"ก๊อต จิรายุ" ยืนยันไม่ได้บอกเลิก "โบว์" ก่อนเข้ารายการ เชื่อสื่อสารกันผิดพลาด ที่ไม่ออกมาพูดเพราะไม่ได้อยากเอาชนะ - ทนได้กับเรื่องไม่จริง พ้ออยากเหมือนหลายคู่ที่จบกันไปแบบธรรมดา เผยตอนนี้ยังรัก แต่เมื่อมาถึงจุดที่ต้องพยายามก็คงต้องหยุด
หลังจากที่สาว "โบว์ เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์" เป็นฝ่ายที่ออกมาพูดถึงการเลิกรากับนักแสดงหนุ่ม "ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล" กับสื่อเพียงฝ่ายเดียวมาหลายครั้ง ล่าสุดหนุ่มก๊อตที่มาร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์แอ็กชั่นฟอร์มยักษ์แห่งปี ปิดเมืองล่า PATTAYA HEATณ Siam Discovery ชั้น 4 True5G Pro Hub ก็ขอมาเคลียร์ใจต่อหน้าสื่อเป็นครั้งแรก ยืนยันว่าไม่ได้บอกเลิกฝ่ายหญิงก่อนเข้ารายการตามที่มีการสื่อสารออกไปแน่นอน
“จริงๆ เรื่องที่จำเป็นต้องพูด ผมก็พูดไปในพื้นที่ส่วนตัวจนหมดแล้ว แล้วก็ไม่ได้เพิ่งพูดก่อนเข้ารายการเหมือนที่ออกอากาศไปตอนนั้น แต่ผมว่าทางเขาและพิธีกรน่าจะมีการสื่อสารกันผิดพลาด เลยทำให้เหมือนว่าผมโทร.เข้าไปบอกก่อนเข้ารายการ แต่จริงๆ แล้วเราคุยกันก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งในส่วนเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องพูดหรือไม่ควรจะพูด ผมก็ไม่พูดในที่สาธารณะแล้วตอนนั้นที่ไม่ได้ออกมาตอบโต้อะไร เพราะสุดท้ายแล้วเราตอบโต้ก็เพื่อต้องการที่จะชนะ แต่ผมไม่ได้อยากชนะอะไร แล้วพบว่าผมยังพอทนมันได้อยู่กับเรื่องที่มันไม่จริง ผมก็เชื่อว่าเขาไม่มีเจตนาร้าย น่าจะสื่อสารผิดกันเลยดูเหมือนว่าเราเพิ่งโทร.ไปแยกย้ายกับเขาก่อนเข้ารายการ ซึ่ง..(ส่ายหัว)
ผมว่าน่าจะเป็นการสื่อสารกันเข้าใจผิด เพราะว่าผมเชื่อแบบสุดหัวใจเลยว่าเขาทั้ง 2 คน ไม่ว่าจะเขาหรือพิธีกรไม่มีเจตนาที่จะพูดออกไปแบบนั้น แต่น่าจะสื่อสารกันผิดพลาดเพราะผมรู้จักเขาทั้งคู่ แต่พอเรื่องมันออกไปแบบนั้นแล้ว ณ ตอนนั้นผมยังไม่อยากอธิบายอะไร เพราะมันเหมือนกับว่าทั้งคนไกลตัวและคนรอบตัวก็ยังเต็มใจที่จะเข้าใจผิดอยู่ ผมก็เลยเลือกที่จะเงียบ โอเค ยังพอทนไหวอยู่”
บอกยังรักอยู่ แต่เป็นเพื่อนกันดีที่สุด
“สาเหตุที่เงียบ เอาตรงๆ เลย ผมกลัวว่าสื่อจะเอาไปขยายต่อจนมันกลายเป็นประเด็นที่.. คือผมเห็นว่าเรื่องการแยกทางกันของคน 2 คน มันเป็นเรื่องไร้สาระมาก แต่พอสื่อเอาไปกระจายต่อบางทีมันมีผลต่อคนรอบตัว มีผลต่อความรู้สึกเรา ดูเหมือนเราแข็งแรง ความจริงแล้วเราก็มีมุมเซนซิทีฟเหมือนกัน แต่แค่เลือกที่จะเงียบดีกว่า หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลยครับ
ถามว่ากลัวว่าคนจะเข้าใจแบบนั้นไหม ความเข้าใจของคนอื่นผมไปหาทางปรับไม่ได้ เพราะว่ามันเหมือนแม้แต่ผมกับเขายังไม่เข้าใจกัน นับประสาอะไรกับคนจะมาเข้าใจเรื่องของเรา 2 คน คือวันนั้นผมก็ได้ดูรายการจนจบนะ (เขาบอกว่ายังรักเราอยู่?) จริงๆ ผมก็ยังรักเขานะ แต่แค่เราตัดสินใจออกมาเป็นเพื่อน เพราะเราคิดว่าการเป็นเพื่อนน่าจะดีที่สุดแค่นั้นเอง มันไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น เรื่องมันธรรมดามาก”
บอกครั้งนี้ตนขอให้เป็นแบบที่ตนต้องการบ้าง
“อย่างที่ผมบอกเรื่องที่ต้องพูด ผมก็พูดไปหมดแล้วในพื้นที่ส่วนตัว แต่เรื่องที่ไม่จำเป็นต้องพูดและไม่ควรจะพูด ผมก็ไม่พูดในที่สาธารณะ แต่ถามว่าตัดสินใจยากไหม มันยากอยู่แล้วครับ ผมเข้าใจความรู้สึกเขา แล้วผมก็เข้าใจความรู้สึกตัวเอง แล้วผมก็อยากจะให้มันเป็นแบบที่เขาต้องการเหมือนกัน แต่มันเหมือนครั้งนี้ผมจำเป็นที่ผมต้องให้มันเป็นในแบบที่ผมอยากให้เป็น
จริงๆ ที่ไม่ได้ออกมาพูดอะไรเยอะ เพราะเรารู้สึกว่าเราก็ทำดีที่สุดแล้ว ผมไม่อยากเอาชนะใครทั้งสิ้นเลย ผมไม่อยากให้เรื่องมันตีกลับไปมา เพราะสุดท้ายแล้วมันเจ็บด้วยกันทั้งคู่ แล้วผมก็อยากให้เป็นเหมือนหลายๆ คู่ที่จบไปแบบธรรมดา ก็เป็นห่วงเขาครับ แต่สุดท้ายเราได้แต่มองอยู่ไกลๆ แล้วก็มีความคาดหวังว่าเขาจะจัดการทุกอย่างได้ด้วยหัวใจที่เขาเข็มแข็งพอ”
โชคดีคนรอบตัวเข้าใจ ส่วนคนอื่นก็ปล่อยไป
"ผมโชคดีที่แม่พ่อพี่น้องคนรอบตัวไม่รีบที่จะตัดสินผม คนนอกอาจจะเต็มใจที่จะเข้าใจผิด แต่คนในครอบครัวมีการถาม ผมก็ต้องถามเขาก่อนว่าอยากได้ตรงหรืออ้อม คือเรื่องคนสองคนมันเซนซิทีฟ เราไม่ควรพูดในที่สาธารณะ เราก็จะพูดได้เฉพาะคนในครอบครัว เพราะเหตุผลมันไม่ได้มีอะไร มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เมื่อก่อนมันเคยได้ แต่เดี๋ยวนี้มันเข้าไม่ได้แล้ว ก็แค่แยกออกมาเท่านั้นเอง
มันไม่ใช่เรื่องยอมหรือไม่ยอมครับ มันเหมือนวิถีชีวิตเราค่อยๆ ต่างกันไปวันละนิดๆ และผมเริ่มรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่ความรักมันเริ่มมีความพยายาม นั่นแสดงว่าเรากำลังผิดทิศผิดทางหรือเปล่าถามว่ายังมีโอกาสจะกลับมาไหม พูดไม่ได้เลย ไม่อยากพูดอะไรตอนนี้เลย ตอนนี้ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไปครับ"
ยอมรับกลัวที่จะต้องออกมาพูด เพราะคนเข้าใจก็มี คนไม่เข้าใจก็เยอะ
"ผมโอเคนะ ผมยังรับได้อยู่กับทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น แต่ถามความมุ่งหวังดีกว่า ว่ามุ่งหวังอะไร ผมมุ่งหวังให้มันจบกันแบบเงียบๆ ก็ทุกครั้งที่ยังมองเขาอยู่ก็ยังมองด้วยสายตาของความรัก และจริงๆ สิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือวันนี้ ทำงานหนักไม่กลัว ผมกลัววันที่จะต้องมาพูด ผมกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป มันจะไปกระทบเขาหรือเปล่า ผมกลัวไปหมดเลย แต่สุดท้ายแล้ววันนี้มันก็มาถึง
ถามว่าอยากอธิบายให้สังคมเข้าใจยังไงไหม ไม่ครับ เรื่องปกติ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วความคิดเห็นของคนในโลกโซเชียลมันก็มีหลายลักษณะ คนที่เขาเลือกที่จะเงียบก็มี คนที่เขาจะเลือกคอมเมนต์ไม่ดีก็เยอะ แต่ลึกเข้าไปเขารู้อยู่แก่ใจว่าเขาพิมพ์ในสิ่งที่เขาไม่ได้รู้จริง เขากำลังสร้างจินตนาการของเขาขึ้นมา และเขาก็คิดว่าเราเป็นแบบนั้น ซึ่งมันมีเหตุให้เขาคิดแบบนั้นก็ต้องปล่อยกันไป ถามว่ามีเสียน้ำตาให้กับพวกคอมเมนต์ไหม ไม่ครับ ผมเสียน้ำตาให้ผู้รับเหมา (หัวเราะ) แต่การเสียน้ำตาให้กับการจากลาถามว่ามีไหม เราเสียใจอยู่แล้วแหละครับ และมันก็เป็นการตัดสินใจที่ไม่ใช่ง่ายๆ แต่ตัดสินใจ"
เผยมีแพลนจะไปใช้ชีวิตต่างประเทศหลายๆ ประเทศ
"ตอนนี้ผมน่าจะเดินหน้าเต็มที่ เพราะว่าผมแพลนที่จะไปต่างประเทศหลายประเทศมาก ล่าสุดก็ไปญี่ปุ่นมาคนเดียว แต่ไปเจอเดอะแก๊งที่โน่น มีอะไรที่เราอยากทำเยอะมาก และเราก็ตั้งใจอยากจะทำมันตอนนี้แหละ ชีวิตที่ต้องไปไหนคนเดียวทำอะไรคนเดียวมันเปลี่ยนไปไหม ก็ไม่ต่างครับ เพราะตอนนั้นก็อยู่คนเดียวอยู่แล้วครับ ส่วนใหญ่นะ
ที่แพลนจะไปเที่ยวหลายประเทศ ไม่ใช่ไปเพื่อรักษาหัวใจนะ ผมไม่ได้แคร์เรื่องฮีลใจ ผมเหมือนอยู่ในช่วงที่อยากมีประสบการณ์หลายๆ รูปแบบเต็มที่ และผมต้องการไปโดยที่ไม่มีพันธะ ผมอยากไปอยู่ทิเบตเดือนนึงอยากไปอยู่ญี่ปุ่นเดือนนึง อยากไปดูไบเดือนนึง อยากไปทำอะไรเยอะแยะเต็มไปหมดหลังจากที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำมาสักพักแล้ว ถามว่าตอนนี้มุมมองความรักเปลี่ยนไปไหม ก็เปลี่ยนนะ แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจใหม่ครับ พักก่อน ขอใช้ชีวิตก่อน"