xs
xsm
sm
md
lg

เปิดชีวิตทำอะไรก็เจ๊ง “แวร์ โซว” ดิ่งสุด ชวนลูกไปตายกันเถอะ (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แวร์ โซว” ซึมเศร้ากำเริบ เผย 1 ปีที่ผ่านมาไม่มีงาน ใช้เงินเก็บจนหมด พยายามขายของทุกอย่างแต่ก็เจ๊ง ดิ่งขั้นสุด ชวนลูกไปตายกันเถอะ

เป็นข่าวล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอดสำหรับ “แวร์ โซว” อดีตดาราชื่อดัง ก่อนหน้านี้ก็ขายปลาหมึกย่างกับ "น้องคนดี" ลูกสาวที่หน้าอพาร์ทเมนต์ที่พักอาศัย จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง ล่าสุดเจ้าตัวก็โพสต์ข้อความ อยากจะไปสมัครงานเป็นเด็กปั๊ม ทำงานเซเว่น แล้วจะให้ลูกไปทำงานอเมซอน ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดใจกับ Mgr บันเทิงว่า ขายของมาทุกอย่างแล้วแต่ก็เจ๊งหมด จนเงินเก็บหมดแล้ว ทำเอาซึมเศร้ากำเริบ ถึงขั้นชวนลูกไปตายกันเถอะ

แวร์ โซว : “เริ่มขายปลาหมึกสดย่างประมาณปลายปีที่แล้วค่ะ เราสั่งมาจากสุราษฎร์ธานีเลยค่ะ อยากให้ลูกค้าได้กินของสดอร่อยๆ น้ำจิ้มก็ทำเองรสเด็ดมาก ก็ขายอยู่ที่หน้าอพาร์ทเมนต์ที่เราพักอาศัยอยู่ คนก็กินค่ะแต่ราคามันก็สูงเขาก็กินกันทุกวันไม่ไหว กำไรเราก็ไม่ได้เยอะบาทสองบาท ก็สู้อยู่ 2 เดือน ก็ตัดสินใจปิดดีกว่าไม่งั้นก็ต้องควักเนื้อไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็มาขายบ๊วยรวมรสออนไลน์ ก็มีกลุ่มแฟนคลับสนใจมาสั่งซื้อแต่โดนโรงงานโกงไม่ส่งของให้ เราก็ต้องเอาเงินเราคืนลูกค้า ทางโรงงานของก็ไม่ยอมคืนเงินให้ก็หมดไปเป็นหมื่น”

“ละครก็มีติดต่อมาเมื่อกลางปีที่แล้ว แต่คิวมันคลาดเคลื่อนกันกับนักแสดงนำก็อดได้เงิน อีกเรื่องเป็นซีรีส์แต่ไม่ได้เต็มเรื่องเราก็ได้เป็นเล็กๆ น้อยๆ ทำให้รายรับรายจ่ายไม่สมดุลกัน เราก็ใช้เงินเก็บมาเรื่อยกระทั่งมาขายปลาหมึกย่าง และตอนนี้เงินเก็บก็หมดแล้วเพราะมันเป็นปีแล้วที่เราไม่มีงาน”

“ไม่ใช่เราไม่พยายามทำอะไร แต่ด้วยความที่เรามีปัญหาสุขภาพหลายๆ อย่าง เราเป็นโรคซึมเศร้า ก่อนหน้านี้รักษามาแล้วดีเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จากที่อยากฆ่าตัวตายจนมันดีขึ้นเราแฮปปี้แล้ว แค่มีงานทำมีชีวิตอยู่กับลูกก็มีความสุขแล้ว พอไม่มีงานและโดนโกงมันก็กลับมาเครียดอีก พอมาเป็นอีกอาการมันจะหนักก็ต้องมาปรับยาใหม่ ยาตัวใหม่มันมีเอฟเฟกต์กับร่างกายมันจะทำให้เราซึมแล้วก็หลับ อย่างถ้าโทร.ตอนเช้าจะมาเจอตอนบ่ายไม่ได้นะ เราจะคุยไม่รู้เรื่องต้องนัดล่วงหน้า เราต้องให้ยามันสลายก่อน ต้องหยุดยาตัวนั้นไปหนึ่งวัน”

ดิ่งสุด ชวนลูกไปตายกันเถอะ
แวร์ โซว : “หมอเขาจะถามเรื่องความคิดเราตลอดว่า เราเป็นยังไง งานการเป็นยังไง เราก็บอกว่า มันไม่มีอะไรกังวลใจแล้ว ยิ่งไม่มีอะไรกังวลใจ มันยิ่งน่ากลัวกว่า เรายังชวนคนดีเลยว่า เราตายกันไหม ก็ชวนลูกเลยว่า เราไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว เราเหนื่อยกับการใช้ชีวิตแล้ว เราตายกันดีกว่า”

น้องคนดี : “หนูอยู่กับคนไข้ภาวะซึมเศร้าถึงจุดที่ตัดสินใจใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ถึงจุดที่มันดีขึ้น คิดว่าทุกอย่างลงตัวแล้ว แต่ก็มาเจอกับอุปสรรคทำให้กลับมาอยู่ในจุดเดิม คิดว่าสถานการณ์ในครอบครัวไม่ได้เลวร้าย เพราะหนูยังอยากใช้ชีวิต”

คิดจะไปเป็นเด็กปั๊ม
แวร์ โซว : “หน้าปากซอยมีปตท. มีอเมซอน แล้วก็มีเซเว่น เราก็คิดว่าให้คนดีไปทำอเมซอน ส่วนแม่ไปทำเซเว่นและกะเย็นไปทำปั๊มน้ำมัน ก็คิดว่ารายได้ 3 อย่างถ้าเราช่วยกันทำก็จะมีรายได้เข้ามาจุนเจือ เราก็นั่งพูดเรื่องนี้กับลูกหลายวัน แต่คิดไปคิดมาทั้ง 3 มันดูแลคนละส่วน เขาคงไม่ให้เราทำขนาดนั้น”

“เราก็ยังอยากทำงานละครอยู่ เพราะเป็นงานที่เราทำมาตั้งแต่เด็ก 30 กว่าปีแล้ว แต่ว่าตอนนี้ทีมงานต่างๆ ก็เป็นเด็กใหม่ๆ เขาก็อาจจะไม่รู้จักเราไม่มีเบอร์ติดต่อเรา ก็เลยทำให้เชื่อมกันไม่ถึง เราก็พยายามสู้ว่ามันต้องมีอะไรดีๆ เข้ามา ก็ให้กำลังใจกัน”

“ที่ผ่านมาเราก็ขายของออนไลน์มาเยอะมาก ขายไข่เค็ม ขายไข่แดงแช่น้ำปลา เครื่องไล่ยุงไฟฟ้าก็ขายมาแล้ว ขนมก็เคยทำขาย บลูเบอรี่ชีสก็ขายมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ อยู่อพาร์ทเมนต์จะทำอาหารขายก็ไม่ได้เพราะตามหลักเขาไม่ให้ทำอยู่แล้วก็อนุโลมให้ทำกินเล็กๆ น้อยๆ ได้ ขายมาหมดทุกอย่างแล้วค่ะ”

ปัจจุบัน “น้องคนดี” เรียน Home school ยังไม่อยากเข้าระบบการศึกษา
น้องคนดี : “หนูสนใจงานเขียน ก็เลยเขียนเป็นนิยายเล็กๆ น้อยๆ กึ่งชีวิตประจำวันไปด้วย ยังไม่ได้จริงจังสักเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งหนทางที่หนูพอจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าจะจริงจังในอนาคต เขียนลงใน Read a live ส่วนการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยตอนนี้ยังไม่มีแพลนค่ะ เคยคิดเหมือนกันแต่มีอะไรหลายๆ อย่างทำให้รู้สึกว่า ถ้าเราไปเข้าระบบตอนที่ยังไม่สามารถหาอะไรที่ชอบได้ มันจะกลายเป็นการเสียเวลา ตอนนี้ก็พยายามหาสิ่งที่ตัวเองชอบสนใจจริงๆ ก็จะเป็นการศึกษาเฉพาะทาง เว้นแต่ในอนาคตถ้าเรามองว่า มันจะคุ้มค่าในการเข้าระบบก็อาจจะเป็นแพลนในอนาคตอีกทีนึง”

“ไม่เรียนในระบบ ไม่ใช่เพราะห่วงคุณแม่ หนูพร้อมที่จะไปเรียนในระบบ แต่ตอนนี้เหมือนกับหนูอยู่กับเขามาทั้งชีวิตมามากกว่า ก็เคยชินที่อยู่กับเขาด้วย แต่ถ้ามีเหตุผลให้ไปทำงานก็ไปได้”

“หนูมองว่าไม่ว่าการศึกษาในระบบหรือนอกระบบมันก็คือการศึกษาเหมือนกัน หนูอาจจะสูญเสียในแง่เราไม่ได้เข้าไปอยู่ในระบบสังคมแบบนี้ตารางแบบนี้ แต่การได้มาใช้ชีวิตด้วยตัวเองมันก็มีสังคมในอีกรูปแบบนึง มันจะบอร์ดคนที่สนใจเฉพาะทางเราก็สามารถไปอยู่ในสังคมนั้นได้ มันอาจจะมีน้อยหน่อยในวัยเดียวกัน แต่ถามว่าเจอไหม มีไหมก็มี ที่สนใจไปในทางเดียวกัน มันเลยไม่ได้ขาดเหลือเรื่องสังคม มันอยู่ที่เราเลือกจะอยู่แบบคนเดียวหรือเลือกที่จะไปอยู่กับเพื่อน”

จำเป็นให้ลูกต้องเรียน Home School
แวร์ โซว : “เขาก็มีสังคมมีเพื่อนในชีวิตจริง มีเพื่อนที่แชตกัน กินข้าวกัน ไปนอนบ้านเพื่อน ไม่ใช่ว่าติดอยู่กับเราตลอดเวลา เขาสามารถออกไปไหนมาไหนเองได้ เขาจะไปไหนก็ไปเอง ที่เราเลือกให้ลูกเรียนแบบนี้เพราะความจำเป็นด้านสภาพแวดล้อม จริงๆ เราก็อยากให้ลูกเรียนเหมือนคนอื่นเขาแหละ ด้วยสังคมรอบข้าง ตอนนั้นทุกคนตามใจเขาจนเละ ลูกเชื่อทุกคนแต่ไม่เชื่อแม่เลย แล้วมันลำบากไงคะ ลูกอยู่กับแม่แต่ไม่ได้อยู่กับคนพวกนั้น สุดท้ายทำให้มีปัญหาครอบครัวมีปัญหาการปกครองก็เลยตัดดัดนิสัย”

“คิดดูเด็กอะไรเตรียมอนุบาลก็เปลี่ยนโรงเรียน อนุบาลก็เปลี่ยน 3 โรงเรียน มันเละหมดเลยแต่ละที่ เราปูพื้นของเราไว้จากเด็กที่มีน้ำใจช่วยเหลือกล้าพูดกล้าคิดกล้าทำ กลายเป็นนั่งหงอยรอให้หยิบของให้ มันเสียระบบไปหมด มันเป็นปัญหาเวลาที่เรามาใช้ชีวิตกัน มันมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะแยะที่พูดออกมาไม่ได้”

“ตอนนี้สังคมเปิดกว้างขึ้นแล้ว ถ้าชอบด้านไหนก็เรียนเฉพาะด้าน ชอบด้านไหนก็เรียนด้านนั้นไปเลย เอาเก่งทางนั้นไปเลย ทำเป็นอาชีพได้เลย จริงๆ การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญเราให้ความสำคัญในการศึกษา แต่ปัญหามันคือบุคลากร เราลืมมองตรงนี้ไป ผู้ที่มอบการศึกษาให้กับเด็กเราไม่รู้ว่าพฤติกรรมส่วนตัวเขาเป็นยังไง ซึ่งเราเจอปัญหากับสิ่งเหล่านี้เยอะมาก”

ขีดเส้นลูกอายุ 20 ต้องทำมาหากิน แพลนชีวิตเก็บเงินไปอยู่บ้านพักคนชรา
แวร์ โซว : “สำหรับลูกเราเลี้ยงเขามาจนอายุ 18 แล้ว ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองแล้ว ถ้า 20 ชีวิตเป็นของหนูแล้วก็ต้องทำมาหากินด้วยตนเอง ถ้าแม่มีก็จะช่วยดูแลในส่วนที่แม่ทำได้ แต่ถ้าแม่ไม่มีก็ต้องต่างคนต่างทำมาหากิน เราเองก็ไม่เคยฝากชีวิตไว้กับลูก แก่มาต้องมาเลี้ยงแม่นะ เราแก่ไปก็ต้องเก็บเงินไปอยู่บ้านพักคนชรา ให้เขาไปมีครอบครัวของเขา ทุกวันนี้ก็พยายามหางานเก็บเงินเพื่อที่จะเอาไว้เลี้ยงตัวเองตอนแก่ และเพื่อจะดูแลเขา”

“ก็ฝากทุกคนด้วยนะคะ ตอนนี้เราก็แก่แล้ว 49 แล้ว อาจจะดูไม่สวยงามในจอโทรทัศน์แล้ว ก็ฝากเอ็นดูน้องคนดีด้วยนะคะ มีอะไรก็เรียกใช้ได้ น้องก็รับงานมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ แต่หายไปช่วงหนึ่งเพราะมันก้ำกึ่งจะเด็กก็ไม่เด็กจะเป็นสาวก็ยังไม่เป็นสาว เขาก็เล่นละครมาตั้งแต่เด็ก เขาเล่นได้ ถ้ามีงานก็รับหมดค่ะ”























กำลังโหลดความคิดเห็น