กลายเป็นประเด็นร้อนอยู่ขณะนี้ เมื่อเรือดำน้ำหายไปในมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมลูกเรือ 5 คน ระหว่างการสำรวจซากเรือไททานิคที่ความลึกกว่า 3,800 เมตร ซึ่งยอดผู้กำกับระดับตำนาน "เจมส์ คาเมรอน" ก็เคยมีประสบการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ข่าวบอกว่า เจมส์ คาเมรอน เคยใช้เรือดำน้ำ ดำลงไปสำเร็จซากเรือไททานิคถึง 33 ครั้ง และครั้งหนึ่งเขาติดอยู่ในนั้นนานถึง 16 ชั่วโมง
“มีกระแสน้ำไหลลงมาที่นั่น และตอนนั้นกระแสน้ำกักพวกเขาไว้ที่ท้ายเรือไททานิค” จอดี้ โรซาโด พิธีกรชาวเม็กซิโกที่ได้รับทราบข้อมูลมาจาก คาเมรอน โดยตรงเล่า “พวกเขาอยู่ที่นั่น 16 ชั่วโมง เพราะกระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางจนไม่สามารถออกมาได้"
"ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น คุณแทบจะต้องทำใจเลย เพราะไม่มีทางที่ใครจะลงมาช่วยคุณได้ มันคือ 3,800 เมตร ไม่มีเรือดำน้ำลำอื่นในโลกที่สามารถลงไปช่วยชีวิตคุณได้ และถ้ามาถึง มันก็ไกลเกินกว่าจะทำอะไรได้" คาเมรอน ที่เป็นผู้มีประสบการณ์ตรงกล่าว
โดย เจมส์ คาเมรอน อาศัยเรือดำน้ำ Deepsea Challenger (DCV 1) ขนาน 7.3 เมตร (24 ฟุต) ที่ออกแบบมาเพื่อลงไปถึงด้านล่างของจุดที่ลึกที่สุดในโลกในการเดินทางไปสำรวจซากเรือ
ซึ่งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555 เจมส์ คาเมรอน ได้ขับเรือดำน้ำด้วยตัวเอง จนเบรรลุเป้าหมายในการดำน้ำครั้งที่ 2 ในการนำลูกเรือเพื่อไปยังจุดที่ลึกที่สุดในโลกดังกล่าว ซึ่งเรือดำน้ำสร้างขึ้นในซิดนีย์ ออสเตรเลีย โดยบริษัทวิจัยและออกแบบ Acheron Project Pty Ltd ประกอบด้วยอุปกรณ์เก็บตัวอย่างทางวิทยาศาสตร์ และกล้อง 3 มิติความละเอียดสูง และใช้เวลากว่าจะถึงจุดที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรหลังจากลงมาจากพื้นผิวเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 36 นาที
สำหรับเหตุการณ์เรือสำหรับกรณีการสูญหายของเรือดำน้ำ Titan ของ OceanGate Expeditions นั้น เจมส์ คาเมรอน ที่เป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญ และลุ่มหลงการสำรวจโลกใต้น้ำ ได้แสดงความเห็นห่วงในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“คนในวงการกังวลมากเกี่ยวกับเรือดำน้ำลำนี้มาก” คาเมรอนกล่าว “คนในวงการวิศวกรรมใต้น้ำลึกระดับแนวหน้าหลายคน ถึงกับเขียนจดหมายถึงบริษัท โดยกล่าวว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันสุ่มเสี่ยงเกินไป และจำเป็นต้องได้รับการรับรองอย่างถูกต้องก่อน"
"ผมรู้สึกทึ่งกับความคล้ายคลึงของเหตุการณ์นี้ กับของหายนะของเรือไททานิค ตรงที่กัปตันได้รับคำเตือนซ้ำๆ เกี่ยวกับน้ำแข็งที่อยู่ข้างหน้าเรือของเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังแล่นเรือด้วยความเร็วเต็มพิกัด เข้าไปในทุ่งน้ำแข็งในคืนเดือนมืด จนผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต"
"สำหรับเราแล้ว มันเป็นโศกนาฏกรรมที่คล้ายคลึงกันมาก การไม่รับฟังคำเตือน การเกิดขึ้นในสถานที่เดียวกัน ผมคิดว่ามันน่าแปลกใจมาก มันค่อนข้างเหนือจริง”