“ท็อป จรณ” หวิดเป็นซึมเศร้าเพราะหมอนรองกระดูกปลิ้นทับเส้นประสาท โอดรักษามาปีครึ่ง เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา ดีขึ้นแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังวิ่งยาวเหมือนเดิมไม่ได้ กำลังใจดีเพราะครอบครัว อัปเดตรักตอนนี้มีคนคุยแล้ว เริ่มจากเพื่อนยังไม่เรียกแฟน ที่ไม่เปิดเพราะฝ่ายหญิงขอความเป็นส่วนตัว
เรียกว่าเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ สำหรับหนุ่ม “ท็อป จรณ โสรัตน์” ที่ต้องพักรักษาตัวกว่า 1 ปีครึ่ง หลังบาดเจ็บจากการถ่ายทำซีรีส์แอ็กชั่น ทำให้หมอนรองกระดูกปลิ้นทับเส้นประสาท กลับมาทำกิจวัตรประจำวันแบบเดิมไม่ได้จนเกือบเป็นซึมเศร้า โดยล่าสุดวันนี้ (3 ก.ค.) ได้เจอหนุ่มท็อป ในงานแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม “Innovation Thailand Run 2023” เจ้าตัวก็ได้อัปเดตอาการล่าสุดให้แฟนๆ ได้หายห่วง ว่าตอนนี้ดีขึ้นถึง 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ยังต้องรักษาอยู่
“ตอนนี้จริงๆ ก็ดีขึ้นเยอะมากแล้วครับ ประมาณเกือบ 6 เดือนแล้ว ที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ยังต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ผมพักออกกำลังกายไปเกือบ 3 เดือน เพื่อรักษาแบบจริงๆ คือที่ผ่านมาก็รักษาแบบจริงๆ แต่การรักษาแต่ละคุณหมอก็ไม่เหมือนกัน ผมเองมีความคาดหวัง ว่าอยากจะกลับมาเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็เลยมีวินัยค่อนข้างสูง แล้วงานนี้ก็เป็นงานแรกเลย หลังจากที่ผมบาดเจ็บ ก็จะได้กลับมาวิ่งอีกครั้งหนึ่งครับ เหมือนเป็นการทดสอบว่าเราจะกลับมาไหวไหม ทำกิจกรรมเหมือนเดิมได้ไหม ก็เป็นเป้าหมายที่ทำให้ผมเริ่มกลับมาซ้อม แล้วซ้อมหนักก็ไม่ได้ ต้องปรึกษากับแพทย์และทำกายภาพไปด้วย ว่าตอนนี้อาการเราเป็นแบบนี้ ถ้าเราซ้อมแล้วเรามีอาการเจ็บแบบนี้ต้องทำยังไง ก็อาจจะเป็นหนึ่งกำลังใจแล้วกัน ให้คนที่มีอาการบาดเจ็บ ได้มีกำลังใจในการกลับมาฟิตและออกกำลังกายได้อีกครั้ง”
ดีขึ้นแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ ยังมีบางจังหวะที่เจ็บอยู่
“ส่วนตัวคิดว่าประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว เพียงแต่บางจังหวะมันก็อาจจะกระทบกระเทือนแล้วก็เจ็บ อย่างเช่นตอนนี้ (หัวเราะ) มันจะชาตรงแขน แล้วคอก็จะปวดจะตึง คือคุณหมอเขาจะบอกเลยว่ากิจกรรมไหนที่ทำได้ หรืออันไหนหนักเกินไป ถ้ามันกระทบกระเทือนข้อต่อมากๆ จนเรารู้สึกว่ามีอาการแปลบหรือตึง ก็ให้หยุดและประคบน้ำแข็งก่อนเบื้องต้น แล้วรอดูว่าหลังจากประคบแล้วอาการมันเป็นยังไง ถ้าไม่ดีขึ้นก็อาจจะต้องเข้ามากายภาพ คือมันเป็นอาการที่คุณผ่าก็ได้ แต่ไม่การันตีว่าจะหาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมเลือกคือกายภาพ และทำให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นของเราแข็งแรงขึ้นดีกว่า”
ช่วงแรกๆ หงุดหงิดและนอยด์ เกือบเป็นซึมเศร้า เพราะออกไปทำกิจกรรมแบบเดิมไม่ได้
“มากๆ ช่วงหนึ่งผมรู้สึกว่าผมซึมเศร้าเลยนะ คือตื่นเช้ามาเราเคยเข้ายิมเลย ตอนเย็นเราอยู่สวน ไปวิ่ง แล้วอยู่ดีๆ มันทำไม่ได้เลย ต้องพักไป มันก็เหงา มันนอยด์ ได้แต่นอนอยู่ที่ห้อง ไม่อยากออกไปไหน งานก็ทำได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม บางอย่างมันอาจจะต้องหยุดพักไป
มันไม่ถึงขนาดต้องไปหาหมอ มันเป็นแค่ความรู้สึก มันเฟลในใจ ไม่ถึงนั้นต้องปรึกษาแพทย์ ผมแค่รู้สึกว่าเราเหงาจังเลย ทำไมกลับไปทำอะไรเหมือนเดิมไม่ได้ แล้วเราจะทำอย่างนั้นได้อีกไหม หรือเราต้องยอมรับมันวะ เราเคยมีเอนเนอร์จี้ ไปทำงานเจอคนแล้วมันสดใส แต่อันนี้เราไปแล้วมันหงอยๆ”
พักไปนาน 1 ปีครึ่ง ใครว่าอะไรดีทำหมด
“ปีครึ่งครับ ถามว่าฮีลตัวเองยังไง ก็ทำทุกอย่างนะ ใครว่าอะไรดีทำหมด หมอไหนว่าดีผมก็ไป ทั้งฝังเข็ม กายภาพ ก็มีหลากหลายประเภท คุณหมอแต่ละท่านก็มีวิธีการวินิจฉัยโรคและวิธีการรักษาไม่เหมือนกัน มันไม่มีเสียน้ำตานะ มันเป็นแบบน้ำตาตกใน เราไปสวนเราเดินได้ แต่พอเห็นคนวิ่งผ่านไป เราก็อยากทำ 1 ชั่วโมงเราเก็บได้เป็น 10 กิโล แต่ตอนนี้เราได้แค่เดินไปเรื่อยๆ ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปหมดเลย ตอนนี้ก็มีลองครับ วิ่งได้ประมาณ 3-4 กิโล แต่ไม่ได้วิ่งตลอดนะ วิ่ง 300 เมตร พัก 100 เมตร วิ่งยาวยังไม่ได้”
ครอบครัวให้กำลังใจ ไม่อยากให้หักโหม
“ครอบครัวก็ให้กำลังใจอยู่แล้วครับ แต่ส่วนใหญ่เขาจะบอกว่าระวังอย่าหักโหม อย่าคิดว่าตัวเองทำได้แล้ว แล้วก็ทำ ซึ่งอันนี้ผมจะระวังมากๆ เพราะเราไม่อยากให้มันกลับไปรุนแรงเท่าตอนแรก เพราะมันขยับแขนไม่ได้ แล้วมันจะลำบากคนในครอบครัวครับ”
หมดค่ารักษาไปเยอะ เสียทั้งเงินทั้งเวลา
“เยอะครับ แต่ไม่ถึง 7 หลัก คือถ้าใครที่เคยรักษาแนวนี้ ก็จะทราบดีอยู่แล้ว ว่า 1 ครั้งในการไปกายภาพ มันก็ประมาณหนึ่ง ค่าแพทย์ ค่า mri ค่าเอ็กซเรย์ แล้วมันต้องหาต่อเนื่องด้วย ก็จะเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ซึ่งมันทำให้มุมมองการใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปเลยครับ บางครั้งเราคิดว่าเราแข็งแรงสุขภาพดี อายุยังน้อยอาจจะประมาทในบางอย่างไป แต่พอบาดเจ็บขึ้นมาแล้ว บางครั้งมันไม่คุ้มเลย เพราะเรายังต้องมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ยังมีคนข้างหลังต้องดูแล มันคิดเยอะขึ้น ถามว่าเริ่มแรกมันเป็นได่ยังไง คือผมถ่ายซีรีส์แอ็กชั่น แล้วก็บาดเจ็บครับ”
กำลังใจดีเพราะมีคนคุย
“เขาก็ให้กำลังใจครับ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนชอบออกกำลังกาย แต่ก็จะคอยห้าม ว่าอย่าหักโหมมากนะ (เยียวยาเราได้ไหม?) คุณหมอเยียวยาเราได้ครับ (หัวเราะ)”
คุยมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่เรียกแฟน
“ก็กำลังคุยอยู่ ค่อยๆ คุยไป จริงๆ แล้วเขาชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า เป็นคนนอกวงการครับ เราคุยกันมาสักพักหนึ่งได้แล้ว ถึงปีหรือยังจำไม่ได้ครับ (เรียกแฟนหรือยัง?) ไม่ครับ จริงๆ แล้วก็เป็นเพื่อนกัน แล้วก็คุยกันนี่แหละ”
ทำฮือฮาตอบในรายการ “ห้องเชือด ss2” เกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์
“คือจริงๆ แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันจะขนาดนั้น ด้วยความที่เป็นรายการเพื่อน เราก็คุยกันแบบขำๆ เฮฮามากกว่า คือถ้าอ่านมันอาจจะดูแรงไปนิดหนึ่ง แต่เราไม่ได้มีความตั้งใจจะให้มันเป็นอะไรแบบนั้น เหมือนเพื่อนคุยกันมากกว่า ก็มีเพื่อนมาแซวครับ ผมก็เขินๆ เหมือนกัน จริงๆ มันเป็นคอนเทนต์ที่คุยกันถึงสมัยเด็กๆ มันนานมากแล้ว มันเด็กมากๆ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้หรอก ว่ามันถูกมันผิด หรืออะไรยังไง ก็เป็นเหมือนการแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนฟังเฉยๆ ครับ (ไม่ค่อยชอบแตะตัวผู้หญิง เลยทำให้ผู้หญิงในชีวิตหายไป?) มันก็ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ (หัวเราะ) คือการไม่แตะเนี่ย หมายถึงว่าเราให้เกียรติเขา แล้วเราก็ไม่ได้คิดอะไรตรงนั้น เราก็แค่อยากมีสเปซให้มันชัดเจนมากกว่า”