“เอ ศุภชัย” รวยแล้วยังไม่หยุดทำงาน เตรียมเปิดธุรกิจขายส้มตำที่ตลาดอีก ลั่นมีคนที่ตนต้องดูแลเยอะ จึงต้องทำงานหารายรับเข้ามา จะทำงานไปเรื่อยๆ จนว่าชีวิตจะสิ้นลม ชี้ความกตัญญู ความไม่เคยลืมบ้านเกิดมันคือสิ่งสำคัญ อันไหนที่ตนเองไม่ดีก็ปรับปรุงแก้ไขตัวเองในวันนี้พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อตอบแทนบุญคุณท่าน
ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายแล้วสำหรับ นักปั้นมือทอง “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” แต่เจ้าตัวก็ยังคิดทำธุรกิจ จนถูกแซวว่ารวยแล้วยังทำงานไม่หยุด ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบว่า….
“เอต้องดูแลคนเยอะ แล้วเรารู้สึกว่าความขยันคือการไม่หยุดนิ่ง ก่อนหน้านี้เอก็ไปบุกจีน ไปดูโรงงานไปดูตลาดทุกอย่างแม้กระทั้งขั้นตอนการผลิต ผลิตภัณฑ์นี้เอก็ลงโรงงานตรวจเองหมดที่ จ.สมุทรสาคร เพราะมันเป็นความตั้งใจของเอที่จะควบคุมการผลิต เหมือนเวลาที่เราปั้นดารา เราก็ดูแลทุกขั้นตอนการทำงาน ไม่ปลอดภัยจริงๆ เราก็ไม่อยากให้ใครได้ทาน เราเองมีชื่อเสียง ก็เหมือนเป็นตัวการันตี คนที่ซื้อไปทานเขาเชื่อมั่นในตัวเรา เราก็ต้องทำให้ดีทุกขั้นตอน
รวยแล้วมันก็ต้องแบ่งปัน อย่างที่บอกว่าเอดูแลคนเยอะ อย่างน้อยถ้ามีตังค์ขึ้นมาอีกก้อนก็สามารถทำอะไรได้อีกบ้าง เอเลยต้องทำงานเยอะๆ เอไม่อยากให้ทุกคนหยุดนิ่งนะคะ ชีวิตไม่แน่ไม่นอน ถ้าเรารวยแล้ววันนึงเกิดอะไรขึ้นมา แต่ถ้าเรายังทำมาหากินอยู่ เอว่ามันก็ดี ทำให้เรารู้สึกว่าเรามั่นคง นี่เอยังไปเปิดแผงที่ตลาดเพื่อจะขายของอยู่เลย ขายพวกส้มตำ เอเหมือนพี่อั้ม เป็นคนที่หยุดนิ่งไม่ได้”
จะทำงานไปจนตาย
“เหมือนกับใช้เงินมั้งค่ะ เราใช้จ่ายเยอะก็ต้องมีรายรับเข้ามาเพราะฉะนั้นเราไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เอเลยต้องทำงานตลอดไป เหมือนน้องๆ นักข่าวทำงานตั้งแต่เอไม่เข้าวงการจนทุกวันนี้ก็ยังทำกันอยู่เราก็เหมือนกัน อารมณ์เดียวกันประมาณนี้ เห็นหน้ากันมา 20 ปีแล้ว
ถามว่าทำไมถึงจะเปิดร้านส้มตำอีกทั้งๆ ที่ก็มีอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ได้เปิดค่ะ หมายถึงคิดไปในอนาคต แพลนไว้ว่าอยากทำโน่นนี่อยากทำนั่น อยากทำน้ำปลาร้า อยากทำทุกอย่างเลย เรารู้สึกว่าเรามีความสามารถเราอยากใช้ความสามารถจนกว่าเราจะสิ้นลมหายใจค่ะ เอรู้สึกแบบนี้”
เป็นไวรัลคลิปยก “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” เป็นผู้มีพระคุณ ตนไม่อกตัญญู ได้ดีมีทุกวันนี้ได้เพราะอั้ม
“ใช่ค่ะ เหมือนทุกคนรู้ว่าวันหนึ่งพี่อั้มเข้าวงการตั้งแต่เอเรียนม.รังสิตด้วยกัน แล้ววันนึงพี่อั้มก็แต่งตั้งเอมาเป็นผู้จัดการแล้วก็เหมือนพี่อั้มช่วยโน่นช่วยนี่ทำให้เรามีถึงวันนี้ขึ้นมา เอก็รู้สึกว่าเป็นคนๆ นึงที่ยืนเคียงข้างกันตลอดแล้วเราซึ่งถึงความรู้สึกที่เขามอบให้ ซึ่งจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องมาอะไรกับเราแบบนี้ก็ได้ แต่เขาเป็นคนใจกว้างให้โอกาส ให้อะไรทุกอย่าง แม้กระทั่งที่เอมายืนเฉิดฉายอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเพราะอั้ม พัชราภาเหมือนกัน ที่เอมีพื้นที่ให้ทุกคนได้รู้จัก ถ้าไม่มีพี่อั้มก็ไม่มีเอในวันนี้เหมือนกัน”
ความกตัญญู ความไม่เคยลืมบ้านเกิดมันคือสิ่งสำคัญ คิดได้ อันไหนที่ตนเองไม่ดีก็ปรับปรุงแก้ไขตัวเองในวันนี้พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อตอบแทนบุญคุณท่าน
“จริงๆ มันไม่ได้เปรียบเทียบกับชีวิตในวงการหรอก เปรียบเทียบกับชีวิตตัวเราเอง บางครั้งเมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราก็อาจจะเกเรบ้าง เราอาจจะไม่น่ารักกับพ่อแม่บ้าง พอวันนี้เราโตขึ้นมาแล้วต้องเลี้ยงทุกคน ทำให้เราคิดถึงอดีตในสิ่งที่เราผ่านมา อันไหนที่ไม่ใช่ เรายังตามกลับไปแก้ทัน เอได้มีโอกาสกลับไปแก้ตัวได้เพราะพ่อแม่เรายังมีชีวิตอยู่ กลับไปตอบแทนบุญคุณ นี่คือสิ่งที่เอพูดออกมาจากความรู้สึกของเอนะคะ ความกตัญญู ความไม่เคยลืมบ้านเกิดมันคือสิ่งสำคัญ”
ยิ่งพ่อแม่อายุมากขึ้น บางทีความสำเร็จของเราที่เราได้มา บางทีถ้าไม่มีใครมอง ไม่มีพ่อแม่มามองเราก็ไม่อยากจะสำเร็จอะไรเลย แต่วันนี้เรายังดีใจที่เรายังมีพ่อแม่ได้ดูเราอยู่ นี่คือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเขายังมีโอกาสได้ดูเราอยู่ เอว่าทุกคนก็คงเป็นเหมือนเอ ที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่อให้คนข้างหลัง คนต้นทาง คนกลางทางได้เห็นความสำเร็จ เอเลยต้องขยัน ทำงานทุกอย่างยิ่งเรามีโอกาสได้ทำประโยชน์กับคนอื่น เราก็รู้สึกว่าตัวเราเป็นประโยชน์ เราก็เลยต้องทำไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักหยุด เป็นกำลังใจให้กับคนที่นอนอยู่กับบ้านให้ลุกขึ้นมาสู้ ลุกขึ้นมาขายของ ทำงาน กัน”
