“หนิง ปณิตา” ไม่ขอยืดหยุ่น ยืนยันตามข้อเรียกร้องเดิม หลังคู่กรณีไม่ยอมมาไกล่เกลี่ยถึง 2 ครั้ง บอกมั่นใจในหลักฐานและพยาน ไม่ขอตอบ “จิน” เป็นฝ่ายหาทนายให้คู่กรณี พร้อมขอเวลาไปคุยกับลูกสาวก่อน ค่อยมาเคลียร์ข่าวหย่า
ยังไม่จบง่ายๆ สำหรับคดีที่ “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ”เป็นโจทก์ยื่นฟ้องมือที่สาม ในคดีละเมิดเรียกค่าเสียหายบุคคลที่ 3 โดยความคืบหน้าล่าสุด เวลา 13.00 น. วันนี้ (4 ก.ค.2566) เจ้าตัวได้เดินทางมาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พร้อมด้วยน้องสาว “แนน” และทนายความ “นายพิทักษ์ สุขสมวงศ์”ตามที่ศาลนัดไกล่เกลี่ยครั้งที่สอง แต่ปรากฎว่าทางฝั่งของคู่กรณีส่งทนายความมาแทน ซึ่งเป็นครั้งที่สองแล้วที่คู่กรณีไม่มาด้วยตัวเอง
โดยหนิงใช้เวลาในห้องไกล่เกลี่ยเกือบ 2 ชม. ก่อนจะลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ปัดตอบอดีตสามี “จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” เป็นคนหาทนายความให้คู่กรณีจริงหรือไม่ แต่ยอมรับเป็นสิ่งที่ทำให้ตนรู้สึกเจ็บปวด ถึงกับน้ำตาคลอเสียงสั่นตอบเรื่องข่าวหย่า บอกขอกลับไปคุยกับลูกก่อน
ทนาย : "วันนี้คู่กรณีไม่ได้มาครับ คู่กรณีเลื่อนไปเหมือนเดิมคือไม่ประสงค์มา ศาลท่านก็เลยนัดให้สืบพยานไปเลยวันที่ 4 ต.ค. เขาขอเป็นวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ แต่ศาลท่านบอกไม่อนุญาต ท่านบอกไม่มีเหตุผล ท่านต้องการให้เข้ามาคุยกัน ถามว่าการที่เขาไม่มาในวันนี้ส่งผลเสียต่อเขายังไงบ้าง ก็อาจจะไม่ได้คุยกัน อย่างที่เรียนคราวที่แล้วไป แต่ยังไงศาลท่านก็ต้องให้มาสืบพยานอยู่ดีครับ"
หนิง : "ยังยืนกรานความต้องการเดิมไหม จริงๆ ณ วันนี้คือคนเรามันจะมีธงอยู่แล้ว เรามีธงที่เราจะฟ้องร้องค่าเสียหาย ทั้งหมดเท่าไหร่ แต่พอเวลามันผ่านไป เราก็คุยกับพี่ๆ เขาก็บอกว่าจบๆ มันไปเถอะ แต่ทุกครั้งที่มันจะจบๆ ไป มันก็จะมีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เรารู้สึกว่ากลับมาธงเดิมก็แล้วกัน ก็แบบนั้นค่ะ มันเป็นอย่างนี้มาไม่รู้กี่รอบแล้ว พอจะจบๆ ให้ ก็กลับมาธงเดิมแล้วกัน
แต่ในประเด็นว่ามันมีเรื่องราวอะไร หนิงขอว่าหนิงไม่ไปลงรายละเอียดแล้วกัน เอาเป็นว่าหนิงก็ยังเป็นธงเดิมของหนิงอยู่ อย่างวันนี้ถ้าเขาไม่มา เขาก็คงมอบหมายบางอย่างให้ทนายมาเจรจา ซึ่งสิ่งที่เจรจาถ้าทุกคนรู้ก็คงรู้สึกว่า หือ หนิงเองนั่งอยู่ก็ หือ แล้วหนิงก็กลับไปที่ธงเดิมของหนิงจริงๆ ก็สงสารทนายเขาเหมือนกันค่ะ ทนายเขาก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เขาก็เข้าใจความรู้สึกของเราทุกอย่าง แต่อยู่ในหมวกของทนายเขา เขาก็พยายามที่จะเจรจาให้มาพูดคุย ซึ่งหนิงก็บอกว่าหนิงรอได้ถึงเย็นนะ
ถามว่าเพราะว่าข้อเสนอของเขาไม่โอเคหรือเปล่า หนิงขออนุญาตไม่ไปลงถึงรายละเอียดแล้วกัน แต่ในส่วนของหนิงก็คงยังอยู่ในธงเดิม ซึ่งมันก็เป็นธงที่สมเหตุสมผลกับสิ่งที่เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนิงต้องสูญเสีย ครอบครัวค่ะ"
บอกขนาดกรณีไฮโซ “น้ำหวาน วรพรรณ พันธุ์คงชื่น เพชรนันทวงศ์” ที่เคยมีคดีกัน ก็ยังกลายมาเป็นเพื่อนกันได้ถ้ามีความจริงใจให้กัน
หนิง : "ถามว่าอีกฝ่ายเขาไม่มีความรู้สึกอยากจะขอโทษกับเราเลยใช่ไหม ยังจำกรณีน้องน้ำหวานได้ไหมคะ ที่เป็นข่าวเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนนี้หนิงกับน้ำหวานกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว และวันที่หนิงจะชนะทุกอย่างแล้วด้วย ดันเป็นวันที่หนิงยกทุกอย่างให้ เพราะนั่นคือสิ่งที่น้องน้ำหวานทำให้หนิงเห็นว่าเขาน่ารัก จริงใจ ทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นน้องสาวที่ดีของหนิงคนนึง คือคนเราทุกคนมันผิดพลาดกันได้ หนิงเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่เคยผิด ทุกคนผิดพลาดกันได้หมด แต่เมื่อผิดพลาดแล้วและเราอยากจะแก้ไข เราต้องแก้ไขสิ่งเหล่านี้ด้วยความจริงใจและยอมรับความผิดจริงๆ ไม่ใช่พยายามที่จะโทษว่า เป็นเพราะอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะถ้ามันมีความคิดแบบนี้แล้ว เรื่องราวมันก็ไม่มีวันจบ แล้วมันยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกเจ็บปวด"
ทนาย : "เรื่องคดีจะยากขึ้นไหมเหรอครับ ก็คงไม่ยากครับ เพียงแต่ว่าเมื่อเขาไม่ตกลงด้วย การดำเนินคดีอาจจะต้องระมัดระวังขึ้น ก็เป็นปกติของทนายอยู่แล้วครับ"
หนิง : "ซึ่งวันที่ 4 หนิงมาสืบพยานในตอนเช้า ทางคู่กรณีสืบพยานในตอนบ่ายค่ะ เรามั่นใจในพยานหลักฐานทุกอย่างว่าแน่น ใช้คำว่ายิ่งกว่ามั่นใจดีกว่าค่ะ ถ้าหนิงตัดสินใจว่าหนิงจะฟ้องแล้ว หนิงก็ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่หนิงมีอยู่ในมือ มันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับหนิง และที่สำคัญคือกฎหมายมันก็ชัดๆ อยู่แล้ว และทนายหนิงก็เก่งมากด้วย
ที่เขาไม่มาถึง 2 ครั้งคิดว่าเป็นเพราะเขาไม่กล้าเจอหน้าเราหรือเปล่า อันนี้หนิงไม่ทราบได้ค่ะ หนิงไม่สามารถที่จะไปคิดแทนเขาได้ แต่สมมติถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวหนิง ต่อให้หนิงเป็นคนผิด หนิงก็จะเดินเข้าไป เหมือนทุกครั้งที่หนิงผิด แล้วพี่ๆ ก็มารุมสัมภาษณ์หนิง หนิงก็จะเดินมาบอกว่าหนิงผิดค่ะ หนิงขอโทษค่ะหนิงก็เป็นแบบนั้นทุกครั้ง"
ขอแก้ต่างแทน “ธัญญาเรศ เองตระกูล” ว่าไม่ได้ช่วยฝ่ายตรงข้าม แต่เตือนสติและคอยแนะนำตนมากกว่า
หนิง : “ที่บอกว่าก่อนหน้านี้เขาฝากทางพี่ธัญญ่ามา อันนี้ขอแก้ข่าวแทนพี่ญ่าด้วยนะ มันก็มีบางกระแสไปโจมตีพี่ญ่าว่ามาเป็นคนกลางทำไม ทั้งๆ ที่พี่ธัญญ่าก็อยู่ในเวย์เดียวกับหนิง ทำไมถึงไม่เข้าข้างหนิง คือหนิงจะบอกว่าพี่ญ่าเป็นกำลังใจและซัปพอร์ตให้หนิงเสมอๆ ตลอด พี่ญ่าแค่นำสิ่งที่เขาต้องการขอร้องมาบอก ทั้งหมดทั้งมวลมันจะเป็นยังไง มันก็อยู่แค่การตัดสินใจของหนิงและพี่ญ่าก็จะพูดกับหนิงว่า พี่แค่บอกสุดท้ายเราก็ดูกันไป พี่ก็ต้องดู หนิงเองก็ต้องดูว่าเจตนาเป็นยังไง เพราะเอาจริงๆ ถ้าเป็นตัวพี่ก็ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เพราะพี่ก็โดนมากับตัว
แต่พอตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ในเวย์ที่เป็นเด็ก เราจะฟาดฟันเอาชนะอย่างเดียว เราก็โตขึ้นแล้ว ถ้าคนที่ทำผิดแล้วพร้อมที่จะรับผิดอย่างจริงใจ แล้วพยายามที่จะแก้ไข ถ้าเราจะไม่เปิดโอกาสให้เลย เราก็จะดูเป็นคนอยากจะเอาแต่ชนะอย่างเดียว วันนี้เราเป็นแม่ของลูก จะสอนลูกให้ได้ดีเราก็ต้องพยายามที่จะแก้ไขตัวเราให้ดีในหลายๆ เรื่อง ซึ่งเราก็ไม่ได้เป็นคนดี แต่มันคือเราพยายามจะเรียนรู้และทำให้มันดีที่สุดเท่าที่จะดีได้”
บอกถึงอีกฝ่ายอยากจะขอโทษ ก็ไม่เพียงพอ
หนิง : “อย่างที่หนิงบอกว่าคำขอโทษเพียงพอไหม มันไม่เพียงพอหรอกค่ะ แต่ถ้ามันเป็นการขอโทษและการที่พยายามทุกอย่าง อย่างจริงใจที่หนิงสัมผัสได้ว่ามันไม่แอบแฝงอะไรเลย ยกตัวอย่างง่ายๆ จากคดีเก่า วันนี้หนิงบอกว่าเขาเป็นน้องที่หนิงรักคนนึง อันนั้นเพียงพอ แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ก่อนอื่นเลย ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงคุณต้องสำนึกในความผิดของคุณก่อน ถ้าตราบใดที่คุณไม่สำนึกในความผิดของคุณ สิ่งเหล่านี้มันก็จะไม่เกิดขึ้น มันก็จะยืดเยื้อกันต่อไป เพราะว่าหนิงเองจะไม่คุยแล้ว ทุกอย่างมันทำลายความรู้สึกหนิง (เสียงสั่น) ฉะนั้นถ้าทุกอย่างมันทำร้ายความรู้สึกหนิง ก็ให้กฎหมายเป็นตัวจัดการ แล้วหนิงก็จะได้ถอยออกมาอีกสเต็ปนึง ไปสร้างพลังงานดีๆ ที่จะต้องทำอะไรดีๆ ดีกว่า”
ทนาย : “ครั้งหน้าเขาต้องมาครับ ถ้าไม่มาก็มีโอกาสแพ้คดีครับ ยังไงเขาต้องมาปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่เรากล่าวอ้างครับ”
ไม่ปฎิเสธ “จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” เป็นฝ่ายหาทนายให้คู่กรณี บอกรอพร้อมอีกนิดจะมาชี้แจงเรื่องหย่า
หนิง : “จริงๆ คำถามนี้ควรไปถามพี่จิน เพราะถ้าเป็นคำถามมาจากหนิง แล้วหนิงเป็นคนตอบ ก็จะบอกว่าแล้วเธอมีหลักฐานอะไร แล้วถ้าหนิงบอกว่ามีพยานบุคคลล่ะ เขาก็จะบอกว่าบุคคลนั้นโกหก ไปถามคุณจินแล้วกันค่ะ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้หนิงเจ็บปวดมากที่สุดค่ะ
ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีภาพครอบครัวออกมา ทุกคนก็จะรู้ดีอยู่แล้วว่าในส่วนประเด็นของครอบครัว หนิงพยายามทำทุกอย่างในหน้าที่ของการเป็นทั้งพ่อและแม่ของน้องณิรินให้ดีที่สุดในวันนี้ และก็พยายามที่จะดึงทุกๆ อย่าง ให้สถานการณ์ที่เด็กคนนึงที่เขาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่เขาต้องมาเจอกับความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในครอบครัว ให้เขาได้อยู่ในสถานการณ์เดิมๆ สิ่งแวดล้อมเดิมๆ ที่ไม่กระทบกับใจเขามาก นั่นคือสิ่งที่แม่คนนึงพยายามที่จะต้องทำให้ดีที่สุด
แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมาก เขาเองเป็นคนโพสต์รูปนั้น แล้วเขาก็คอลแล็ปมาที่หนิง เพราะเวลาหนิงโพสต์รูปอะไรกับเขาก็จะคอลแล็ปไปที่เขา หนิงปฏิเสธไม่ได้ที่จะกดตอบรับ แล้วเขาก็ถามก่อนโพสต์ ยิ่งน้องเป็นเด็กที่สตรองและแข็งแรงเท่าไหร่ พวกเราทุกคนยิ่งต้องแคร์ความรู้สึกเล็กๆ ของเขา
หนิงรู้ว่าทุกคนอยากจะได้อะไรจากปากหนิง แต่ว่าอย่างที่หนิงบอก หนิงยังไม่ได้คุยกับลูก ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดเชื่อเถอะว่าไม่ว่าหนิงจะตัดสินใจทำอะไรก็แล้วแต่ หนิงจะตัดสินใจช้าๆ อย่างมีสติ แล้วให้กระทบกับลูกน้อยที่สุด เพราะเขาต้องมาเจอการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ เรื่อง แบบที่เขาไม่มีความจำเป็นต้องมาเจอเรื่องที่มันคือเรื่องของผู้ใหญ่ 2 คน แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้กับคำว่าครอบครัว เมื่อผู้ใหญ่ 2 คนมีปัญหากัน มันก็ย่อมส่งผลกระทบถึงเด็กโดยปริยาย
เดี๋ยวเราไว้นัดกันใหม่ ขอหนิงพูดคุย ทำความเข้าใจกับลูกให้ชัดเจนกว่านี้ หนิงไม่หนีพวกพี่ เพราะหนิงก็ยังต้องพึ่งพวกพี่อยู่ในหลายๆ เรื่อง แล้วพวกพี่ก็มาโดยที่หนิงรู้ว่าไม่มีใครจี้หนิง แต่ทุกคนก็อยากได้คำตอบ มันเป็นหน้าที่ แต่หนิงก็ขอเวลาหน่อย แล้วหนิงจะตอบค่ะ”