“แอนนา ทีวีพูล” รับทราบข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน-พ.ร.บ.คอมบ์ฯ” ขายกล่องสุ่มทิพย์-แจกทอง ยันไม่มีเจตนาโกง แต่แมสเซนเจอร์ทำทองหาย 4 ล้าน บวกบริหารธุรกิจผิดพลาดทำล้มเป็นโดมิโน คิดว่าเป็นเวรเป็นกรรมทำอะไรไม่ได้ ต้องสู้ พูดแบบไม่อายทั้งบัญชีเหลือ 25 บาท บ้านรถยังมีแต่ขายไม่ได้เพราะติดธนาคารหมด เลยจุดเครียดเคยฆ่าตัวไปแล้ว ยกมือไหว้ขอโอกาส จะขายของหาเงินมาคืน ขอบคุณลูกค้าบางคนที่เข้าใจ และเพื่อนๆ ที่คอยเอาข้าวมาให้กิน
จากกรณี “แอนนา วรินทร วัตรสังข์” หรือ “แอนนา ทีวีพูล”อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ถูกผู้เสียหายแจ้งความเอาผิด ว่าเปิดขายกล่องสุ่มทอง ที่กลายเป็นกล่องสุ่มทิพย์ จนตำรวจได้ออกมาหมายเรียกให้เข้าพบ ล่าสุดวันนี้ (16 มิ.ย. 66) เมื่อเวลา 13.30 น. เจ้าตัวพร้อมกับทนายความ สุธี วิเชียรวัฒนชัยและเพื่อนสนิท อย่าง “พุดเดิ้ล ทีวีพูล”ก็ได้เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อเข้าพบ “พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง”ผบก.สอท.1 และพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบ 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ฉ้อโกงประชาชน และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1)
“วันนี้มารับทราบข้อกล่าวหาค่ะ ก็ชี้แจงไปตามเอกสาร ว่าเราไม่มีเจตนาและไม่ได้ฉ้อโกงประชาชนแน่นอน เอกสารที่เอามาก็ค่อนข้างเยอะ ถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร คราวก่อนที่เล่าให้ฟังว่าแอนนามีปัญหาเรื่องธุรกิจ ก็ยืนยันคำเดิมค่ะ ว่าเราบริหารธุรกิจผิดพลาด แล้วก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับแม่ค้าออนไลน์ ว่าควรทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ดี ต้องเล่าว่าตัวแอนนามีนิสัยชอบแจก ชอบคืนกำไร มีความใจใหญ่ในการทำธุรกิจ ตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะเราเริ่มจากขายไม่ได้สักออเดอร์เดียว พอวันหนึ่งขายได้ ก็รู้สึกแค่ว่าดีใจจังเลย ก็เลยคืนกำไรให้ลูกค้า แล้วไม่ยอมทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ดี ว่ามันจะขาดทุนเอา จนมาถึงปีที่แล้ว มันมีกำไรมันก็ยังได้อยู่ พอมาปีนี้กำไรน้อยลง เราก็ประกาศกับลูกค้าว่าจะเลิกทำแล้ว การให้กำไรแบบนี้เราไม่ไหว”
ปัญหาเริ่มจากการส่งของล่าช้า
“มันเริ่มจากการส่งของล่าช้าค่ะ ลูกค้าหลายท่านก็ให้ความเมตตารอได้ หลายท่านก็มีความจำเป็น เพราะเขาต้องใช้สินค้าที่สั่ง เราเข้าใจหมดเลย อันนี้ต้องขอโทษลูกค้าทุกคนจริงๆ (ยกมือไหว้) ไม่มีเจตนาที่จะไม่ส่งของให้ใคร เพราะเราก็เคยเป็นลูกค้า ตอนนี้ข่าวออกไปว่าเป็นกล่องสุ่มทิพย์ ซึ่งกล่องสุ่มเราทำจริง แต่ระบุไว้ชัดเจนว่าจะได้เป็นสกินแคร์และอาหารเสริม ในราคาเท่านั้นเท่านี้ แล้วคนไปพาดหัวว่าเป็นกล่องสุ่มทองทิพย์ ซึ่งการทำกล่องสุ่มมันต้องขออนุญาต ก็ขอมาตลอดมีหลักฐาน แม้กระทั่งซื้อทอง ก็บอกเลยว่าไม่ทิพย์ เพราะส่งมาตลอด เดี๋ยวให้ดูใบเสร็จร้านทอง กล้าพูดเลยว่าลูกค้าก็ได้รับมาตลอด เราพูดมาเสมอว่าเราให้คืนกำไร บางครั้งคนตัดคลิปสั้นๆ ไปลง มันมีทั้งทีเล่นทีจริง หรือเราอาจจะพลาดพูดแบบไม่ได้คิด แต่ยืนยันว่าทองเป็นการคืนกำไร ไม่ใช่การขายทองโดยตรง แล้วก็ไม่ใช่กล่องสุ่มด้วย”
เล่าคนส่งของทำทองหาย
“เรื่องทองหายเราก็มีใบแจ้งความที่สน.คันนายาว (โชว์ใบแจ้งความ) ทุกอย่างไม่ใช่พูดอ้างไปวันๆ มันมีหลักฐานทุกขั้นตอน ถามว่าทองมันหายไปได้ยังไง คือปกติแมสเซนเจอร์ที่มารับ เขาก็ไม่ทราบหรอกว่าเป็นทอง แต่คราวนี้ก็ไม่รู้ว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น เพราะวันนั้นเรานอน แล้วพอตื่นมาน้องๆ ก็บอกว่าของหายหมดเลย เราก็ใจไม่ดีเพราะในนั้นเป็นทองมูลค่า 4 ล้านบาท ซึ่งแมสเซนเจอร์คนนี้ก็ส่งตลอดค่ะ แต่วันนั้นเขาบอกว่าเอาทองไปส่งตอนตี 2 แล้วรถล้ม แล้วเขาก็ไม่บอกเราเลยนะ เขาหายไปเลย จนเราให้คนไปถามว่าเรียบร้อยแล้วใช่ไหม เขาก็บอกว่ามีปัญหานิดหน่อยเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้พูดถึงทอง จนเราถามว่าทองได้ส่งไปแล้วใช่ไหม เขาก็บอกว่ามันหายหมดเลย คือช่วงหลังๆ เขาทราบแล้วว่าเป็นส่งทองแน่นอน
คือเรื่องนี้เสียใจมาก และว่าจะบอกลูกค้าเลยวันนั้นดีไหม แต่ที่ไม่บอกเพราะหนึ่ง ภาพลักษณ์ของการส่งของ ถ้าลูกค้ารู้ว่าการระบบการจัดส่งเราแต่การขายของต่อไประยะยาวก็จะไม่ดีไปด้วย เราเลยปรับระบบการขนส่งใหม่ ให้ขนส่งมารับที่บ้าน ต้องยอมรับว่าพลาดเองที่ไม่ออกมาประกาศวันนั้นว่าทองหาย แต่ตอนที่เราพาลูกค้าไปญี่ปุ่น ก็มีการแจ้งว่าทองหายนะ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้เกิดเรื่องการส่งทองล่าช้า
ในส่วนของแมสเซนเจอร์ ที่เขาบอกว่ารถล้มแล้วทองหาย สน.คันนายาวก็ให้ความร่วมมืออย่างดีมากในการไล่กล้อง ก็ไม่เจอเลย เรารู้สึกเสียใจและนอยด์มาก เพราะแมสเซนเจอร์คนนี้เป็นคนที่เข้าออกบ้านเรา เราให้ความไว้วางใจมาเกือบปี แล้วพอเขาทำแบบนี้ตำรวจก็สอบเขาหนัก 3-4 วัน เราก็คิดว่าจะดำเนินคดียังไง แต่สุดท้ายแม่เราบอกว่าเป็นเวรกรรม ถือว่าใช้เวรใช้กรรมไป อยากให้สังคมไปขุดเรื่องนี้แล้วก็ทำให้หน่อย หรือถ้าใครเก็บได้ ไม่ต้องมาคืนแอนนาก็ได้ แค่เป็นพยานให้หน่อย
วันที่ส่งของให้แมสเซนเจอร์ก็มีพยานเยอะค่ะ อยู่กัน 2-3 คน เขาก็เดินเข้ามาเอาทองในบ้านเลย ตอนแพ็กทองในบ้านเรามีกล้องว่าทองใส่ในกล่องจริง เรายื่นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนแล้ว (ท้องที่ที่เกิดเหตุคือคันนายาว แต่บ้านเราอยู่ประเวศ ทำไมถึงไปแจ้งความที่คันนายาว?) เรื่องแจ้งโรงพักไหน หนูก็ไม่เก่ง ไม่รู้ว่าต้องแจ้งยังไง แต่รู้ว่าต้องแจ้งความ แมสเซนเจอร์รถล้มวันที่ 24 กันยายน 2565 เวลาตี 5 แต่เขาไม่แจ้งความ ไม่ทำอะไรเลย เขาไปโรงพยาบาล แต่ไม่ตามทองให้เราเลย เขามารับทองที่บ้านประมาณ ตี 2-3”
ทนาย : “ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำแมสเซนเจอร์ เบื้องต้นคือคุณแอนนาได้มีการประกาศขายทองจริงๆ แต่เป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า เฉพาะลูกค้าประจำ ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ที่จะซื้อทอง แยกส่วนก่อนนะครับ เรื่องทองที่มีการแจ้งดำเนินคดีในวันนี้ ไม่ใช่กล่องสุ่ม ส่วนกล่องสุ่มคุณแอนนาทำจริง และมีการขออนุญาตชัดเจน ดังนั้นคุณแอนนารู้อยู่แล้วว่าการทำแบบนี้ขาดทุน แต่เป็นดารทำการตลาด เพื่อหวังกับธุรกิจอาหารเสริมที่ได้กำไรมากกว่า ดังนั้นวันนี้เป็นหมายเรียก และคุณแอนนาสมัครใจที่จะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา และเตรียมพยานหลักฐาน เอกสารบางส่วนเข้ามาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน การทำธุรกิจในครั้งนี้เป็นการทำธุรกิจที่ผิดพลาดโดยไม่มีประสบการณ์ หวังเพียงคืนกำไรให้กับลูกค้าประจำ
อันนี้แอนนาเตือนเป็นอุทาหรณ์เลยว่า คิดให้ดีก่อนขายสินค้า เราทำโปรโมชั่นขายราคาต่ำกว่าตลาด โดยที่ไม่ได้คิดว่าวันหนึ่งมันจะกินเข้ามาในธุรกิจเรา”
หลายคนมองเป็นทองทิพย์และไม่เมกเซ้นส์ เพราะทองหาย 4 ล้าน แต่กลับปล่อยให้เป็นเรื่องเวรกรรม
“ไม่ซื้อทิพย์หรอกค่ะ เพราะร้านทองก็เป็นพยานให้ได้ และมีใบเสร็จ ส่วนเรื่องเมกเซ้นส์ ถ้ารู้จักหนูดีจะรู้ว่าเป็นคนยังไง ต่อให้มีอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องหนักหนาในชีวิต หนูก็ไม่เคยเอาความใคร ไม่เคยฟ้องใครเลย หนูบอกว่าอโหสิกรรมไม่ฟ้องใครทั้งสิ้น มันขึ้นอยู่นิสัยคนว่ามองยังไง เรื่องนี้ตำรวจบอกว่ามันไม่มี มันหาไม่เจอ หนูก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ หนูก็ตามเรื่องนี้มาหลายเดือน
กับตัวแมสเซนเจอร์เราก็บีบเขาหนักมาก ไปตามถึงบ้าน เรียกมาสอบ ทำทุกวิถีทาง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่เขาทำกับหนูในวันนั้น มันเป็นสิ่งที่ทำให้หนูเป็นโดมิโนในวันนี้ มันเป็นส่วนหนึ่งที่ประกอบให้ธุรกิจสะดุด บวกกับตอนที่เราคืนกำไรให้ลูกค้า เราไม่คิดว่าราคาทองมันจะพุ่งพรวดขนาดนี้”
วันนี้เข้ารับทราบ 2 ข้อหา พร้อมขอโอกาสไปขายของเอาเงินมาคืน
ทนาย : “วันนี้มีพ.ร.บ.ฉ้อโกงประชาชน แล้วก็พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) ก็รับทราบข้อกล่าวหา และชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงให้กับพนักงานสอบสวนทราบเป็นบางส่วน แล้วเดี๋ยวจะนำพยานเอกสารส่วนที่เหลือ และตรวจสอบยอดที่ลูกค้าโอนมา เพื่อชี้แจงอีกทีหนึ่ง แนวทางของคุณแอนนาคือยืนยันว่าพร้อมที่จะส่งของให้ลูกค้า หรือถ้าลูกท่านไหนไม่ต้องการทองแล้ว ก็ขอเวลา ขอโอกาส ในการไปขายของเพื่อเอาเงินมาคืน ให้กับตัวผู้เสียหายที่มาแจ้งความครับ”
เลยจุดเครียด เพราะคิดสั้นฆ่าตัวตายมาแล้ว
“เราเกินจุดเครียดไปแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้เราคิดสั้นไปแล้ว ตอนคิดสั้นมีคนบอกว่าเป็นคอนเทนต์ไหม (ให้ดูรอยแผล) เป็นรอยเอามีดมาแทงตรงหัวใจ คือไม่มีใครเอามีดมาปักตรงหัวใจหรอกค่ะ ถ้ามันไม่เศร้าจริงๆ คือหนูพยายามเข้มแข็งในทุกๆ วัน และพยายามจะไม่นอยด์ เพราะเรื่องมันเกิดไปแล้วเราต้องสู้ คงไม่มีใครผูกคอตายเล่นๆ แล้ววันที่ทำ ขอแก้ข่าวนิดหนึ่ง ที่น้องเมญ่า (เมญ่า รวิสรา) ไปพูดว่าโทร.หาเพื่อลาครั้งสุดท้าย วันนั้นหนูยังโกรธและนอยด์เมญ่าอยู่นะ คือวันที่หนูฆ่าตัวตาย หนูไม่ได้บอกใครเลย ไม่ได้สั่งเสียด้วย เพราะคิดว่าทำเลย ถ้าหนูตายก็คือจบ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เรารู้สึกว่าทำไมชีวิตเรามันแย่จัง แต่สุดท้ายเราต้องอยู่ ถ้าเราไม่อยู่แล้วลูกค้าจะได้ของได้ยังไง หนูก็ต้องอยู่เพื่อแก้ปัญหา วันหน้าจะตายเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่”
ยังไม่สบายใจจนกว่าจะส่งของให้ลูกค้าครบ ตอนนี้ทยอยโอนเงินคืนอยู่ทุกวัน
“ไม่สบายใจหรอกค่ะพูดตรงๆ มีคนถามว่าสบายใจไหมที่จะไม่ติดคุก ตัวหนูมองว่าคุกก็คือคุก ไม่กลัวและไม่ท้าทาย แต่ความสบายใจจะเกิดต่อเมื่อลูกค้าได้ของครบหมด เพราะนั่นคือจุดประสงค์หลักถามว่าเหลืออีกกี่รายที่ต้องส่ง พูดตรงๆ จากใจเลยนะ ไม่รู้ เพราะทำคนเดียว ตอนแรกๆ ก็มีคนช่วยเยอะ แต่พอมันเริ่มจะเป็นคดี น้องๆ ก็มีกลัว พุดเดิ้ล ทีวีพูลเองตอนมีปัญหาก็ให้กำลังใจ และก็แทบจะหมดตัวด้วยซ้ำ เพราะยืมพุดเดิ้ลมาจนไม่เหลือเหมือนกัน มีเอกสารว่าเราโอนเงินคือลูกค้าทุกวัน ถ้าเรามีเจตนาจะโกง ลูกค้าจะไม่ได้เงินคืนค่ะ คืนจนไม่มีอะไรจะใส่ เหลือแหวนพญานาค 2 วงที่ยังไม่จำนำ บ้านก็ติดไฟแนนซ์ เราก็ไปขอเข้ากู้เพิ่ม ซึ่งยอดเยอะสุดที่เราต้องคืน เป็นล้านก็มีค่ะ
สำหรับลูกค้าที่ให้โอกาส ก็ขอบคุณจริงๆ ที่ให้โอกาส (ยกมือไหว้) แต่ตอนนี้แอนนายืนแทบไม่ไหวแล้ว บัญชีที่ใช้ได้มีเงินอยู่ 2 แสนบาท ก็โดนอายัดเพราะลูกค้าไปแจ้งความ พอเราไปขอถอนแจ้งความ ตำรวจก็ตีเป็นฉ้อโกงประชาชน ก็เลยใช้บัญชีไม่ได้ เลยไม่มีเงิน บัญชีที่มีเงิน วันนี้หนูพูดตรงๆ เหลือ 25 บาท หนูพูดแบบไม่อายเลย ก่อนหน้านี้หนูไม่ได้วางแผนว่ามันจะล้ม พอมันล้มเรามีอะไรเราก็ขาย ขายเพื่อที่จะโอนคืน แต่บางคนเราก็เข้าใจว่าเราไม่รอแล้ว
ถามว่าตอนนี้ใช้ชีวิตยังไง เราก็ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เอาข้าวมาให้กินทุกวัน มีเพื่อนหลายคนเดินเอาข้าวมาให้กินที่บ้าน ซื้อข้าวสาร ซื้ออะไรมาให้ บางคนบอกว่าจนขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าคุณเป็นหนี้อยู่ คุณจะไม่เก็บเงินไว้หรอก คุณกอดมันไว้ไม่อุ่นหรอก เพราะว่าสุดท้ายก็โอนกลับไปให้ลูกค้า เราเอาน้ำไปดับไฟเรื่อยๆ มันดีกว่า ถามว่ารายได้ที่มีก่อนหน้านี้ไปไหน เราไม่เคยทำบัญชีกำไรขาดทุน พอวันที่รู้ตัวว่าเราให้คืนกำไรไปเยอะ วันที่เราหมด มันไม่ได้ตั้งตัวเลย แอนนามีบ้านมีรถอยู่ แต่มันก็ติดธนาคาร ลูกค้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ไปขายให้หมด คือมันติดธนาคารค่ะ ไปขายก็เป็นของธนาคารอยู่ดี”
ไม่ใช่จุดต่ำสุดในชีวิต เพราะต่ำกว่านี้ก็มีมาแล้ว
“ต่ำกว่านี้ก็มีมาแล้วค่ะ แค่ตอนนี้เราไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น มันเลยรู้สึกว่าหนักไปหมด เพราะที่ผ่านมาเราแบกแค่ในครอบครัว แต่วันนี้เราต้องมาแบกภาระหนี้สินที่เกิดจากตัวเองทำงานผิดพลาด และแบกรับคนอีกหลายชีวิต วันก็ทำใจแล้วถ้าติดคุกก็เป็นเวรเป็นกรรม แต่ตำรวจดูเอกสารและมองว่าเราไม่มีเจตนา เขาเลยให้เราออกมา บอกเลยคุกเนี่ยไม่กลัวและไม่ได้ท้าทาย แต่ที่กลัวคือกลัวไม่ได้คืนเงินลูกค้า ถ้าตายวันไหนก็ต้องมาเป็นหนี้กรรมหนี้เวรกันอยู่ ต้องมาใช้กันอีกกี่ชาติทุกวันนี้แอนนายังส่งของตามปกติ เพราะเงื่อนไขของทางติ๊กต๊อก ถ้าเราไม่ส่งของ เงินก็ไม่เข้าเราอยู่แล้ว ส่วนทางเฟซบุ๊กเราจะขายน้อยลง เพราะโดนปิดการมองเห็นเยอะมาก”
ทนาย : “ขั้นตอนหลังจากนี้ก็ต้องรอพนักงานสอบสวนเรียกเอกสารเพิ่มเติม และจะมาให้การเพิ่มเติมครับ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานเอกสารหลักฐาน วันนี้ได้ให้การไปบางส่วนที่เกี่ยวกับทองโดยตรง ว่ามีการซื้อทองมาส่งให้ลูกค้าจริงๆ คุณแอนนาก็ต้องกลับไปตรวจสอบยอดที่ลูกค้าโอนมาตามจริง ไม่รวมกับยอดที่จะคืนกำไรให้ลูกค้า และรอดูว่าที่ผู้เสียหายไปแจ้งความแต่ละท้องที่ ทางสอท.1 ท่านจะรวมคดีมาที่นี่ที่เดียวไหม เราจะได้ชี้แจงไปในคราวเดียวกันเลย”
งานนี้หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ แอนนาก็ถึงกับต้องรีบดมยาดมทันที เพราะรู้สึกเหมือนจะเป็นลม และเจ็บแผลที่ทำหน้ามา
ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้เผยกับสื่อ ก่อนที่แอนนาจะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
“เบื้องต้นที่เช็กได้มีทั้งหมด 9 เคสไอดี ค่าเสียงหายประมาณเกือบ 15 ล้านบาท แต่ถ้าเกิดรวมทั้งหมด ก็จะต้องดูที่ผู้เสียหายมาแจ้ง ก็ฝากประชาสัมพันธ์ หากท่านโดนลักษณะแบบนี้ ก็สามารถมาแจ้งที่สอท.1 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวน ก็แจ้งตามมาตรา 341 ฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน 343 และพ.ร.บ.คอมมาตรา 14 (1) และต้องตรวจสอบกับทาง สภ.และสน.ต่างๆ ว่ามีการแจ้งความเรื่องคุณแอนนาในตรงนี้หรือไม่ ส่วนจะรวมเป็นสำนวนคดีเดียวกันไหม เดี๋ยวก็คงจะต้องนำเสนอกับทางกองบัญชาการไซเบอร์อีกทีหนึ่ง ต้องรอท่านผู้บัญชาการให้นโยบาย และอาจจะมีการประสาน ถ้าเกิดว่าไปทั่วประเทศ คงจะต้องรอคำสั่งจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง 9 รายที่แจ้งมา มีทั้งเข้ามาแจ้งเอง และแจ้งทางเว็บไซต์”
