“จูน เพ็ญชุศรี” ยังรัก “หนุ่ม กะลา” อยู่กันมาครึ่งชีวิต แต่จะให้กลับไปก็คงไม่ใช่นิยาย รับได้หากจบด้วยการหย่า จากนี้ใช้เวลาฮีลใจ ไม่เกลียด ลั่นไม่อายเรื่องแดง - ไม่ใช่คนผิด จบซะที ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไป พร้อมแจงไม่ได้ยึดเงินทั้งหมดเพราะจับได้ แต่เป็นการจัดสรรให้เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ขอตอบซุกลูกอีกคน ไม่ใช่เรื่องตัวเอง
หลังจากออกรายการโหนกระแส เผยถึงเรื่องรักที่ต้องจบกับ “หนุ่ม กะลา” ณพสิน แสงสุวรรณ เหตุจับได้นอกใจ ต่อมา “จูน เพ็ญชุลี หนูแก้ว” ก็ได้เผยอีกครั้งกับสื่อมวลชน หลังจบรายการ โดยยอมรับว่ากับสามีก็ต้องให้เวลา ตอนนี้แยกกันอยู่สบายใจ และรับได้หากจบด้วยการหย่า
“ถ้ากับตัวสามีก็ต้องใช้เวลา เอาเป็นว่าตอนแรกที่คุยกันมีคำว่าหย่าหลุดออกไป ก็คิดแบบนั้นจริงๆ ถ้าสมมติว่าคุยกันแล้วจูนกันแล้ว ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม เราแยกกันอยู่ๆ แล้ว อย่างที่ทุกคนทราบ ส่วนกระบวนการหย่ามันง่ายนิดเดียวแค่ว่า ถ้าจะหย่าจริงๆ ตกลงค่าเลี้ยงดูทรัพย์สินอะไรเสร็จก็แค่เซ็นหย่า ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าตอนนี้เราก็แยกกันอยู่ๆ แล้ว ต่างก็ไปเยียวยาจิตใจตัวเอง เอาเป็นว่าโฟกัสผลประโยชน์ลูกอันดับหนึ่งก็พอแล้วค่ะ ตอนนี้นะ
สบายใจมากค่ะ ที่เก็บไว้เป็นปีๆ หลายปี คือตอนหลุดออกมาเราไม่ได้สบายใจนะ แค่รู้สึกว่ามันจบสักที เราจะได้ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ พูดกับใครก็ไม่ได้ ถ้าเราโพล่งออกมาปุ๊บลูกเรามีเอฟเฟกต์ มันหลายอย่าง เราคิดถึงลูก”
เผยหนุ่ม เคยขอโทษแล้ว แต่ก็ยังทำต่อ วันนี้ได้รับผลการกระทำนั้นแล้ว
“คือช่วงที่จับได้ตอนแรกเขาก็ขอโทษแหละ แต่ว่าพฤติกรรมเรายังรู้สึกว่าเขาขอโทษแล้วทำต่อคืออะไร แต่วันนี้ผลของการกระทำของเขาวันนี้มันเห็นแล้ว ซึ่งจูนก็รู้สึกว่าเขาก็ได้รับผลเอฟเฟกต์เยอะมากแล้ว เขาขอโทษเราครั้งนี้ เราก็รู้สึกว่าเขาสำนึก เขารู้สึกผิด คนเราทำผิดยังไงในใจมันก็จะต้องผิดอยู่แล้วแหละ ก่อนหน้านี้เขาก็ขอโทษค่ะ ถ้าขอโทษแบบจริงๆ จังๆ เลย ก็จะเป็นช่วงแรกๆ ที่เรารู้ ช่วงหลังเป็นการทะเลาะกันมากกว่า”
รู้สึกดีอีกฝ่ายจะจบกับผู้หญิงอีกคน แต่จะให้ดีกันก็คงไม่ใช่นิยาย ต้องใช้เวลา
“ก็รู้สึกดีแหละค่ะ ใครจะอยากให้สามีไปยุ่งกับคนอื่น มันคือสิ่งที่เขาควรทำอยู่แล้ว หลังจากนี้มันก็ยังต้องฮีลใจ เพราะว่าเราเจอมา แล้วนี่ก็กระแสมาถึงเรา มาถึงลูกเราเยอะแยะไปหมดเลย อยู่ดีๆ สามีบอกขอโทษ ดีกัน แฮปปี้เอนดิ้ง มันไม่ใช่นิยาย มันต้องใช้เวลาค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้เราเป็นพ่อแม่ช่วยกันดูแลลูก ส่วนเรื่องความรักหนุ่มสาวหรือว่าสามีภรรยา คือเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว เราใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยาที่เหมือนเพื่อนกันอยู่แล้ว ตอนนี้มันก็ดีแล้ว”
แยกกันแบบนี้สบายใจแล้ว
“นาทีนี้เราก็ไม่ได้อยากกลับไปนะพูดตรงๆ แยกกันแบบนี้เราก็สบายใจดี แต่เราก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวเผื่ออนาคต เขาพิสูจน์ตัวเองจนเราใจอ่อนแล้วกลับมา เดี่ยวหาว่าเราพูดไม่ตรงอีก อันนี้เราก็เลยพูดว่าเราจริงๆ นาทีนี้เราก็ยังอยากแยกอยู่ หลังจากนี้เราก็แยกบ้านอยู่ดี ที่ว่าจะเซ็นเมื่อไหร่อันนี้ดูข้อกฎหมาย”
ไม่หวั่นบุคคลที่สามระราน เพราจะใช้กฎหมายจัดการแทน
“ถ้าเขายังอยากมาเราก็ใช้กฎหมายแหละ เราจะไปทำอะไรเขา ถ้าเราทำเราก็ทำไปนานแล้วแหละ”
รักเพราะอยู่กันมาครึ่งชีวิต รู้จักอีกฝ่ายดีที่สุด
“ถ้าตอบตรงๆ ต้องรักแหละ คนเรามันอยู่กันมาครึ่งชีวิต เป็นห่วงมากๆ เพราะจากที่เขาโดนเราก็รู้ว่าเขาหนัก แล้วจริงๆ เขาเป็นคนใจบาง เขาตอบอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ข้างในเขาคงแย่ เรามั่นใจว่าเรารู้จักเขาดีที่สุด”
อยากให้สังคมให้อภัย
“ก็อยากจะให้สังคมให้อภัยเขา เพราะครั้งนี้มันเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่สำหรับชีวิตเขาแล้ว ทั้งกระแสทั้งอะไรต่างๆ เรายังพูดคำเดิมเราไม่ได้อยากเห็นใครพังทลาย วินาศสันตะโร แล้วยิ่งเขาเป็นสามีเป็นคนในครอบครัวเราก็ยิ่งไม่ได้อยากเห็นเขาล้ม แต่ว่าก็อยู่ที่ตัวเขาด้วยว่าเขาตั้งใจที่จะแก้ไขหรือเปล่า อันนี้แยกเรื่องส่วนตัว เรื่องงานเนอะ เรื่องที่เขากับเราก็ส่วนนึง เรื่องงานเขาก็ทำเต็มที่ ก็อยากให้สังคมให้อภัยเขา เอาจริงๆ มันก็มีผลกระทบถึงลูกเราแหละ มันก็เลี่ยงไม่ได้”
เคลียร์รับเงินจากแกรมมี่ ไม่ใช่ยึดเงินหลังจับได้ แต่บริหารจัดการให้เป็นปกติอยู่แล้ว
“ขอเคลียร์เรื่องนี้ ตั้งแต่แต่ไรเงินก็อยู่กับเราอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าจับได้แล้วยึดเงินคืน ไม่ใช่ เราเปิดเป็นบัญชีบริษัท การบริหารจัดการก็เป็นหน้าที่ของจูนอยู่แล้ว เวลาเช็คออกก็ไปรับเอาเงินเข้าบัญชีอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็จ่ายเขาเป็นเงินเดือน ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราก็เมเนจ ถ้าเขาอยากได้อะไรเขาก็ขอ แต่พอเราแยกกันไปบางทีเขาอยากจะได้อะไร แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรหรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็ไม่ขอบ่อยนะ ก็จะเป็นเรื่องในงานซื้อโน่น นี่ เพิ่ม นิดหน่อยไม่เยอะ”
เรื่องเงินอาจมีส่วนของปัญหา อยากซื้อเป็นแสนเป็นล้าน บางทีก็ไม่ให้
“ก็อาจจะมีนะ เขาอาจจะอยากซื้ออะไรเป็นแสน เป็นล้าน เราไม่ให้ไง เราก็ยอมรับ บางชิ้นเราก็รู้สึกว่าไม่โอเค แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของสามีภรรยา ถ้าชิ้นใหญ่ๆ ไม่เมกเซ้นส์ก็มี”
เอาจริงๆ นะ เงินเราก็มีไม่ใช่คนไม่มีเงิน เพียงแต่ว่าเขาจะซื้อแบรนด์เนมสักอย่าง 50,000 บาท เราไม่ให้ เราพูดตรงๆ พอคนอื่นมีมาให้เราก็ไม่รู้เขาอาจจะชอบหรืออาจจะแฮปปี้ตรงนั้น แต่ถามว่าเป็นสาเหตุไปชอบผู้หญิงเปย์หรือเปล่า เราตอบแบบนี้ดีกว่า ถ้าใครมาเปย์เรา ใครมาให้เรา เราก็ชอบ เราก็รับ แต่ถึงขนาดเปย์ปุ๊บแล้วไปรักเขา ไปเห็นดีเห็นงามอันนี้มันต้องอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคนมากกว่า (เขาไปพูดกับคนรอบตัวไหม?) อันนี้ไม่รู้เลยค่ะ”
กระทบกระทั่งครอบครัวหนุ่มบ้าง แต่อาจเป็นอารมณ์ที่อีกฝ่ายไม่ได้กลั่นกรอง หรือได้ยินอะไรมา
“มันหลายปี ก็มีดีและไม่ดีบ้างแหละค่ะ มีกระทบกระทั่งกันบ้าง เราก็ไม่แน่ใจว่าที่เขาโพสต์ออกไปเขาไปได้ยินอะไรมา เขาเข้าใจผิดอะไรเราหรือเปล่า หรือด้วยอารมณ์หรือเขาไม่ได้กลั่นกรอง”
ตกใจครอบครัวสามีไปเที่ยวญี่ปุ่นกับน้อย
“เราก็ตกใจแหละ เราก็อ้าวมันยังไง เราก็สับสนเหมือนกัน แต่ว่าอันนี้เราไม่รู้ในส่วนนี้จริงๆ ไม่ตอบดีกว่า ถามว่าได้คุยกับแม่เขาไหม ไม่ได้คุยค่ะ แต่เรื่องนี้ไม่ได้คุยเลย กับน้องสาวเขาก็ไม่คุยเลย ตั้งแต่มีเรื่องกลับมาก็ไม่ได้คุยกันเลย”
ไม่ตอบหนุ่มเคยมีลูกมาก่อน ไม่ใช่เรื่องตน
“อันนี้ไม่รู้เลยค่ะ ไม่ขอตอบ มันไม่ใช่ส่วนของเราแล้ว”
ฟ้องบุคคลที่สามเหมือนเดิม ตามสมควร
“ยืนยันว่ายังฟ้องอยู่ค่ะ ฟ้องเหมือนเดิม 10 ล้านไหม เราฟ้องตามสมควร ไม่ยอมความค่ะ”
เชื่อหนุ่มไม่กล้าขอร้องไม่ให้ฟ้องฝ่ายนั้น
“ไม่ให้ฟ้องผู้หญิงเหรอคะ ไม่น่ากล้านะคะ ถามว่า 10 ล้านคุ้มไหม ไม่คุ้มค่ะ พูดจริงๆ หมายถึงว่าถ้าเทียบกับความรู้สึกที่เราเสียไปนะ มันไม่คุ้มหรอก ถ้าเรียกได้อีกก็เอานะ”
หนุ่มจะทำได้ตามที่พูดไหมก็ตอบไม่ได้ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง
“เราจะไปตอบแทนไม่ได้หรอก มันอยู่ที่เขาแล้วแหละ โอกาสที่เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองทั้งเราทั้งสังคมเห็นว่าเขาตั้งใจจริงที่จะปรับปรุงแก้ไข เพราะโลกโซเชียลถ้าเขาผิดคำพูดอีกแป๊บเดียวก็เอารูปมาลงแล้ว ก็ต้องอยู่ที่เขาแหละ”
สาวมือที่สาม คุยกันในศาล
“เขาเคยอยากให้เราติดต่อไปเนอะ เราก็ไม่เห็นประโยชน์ในการติดต่อไป ณ วันนั้น แต่ว่าตอนนี้เดี๋ยวเราให้ทางทนายติดต่อไป ถ้าอยากคุยกันเดี๋ยวไปเจอกันที่ศาลดีกว่า เราพูดกันด้วยพยานหลักฐานดีกว่า เราก็มั่นใจพยานหลักฐานนะ”
แยกบ้านอยู่หลังจับได้ เพราะเสียความรู้สึกไปแล้ว
“ก็เวลาเราจับได้แหละ ไม่ว่าเป็นเราหรือเป็นใครมันก็เสียความรู้สึกเนอะ เรามีลูกเล็ก ต้องเลี้ยงลูกแล้วก็ทำงานด้วย ถ้าเรามาทะเลาะกันบรรยากาศในบ้านลูกเราก็รับรู้ได้ เราก็เลยคิดว่าแยกเบรกไปก่อนได้ไม่ต้องหน้าบึ้งตึงใส่กัน ไม่ต้องพูดจาไม่ดีใส่กัน ให้เขากลับไปอยู่บ้านกับคุณแม่เขาก่อน แยกบ้านไปก่อน เราก็อยู่กับลูก
ถามว่าคิดว่าตัดสินใจผิดไหมที่แยกกับเขา อาจจะเป็นช่องทำให้เขาไปไกลกว่านั้น เราคิดว่าไม่ว่าจะอยู่บ้านเดียวกันหรือแยกกันหรืออยู่ต่างประเทศ ถ้าเขาจะทำเขาก็ทำ คนไม่ทำก็ไม่ทำ เพราฉะนั้นไม่ได้มีความคิดว่าเป็นเพราะฉันไล่เธอไป เธอถึงมีคนอื่น ไมได้คิดแบบนั้นค่ะ ในเวลา 2 ปี เขาก็ยังกลับมา ยังมาหาลูกเป็นปกติแค่ว่าไม่ได้นอนบ้านเดียวกัน เขามาเล่นกับลูกจนดึกๆ ลูกหลับ เขาก็กลับไป เขาก็มาบ่อยแหละ เขาว่างจากงานหรือมีเวลาเขาก็มา เราก็ไม่ได้ขัดขวางเขาเจอลูก อยากมาก็มา เขาก็ยังเป็นพ่อของลูก ลูกเราก็ยังถามป๊าอยู่ไหน ป๊ามาหรือยัง”
ให้เวลาฮีลใจ ไม่เกลียด
“ถ้าในเรื่องสามีภรรยา ความรัก อันนี้ขอพูดคำเดิมให้เวลามันฮีลใจแล้วก็ดูการกระทำของเขา แต่จะให้วันนี้ขอโทษแล้วกลับมารักกันอันนี้เป็นไปไม่ได้ เอาเป็นว่าทุกอย่างถ้าเห็นประโยชน์ของลูกสำคัญ มองเป้าหมายเดียวกัน ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ คุยกันได้ นาทีนี้ก็ไม่ได้เกลียดเขานะ ไมได้แช่งชักหักกระดูก ไม่มีๆ เขาน่าจะได้รับบทเรียนที่สาหัสแล้ว ส่วนเราเองเข้มแข็งได้เพราะลูก พอเรามีลูกเราก็โฟกัสที่ลูก อะไรที่เป็นประโยชน์กับลูก ลูกมีความสุข เราไม่ต้องทะเลาะกันให้ลูกเห็น เราก็คิดว่าถ้าเราต้องแยกกัน 1 2 3 4 ที่ต้องมีให้ลูกคืออะไร เราก็ได้ดำเนินการตามนั้นหมดแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้มีหรือไม่มีก็เลี้ยงลูกได้ ก็เลยไม่ได้เฮิร์ตอะไร เพราะมันผ่านความเฮิร์ตมาแล้ว”
จบที่หย่าก็รับได้ ไม่อายเรื่องแดงเพราะไม่ใช่คนผิด
“รับได้ค่ะ ดูแลตัวเองได้ค่ะ (ยกมือไหว้) อยากจะขอบคุณจริงๆ อินบ็อกซ์ แชต แทบแตก เราเข้าใจคนที่ถูกกระทำประชาชนก็เห็นใจ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ แต่แรกแล้วนะเราคิดว่าเราไม่ใช่คนผิด เราไม่อายต่อให้เรื่องนี้มันจะแดงเมื่อไหร่ เราไม่ใช่เป็นคนที่จะต้องอายอยู่แล้ว พอยิ่งวันนี้เรื่องเกิดขึ้นคนให้กำลังใจ เห็นใจ เราก็ดีใจที่มีคนเข้าใจ ถึงจะมีคนอะไรบ้างก็ไม่สนใจค่ะ เราถือว่าเราก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำค่ะ ถ้าถามถึงเพลงที่ให้เขา ก็ ‘เอาคืนมา’ (ยิ้ม)”