เป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับนักการเมืองบางคนในบ้านเราที่มักจะหยิบยกเอาเรื่องราวในนวนิยาย หนัง หรือตัวละคร มาพูดโยงกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ทั้งที่ในหลายครั้งเราก็มักจะพบว่าตัวคนพูดเองหาได้รู้เรื่องหรือเข้าใจในแก่นแท้จริงๆ ของหนัง ตลอดจนตัวละครที่หยิบตัวเองยกมาแต่อย่างใด แต่เป็นการพูดไปเพราะต้องการเอาเท่ อยากอวดให้รู้ว่าตัวเองเก่งมันไปทุกอย่าง รู้ทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์
หรือแม้กระทั่งต้องการเอาใจ หาเสียงคนที่ทำงานในวงการนี้ก็มี
ล่าสุดหนึ่งในตัวละครอย่าง "พจมาน สว่างวงศ์" แห่งบ้านทรายทอง ก็ถูกนักการเมืองคนหนึ่งหยิบมาพูดถึงด้วยการเปรียบเทียบทำนองว่า พรรคตัวเองไม่ใช่ "พจมาน" ที่จะยอมให้ตัวร้ายอย่าง "หญิงใหญ่" กลั่นแกล้ง แต่จะขอเป็น "แดจังกึม" ที่พร้อมจะสู้กลับคนที่มารังแกมากกว่า
งานนี้เรียกว่านอกจากจะออกท่าทีด้อยค่าละครไทยแล้ว ยังต้องบอกว่าคนพูดเองยังมั่วสุดๆ
เพราะถ้าใครได้อ่านนิยายบ้านทรายทองที่ประพันธ์โดย "กัณหา เคียงศิริ" เจ้าของนามปากกา ก.สุรางคนางค์ รวมทั้งดูบ้านทรายทอง ดูพจมานจะในเวอร์ชันละครและภาพยนตร์ ก็จะรู้ว่าตัวละครที่เป็นตัวร้ายจริงๆ นั้น ไม่ใช่หญิงใหญ่ แต่เป็นหม่อมแม่กับตัวหญิงเล็กต่างหาก
จริงอยู่ที่หลายคนอาจจะมีภาพจำตัวพจมานทำนองว่าเป็นตัวละครที่ถูกคนอื่นรังแกแต่ในแง่หนึ่งแล้วตัวละครตัวนี้ก็หาได้เป็นคนอ่อนแอ หน่อมแน้ม หรือเป็นพวกยอมจำนนแต่อย่างใด
ในทางกลับกันพจมานยังถือเป็นตัวละครที่หาญกล้ามากๆในฐานะเด็กบ้านนอกตัวคนเดียวที่ต้องเข้ามาตามหาความยุติธรรมจากเหล่าคนชนชั้นสูงจอมปลอม และถึงแม้จะถูกแกล้งต่างๆ นานาแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมแพ้ หรือจะพูดให้เท่ๆ ก็คือเป็นคนทรนงที่ไม่ยอมก้มหัวให้ศักดินาผู้มารังแกแต่อย่างใด
คือถ้าจะมาตีความว่าพจมานเป็นพวกหงิมๆ หน่อมแน้ม ไม่สู้คน มันคงไม่ใช่ ดูอย่างฉบับภาพยนตร์ที่เปิ้ลจารุณีแสดงนั้นเรียกว่าเป็นพจมานที่ก๋ากั่นถึงขั้นหยิ่งยโสกันเลยทีเดียว
เนื้อเรื่องอาจจะถูกนิยามว่าน้ำเน่า แต่แง่หนึ่งบ้านทรายทองก็สะท้อนให้เห็นเรื่องของชนชั้น ระบอบสังคม ความเท่าเทียม ความยุติธรรม เรียกว่าเป็นนิยายสัญญลักษณ์ทางการเมืองเรื่องหนึ่งก็คงจะไม่ผิดนัก