xs
xsm
sm
md
lg

“ไฮโซนัท” เผย “อั้ม” รักเพื่อนเกินไป อยากให้สมหวังในความรักซะที

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไฮโซนัท” บอกรักคนไม่ผิด เพื่อนซี้ “อั้ม พัชราภา” สมควรเป็นซูเปอร์สตาร์แล้ว เล่าเป็นคนรักเพื่อนมาก ใครมีปัญหาพร้อมช่วยตลอด ไม่ห่วงภาพดาราลุยถึงไหนถึงกัน เป็นคนปากตรงกับใจ พูดความจริงตลอด หน้ากล้องยังไง หลังกล้องก็อย่างงั้น ตอนนี้ห่วงอย่างเดียวอยากให้เพื่อนมีคู่สักที จะได้มีคนดูตอนแก่ รู้สเปกเปลี่ยนไปเยอะ แต่ยังให้น้องหมาอันดับหนึ่ง

เป็นอีกหนึ่งเพื่อนซี้ของซุป’ตาร์ตัวแม่ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน สำหรับ “ไฮโซนัท ณัฐพล จุฬางกูร” หนึ่งในผู้จัดซีรีส์วายเรื่องดัง ‘la pluie ฝนตกครั้งนั้นฉันรักเธอ’ ที่ติดเทรนด์ทุกครั้งในการออนแอร์ โดยไฮโซนัทได้เล่าถึงเพื่อนรักให้ฟัง ในฐานะที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 25 ปี ว่าเพื่อนคนนี้สมกับตำแหน่งซูปเปอร์สตาร์ที่สุดแล้ว เพราะตั้งแต่วันแรกที่ได้สนิทจนถึงวันนี้ ก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แถมยังปากตรงกับใจ หน้ากล้องเป็นยังไง หลังกล้องก็เป็นอย่างนั้น

“มาสนิทกันได้ยังไง จริงๆ มาจากม.รังสิตนี่แหละ อั้มเขาเรียนสาขาพีอาร์ประชาสัมพันธ์ ของเราวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งเราก็จะเห็นกันบ่อยที่ใต้ตึก ไปๆ มาๆ ก็รู้จัก นั่งด้วยกัน แล้วก็เริ่มสนิทกัน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสลงเซสชั่นเดียวกัน แต่มีอันหนึ่งเป็นวิชาเลือกเกี่ยวกับถ่ายภาพ เราก็ไปลงเรียนถ่ายภาพด้วยกัน แล้วหลังจากก็มีไปเอ้าท์ติ้งด้วยกัน จนกระทั่งจบ ก็คือมีโอกาสเรียนกับคุณอั้มแค่ตัวเดียว แต่เราก็สนิทกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนนั้นเขาเพิ่งเป็นสาวแฮ็ค และกำลังจะเล่นละครเรื่องคมพยาบาท”

เห็นครั้งแรกก็รู้สึกว่าสวยมาก
“โอ้โหสวย ชายส์มาก รูปร่างเซี๊ยะมาเลย แทรกกลาง ผมยาว รู้สึกว่าคนนี้สวย แล้วคนก็บอกว่าสาวแฮ็คๆ เราก็อ๋อๆ แค่นั้น แล้วเพื่อนก็รู้จัก และมาแนะนำกัน คุยถูกคอก็มีไปทานข้าวกันเป็นกลุ่มเป็นก๊วน แล้วก็ไปเรื่อยแล้ว”

คบกันแบบเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่แรก
“ไม่เห็นลำบากตรงไหนเลย ไม่ต้องปรับตัวเลย เพราะว่าคุณอั้มก็เป็นตัวคุณอั้ม ผมก็เป็นผมตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุกคนแสดงตัวตนของตัวเองออกมา อยากจะโหวกเหวกโวยวาย คุยโน่นนี่ ฉันไม่กินไอ้นั้นไอ้นี่ ก็บอกกันตามตรง ไปก็ไป ไม่ไปก็ไม่ไป คือแสดงออกมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงวันนี้ ทุกอย่างเหมือนเดิมเดิมหมด เป็นตัวเองของตัวเองตลอดเลย ไม่มีแบบภาพฉันเป็นดารา แกโวยวายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”

ถึงจะเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่ยังเหมือนเดิมทุกอย่างกับเพื่อน และเป็นคนปากตรงกับใจ พูดตามที่คิดทุกอย่าง
“ความรู้สึกนะ ทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะเราเห็นเขามาแต่ไหนแต่ไร และการที่เขาทำกับเราเป็นเพื่อน โทร.หาปรึกษาทุกอย่าง ตั้งแต่วันที่สนิทกันจนถึงวันนี้ ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ในเรื่องความเป็นซูเปอร์สตาร์ รู้สึกว่าเขาสมควรแล้ว เขาเป็นคนที่คิดถึงแต่คนอื่น ให้ความสำคัญกับเพื่อน การตรงต่อเวลานี่สูสีกับผมอะ เรื่องลุยถึงไหนถึงกัน ก็เป็นมาแต่ไหนแต่ไรเลย อีกอย่างคือปากกับใจตรงกัน เวลาให้สัมภาษณ์บางทีเขาอาจจะพูดตรงๆ ไม่ได้ แต่สิ่งที่จะสื่อ นักข่าวหรือผู้สัมภาษณ์ก็จะรู้แล้วว่าอ๋อ กำลังจะหมายถึงอะไร แต่มันพูดตรงๆ ไม่ได้ เพราะจะกระทบคนโน้นคนนี้คนนั้นหรือเปล่า คือถามอะไรก็พูดตรง เรารู้เบื้องหน้าเบื้องหลังคือใช่ ถูก เพราะอยู่กับเพื่อนแม่งก็พูดอย่างนี้ คือผมรู้สึกแล้วว่ามันสมควรแล้ว ที่วันหนึ่งเขาจะได้เป็นซูเปอร์สตาร์”

ไม่ห่วงภาพลักษณ์ดารา มีอะไรออกตัวเคลียร์ตลอด
“จุดเสียของเขา มีช่วงหนึ่งด้วยความที่วัยรุ่น เวลามีอะไรที่ขัดใจ ต้องมีคนเบรก ต้องมีคนห้ามเป็นเรื่องธรรมดา มีกรรมการห้ามมวย บางทีแบบเธอแรงละ ดึงมา เดี๋ยวไปเอง แต่คุณอั้มเป็นคนไม่เมา ไม่มึน แต่ด้วยความที่พวกเรารักเพื่อนมาก บางทีอาจจะไปเจออะไรข้างนอก บริการอาจจะไม่ดีโน่นนี่ คนนี้ก็จะเริ่มแล้ว ก็ต้องหยุดๆ พอๆ แล้วคุณอั้มก็จะเป็นคนที่เหมือนผม แบบหยุด…ฉันไปเอง รู้แล้วว่ามีปัญหา ก็จะไปคุยดีๆ ไม่ใช่ว่าเป็นดาราแล้วต้องไปอยู่ข้างหลัง ถ้าเผชิญหน้าเดี๋ยวเป็นข่าว คุณอั้มไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาเป็นเพื่อน ส่วนคุณเมย์ เฟื่องอารมณ์ จะนิ่ง แต่เขาก็มีความเฉียบ”

ยืนหนึ่งเรื่องรักเพื่อน ใครมีปัญหาช่วยหมด รู้สึกรักถูกคนแล้ว
“เราเห็นมานานกับการรักเพื่อน การคิดถึงเพื่อน วันเกิดไม่เคยลืม เวลาเพื่อนคนไหนมีปัญหาโทร.ทันที ไปไหน ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม หรือต้องการคนคุยไหม เขาถึงตลอด เขาเป็นแบบนี้มาตลอด บางคนจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเราให้เขาจัดการของเขาเอง แต่อั้มไม่ อั้มจะโทร. เป็นไง โอเคไหม ให้ช่วยเหลืออะไรไหม อยู่ข้างๆ ไหม ฉันว่างมาทานข้าวกันไหม เขาจะเป็นอย่างนี้ตลอด เสมอต้นเสมอปลายตลอด เรารู้สึกว่ารักถูกคนแล้วล่ะ”

ตอนนี้ห่วงอย่างเดียว อยากให้เพื่อนมีคู่ได้แล้ว
“อยากให้เขามีคู่ (หัวเราะ) คนเราในอนาคตแก่ตัวไป ก็ต้องการคนดูแลไหม ผมก็เห็นว่าเวลาเขาคบใคร เขาคบนาน แต่ในบางครั้งถ้าต่างคนต่างใจเย็น ไม่ต้องตึงเปรี๊ยะขนาดนั้น มันก็น่าจะไปด้วยกันได้ แต่ด้วยการที่เขาอยู่กันสองคน เราก็ไม่รู้หรอก ว่ามันล็อกขนาดไหน”

มีคนขอให้พาไปหา “อั้ม” เยอะ แต่ปฏิเสธตลอด บอกอย่าใช้ผมเพื่อดีลแบบนี้
“มีเยอะ ว่าอยากถ่ายรูปกับคุณอั้ม อยากชวนมาทานข้าวด้วย ผมก็ปฏิเสธเลยนะ ถ้ามีโอกาสได้เจอเดี๋ยวก็ได้เจอเอง ถ้าจะได้ถ่ายรูป ก็ได้ถ่ายเอง คือด้วยความที่มันเข้ามาเยอะ แล้วจะบอกว่าอั้มมานี่หน่อย มาโน่นหน่อย ผมรู้สึกว่าอย่าใช้ผมเพื่อไปดีลหาอั้ม อย่าเป็นแบบนี้”

รู้สเปกเพื่อนดี ว่าตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะ แต่ไม่รู้จะแนะนำใคร เพราะรุ่นนี้มีครอบครัวไปหมดแล้ว
“รู้ แต่สเปกเขาเปลี่ยนไปเยอะ อย่างคนล่าสุดเขาเปลี่ยนไปเยอะมาก แล้วเรื่องหึงหวงน้อยมาก แทบจะไม่มีเลย เรื่องอิสระของฝ่ายชายที่จะไปโน่นไปนี่ ไปก็ไปเลย เหมือนโตขึ้นมาอีกสเตปหนึ่งแล้ว ถามว่ามีแนะนำใครให้ไหม คือต้องบอกว่าด้วยความที่เราอายุ 40 กว่ากันหมดแล้ว ถ้าจะให้แนะนำก็แทบจะไม่มีแล้วนะ คนที่ไม่มีครอบครัวอะ เรื่องเป็นห่วงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นห่วง คุยกันตลอด แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ เขามีใครเข้ามาเราก็ซัปพอร์ต เราก็เป็นเพื่อนเขาดี แต่วันที่มันไปต่อกันไม่ได้ ก็แค่นั้น เราต้องยอมรับว่าเพื่อนเราเลือกทางนี้แล้ว”

ยังไงก็อยากให้เพื่อนมีคู่ แม้ “อั้ม” จะบอกไม่จำเป็น ไม่ต้องมีก็ได้
“ใช่ เขาพูดแบบนั้น แต่เราเชื่อว่าในวันนี้เขาพูดแบบนี้ แต่สมมิตว่าอีก 3 ปีถ้าไม่มีคนข้างๆ มันก็นะ คือถ้าไม่มีใครที่ดี ฉันอยู่โสดดีกว่า…ก็ใช่ แต่ผู้หญิงเวลาที่อายุขนาดนี้ ใครๆ ก็อยากมีคู่ มันจะได้ดูแลกันตอนแก่ มีคนจับมือเวลาร้องไห้ซบไหล่กัน หรือว่าไปเที่ยวต่างประเทศ มันต้องมีแหละ เราเป็นห่วง ผมเชื่อว่าแต่ละคนก็เป็นห่วง ว่าสุดท้ายจะยังไง”

ไม่มีความคิดจะลงเอยกัน ต่อให้ไม่มีใครทั้งคู่ก็ตาม
“เป็นเพื่อนกันมาประมาณ 24-25 ปีแล้ว มันคงขำอะ ผมเป็นเพื่อนคุณอั้มตั้งแต่ปี 2”

เชื่อสุดท้ายเพื่อนต้องมีแฟน แต่ยังไงน้องหมาก็มาเป็นอันดับหนึ่ง
“ผมว่าสุดท้ายก็ต้องมีนะ มันทนความเหงาไม่ได้หรอก (เป็นคนขี้เหงา?) ใช่ แต่คำว่าเป็นคนขี้เหงา คือเหงาแบบเพื่อนมาก่อน เลือกเพื่อนก่อน เหงาแบบต้องมีเพื่อน (เหงา ติดเพื่อน ติดน้องหมา ติดเกม อันไหนมาก่อน?) ผมว่าน้องหมาก่อน แล้วก็เพื่อน แล้วก็เกม เขารักหมาเขามาก ร้องไห้ก็ร้องด้วยกัน หมาเขาตายแต่ละตัวก็ร้องเหมือนแบบจะตายแทนอะ ตายแทนหมาได้เลย”

วีรกรรมจี๊ดๆ ไม่มีให้แฉ มีแต่ไปอ้อนพี่ชายของให้เป็นสปอนเซอร์ให้
“เวลาเขาสนุกสนานในกลุ่มเพื่อนนะ เขาจะเต็มที่ แล้วเขารู้จักกับพี่ชายผม เขาก็จะบอกว่าพี่เด่นมาเป็นสปอนเซอร์ให้หนูทำโน่นทำนี่หน่อย แบ่งหุ้นให้หนูด้วยนะ เดี๋ยวหนูนวดให้นะ แบบสนุกๆ ขำๆ”

ยืนยัน “อั้ม” ให้สัมภาษณ์อะไรจริงทุกอย่าง หน้ากล้องเป็นยังไง หลังกล้องก็เป็นอย่างนั้น
“นั่นคือตัวตนจริงๆ ของเขา หน้ากล้องเป็นยังไง ลับหลังเขาก็เป็นแบบนั้น เขาพูดความจริง ตอนที่เขาพูดหน้ากล้อง กับตอนที่เขาคุยกับเพื่อน ทุกอย่างเหมือนกันเป๊ะ ไม่ต้องไปกรอ (ประเด็นสัมภาษณ์ล่าสุดก็คือจริง?) ก็จริง ใช่ ก็เป็นแบบนั้นเลยจริงๆ ทุกอย่างจริงตามนั้น (หัวเราะ)”











กำลังโหลดความคิดเห็น