping ค้างชำระค่าสินค้าเสียหาย 5 ล้าน แค่จ่ายมาก็จบ ด้าน JKN ยันหนี้เก่า มั่นใจเคลียร์จบ 7 ก.ค. นี้
วันนี้เวลา 10.30 น. กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันที่ สน.วังทองหลาง เพื่อเข้าร้องทุกข์ ลงบันทึกประจำวัน หลังจาก บริษัท เจเคเอ็น ไฮ ชอปปิ้ง จำกัด (JKN Hi Shopping) ผิดนัดชำระค่าสินค้าเป็นเวลาครึ่งปี ตั้งแต่เดือน ธ.ค.65 โดยวันนี้มีซัพพลายเออร์ จำนวน 4 ราย รวมค่าเสียหายราวๆ 5 ล้านบาท โดยหนึ่งในผู้เสียหาย “โต้ สุวัชชัย แก้วพระอินทร์” ได้เปิดใจเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนเองทำธุรกิจเกี่ยวสินค้าแฟชั่น และได้ส่งสินค้าไปขายที่ บ.ไฮช็อปปิ้ง เป็นเวลา 5-6 ปีแล้ว จากนั้น บ.ไฮช็อปปิ้ง ได้ควบรวมกับ บริษัท เจเคเอ็น ไฮ ช็อปปิ้ง จำกัด (JKN Hi Shopping) ซึ่งทำธุรกิจขายสินค้า แบบโฮมช้อปปิ้งผ่านช่อง JKN และช่องเคเบิ้ล PSI46 (แต่ช่องเคเบิ้ล ได้ปิดไปเมื่อปลายเดือน มิ.ย.66 ที่ผ่านมา)
ซึ่งตั้งแต่เดือน ธ.ค.65 มาถึงกลางปีนี้ (ปี 66) ยังไม่ได้รับเงินค่าสินค้า และถูกผัดผ่อนมาเรื่อยๆ โดยตามหลักแล้วจะวางบิลประมาณเดือนครึ่ง หลังจากนั้นก็ติดต่อไปทางฝ่ายบัญชี ก็มีการบ่ายเบี่ยงมาตลอด โดยให้เหตุผลว่าลาพักร้อน ทางตนก็เลยติดต่อไปทางผู้บริหาร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ซึ่งในทางกลับกัน บริษัท JKN Hi Shopping จำกัด ก็ได้มีการส่งอีเมล์แจ้งยอดขายมาทุกๆ 2 ครั้งต่อเดือนตามข้อสัญญาที่ทำไว้ ซึ่งหลังจากที่ลงบันทึกประจำวันเสร็จ ทางผู้เสียหายก็ได้เผยเพิ่มเติมว่า
“หลังจากที่แจ้งความไปแล้วก็มีผู้บริหารของบริษัทติดต่อเข้ามา แต่เรายังไม่ได้รับโทรศัพท์ ต้องขอปรึกษากันภายในบริษัทที่เรามาร้องเรียนด้วยกันก่อน ว่าจะดำเนินการยังไงต่อไป เพราะเราอาจจะต้องเตรียมหลักฐานเหล่านี้ เพื่อไปยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย แต่จริงๆ เราไม่ได้อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวอะไรเลยครับ อยากจะจบแบบที่เขาแค่จ่ายเงินให้ในส่วนที่เราต้องได้เข้ามาแค่นั้นก็จบ เพราะวันนี้เราแค่มาลงบันทึกประจำวันด้วยซ้ำ ยังไม่ได้แจ้งความหรือจะใช้กฎหมายในการมาต่อรองอะไรกัน
เราอยากให้เขาเข้ามารับผิดชอบในส่วนที่เราเดือดร้อนจริงๆ เพราะธุรกิจเรามีปัญหา เราต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เราลำบาก อยากให้เห็นใจตรงนี้ครับ ก็ไปกู้ยืมมาประมาณล้านนึงแล้วครับตอนนี้ เพราะเวลาขายของในทีวีมันจะเป็นก้อนใหญ่ๆ เงินลงทุนจะใช้ค่อนข้างสูง ในการที่จะเอาของมาลงต่างๆ ซึ่งถ้าเราไม่จ่ายเขาก็จะไม่ผลิตต่อไป ธุรกิจเราก็จะชะงัก”
จากนั้นเวลาประมาณ 13.30 น. ทางผู้บริหารฝั่งของ JKN Hi Shopping “องอาจ สิงห์ลำพอง” กรรมการผู้จัดการ เจเคเอ็น 18 และ JKN Hi Shopping พร้อมด้วย “นรินธร อนุเคราะห์ธนาพงษ์”รองกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบัญชี JKN Hi Shopping ได้มาแถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวในรายการ ข่าวร้อนรายวัน ทางช่อง JKN18 และรายการพิเศษของช่อง JKN - CNBC รวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดีย
โดย “องอาจ สิงห์ลำพอง” กรรมการผู้จัดการ เจเคเอ็น 18 และ JKN Hi Shopping กล่าวว่า
“จากกรณีเจ้าทุกข์เข้าลงบันทึกประจำวัน แจ้งเป็นหลักฐานบริษัท JKN Hi Shopping จำกัด กรณีค้างชำระค่าสินค้านานหลายเดือน ทางบริษัท JKN Hi Shopping จำกัด ขอเรียนชี้แจงในกรณีดังกล่าว กลุ่มบริษัท JKN ได้เข้าเป็นเจ้าของกิจการบริษัท Hi Shopping จำกัด ต่อจากฮุนได เกาหลีใต้เมื่อเดือนพ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ทางบริษัทอยู่ในระหว่างการดำเนินการเคลียร์ชำระหนี้ โดยมีการออกจดหมายและอีเมล์เพื่อแจ้งบริษัทคู่ค้าทั้งหมดเรื่องกำหนดการชำระหนี้ ซึ่งทางบริษัท Hi Shopping เห็นว่าถ้าบริษัทคู่ค้าไม่สะดวกตามกำหนดการเหล่านั้น บริษัทคู่ค้าสามารถทำจดหมายแจ้งความประสงค์มาทางบริษัท Hi Shopping ได้
ขณะนี้การชำระหนี้การค้าอันล้วนแล้วก่อเกิดจากเจ้าของเดิม โดยไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท JKN globle group จำกัด (มหาชน) ได้ถูกจัดสรรเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 95% ในเดือนพ.ค. 2566 และส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเพื่อชำระหนี้ทั้งหมด และขอยืนยันอีกครั้งนะครับว่ากลุ่มบริษัท JKN มีการประกอบธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลมาโดยตลอดขอบคุณมากครับ”
ทางด้าน “นรินธร อนุเคราะห์ธนาพงษ์” รองกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบัญชี JKN Hi Shopping ก็ได้เผยว่า
“ทางบริษัท Hi Shopping ไม่ได้นิ่งนอนใจในกรณีที่เกิดขึ้นนะคะ ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง Hi Shopping ได้มีการติดต่อประสานงานเพื่อหาข้อตกลงร่วมกันกับทางบริษัทคู่ค้าคู่กรณีดังกล่าวมาโดยตลอด ทาง Hi Shopping ยินดีรับฟังข้อเสนอ และวางแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจร่วมกันต่อไปได้ ทั้งนี้ Hi Shopping มีความเสียใจที่ทางคู่กรณีรายดังกล่าวได้เข้าลงบันทึกประจำวัน และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนให้เป็นประเด็นที่ใหญ่โตเกินกว่าเหตุนะคะ ท้ายที่สุดนี้ทางบริษัท Hi Shopping ขอยืนยันว่าหนี้การค้าทั้งหมด ได้ถูกกำหนดให้ชำระเสร็จสิ้นภายในวันศุกร์ที่ 7 ก.ค. 2566 นี้ค่ะ”
ซึ่งทางผู้ดำเนินรายการยังสรุปสุดท้ายว่า “ยืนยันว่าจากกรณีที่เกิดขึ้นทางคู่ค้า 95% ได้รับการชำระค่าสินค้าไปแล้ว เหลืออีกเพียง 5% ที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ กรณีที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเพียงเจ้าเดียวเท่านั้นที่ไปลงบันทึกประจำวัน”