“เคน ภูภูมิ” จบข่าวลือเลิกเงียบ แพลนแต่ง “เอสเธอร์” ปี 68 บอกไม่หวานแต่สม่ำเสมอ ไม่ลงรูปคู่แต่อยู่ด้วยกันตลอด เตรียมบินอังกฤษเรียนภาษา 3 เดือน และไปดูการทำสวนที่เนเธอร์แลนด์ ไม่ทิ้งธุรกิจต้นไม้ เพราะไม่เคยขาดทุน บอกคนไทยเลิกฮิต แต่ตลาดโลกยังต้องการสูง
เหตุเพราะไม่ค่อยหวานออกสื่อ ก็เลยมีข่าวลือว่าแอบไปเลิกกันเงียบๆ อีกแล้ว สำหรับคู่ของหนุ่ม “เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค” และสาว “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” ที่ยังคงโดนจับตามองเรื่องความสัมพันธ์อยู่ตลอด เพราะไม่มีรูปคู่ให้ดูเหมือนคู่รักคู่อื่นเขา ล่าสุดวันนี้ (6 มิ.ย.) ได้เจอหนุ่มเคน ในงานฉลองครบรอบ 1 ปี Spaceplus Bangkok เจ้าตัวก็ได้ออกมายืนยันให้ฟังกันแบบชัดๆ ว่ายังไม่เลิกกัน
“ไม่เลิกครับ ไม่เลิก เหมือนเดิม เราเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว น้องก็เพิ่งให้สัมภาษณ์ไป ก็ตามนั้นเลยครับ เราอาจจะไม่หวาน แต่เราสม่ำเสมอครับ เป็นเพราะไม่ค่อยลงรูปคู่มาแต่แรกอยู่แล้ว แล้วช่วงนี้พวกเราต่างแยกกันทำงานหนักมาก ผมเองก็ต้องสร้างสวนของตัวเองที่ต่างจังหวัด แล้วก็งานเยอะ น้องก็งานเยอะ”
รู้ตัวคนเข้าใจผิดคิดว่าเลิกกันแล้ว เพราะไม่ค่อยลงรูปคู่
“จริงๆ พวกเราก็รู้นะครับ เพราะเราไม่ได้ลงรูปคู่กันบ่อยๆ ก็อาจจะมีคนสงสัยบ้าง ถามว่าจะลงรูปสยบข่าวลือไหม พวกเราไม่ใช่แนวนั้นครับ จริงๆ บางครั้งสตอรี่ไอจีที่ถ่าย เราก็อยู่ด้วยกันแหละ แต่ไม่ได้ถ่ายกันและกัน เวลากินข้าวหรือเล่นกับหมา ในความคิดผม ก็คิดว่าลงรูปน้อยเหมือนกัน แต่บางครั้งก็คิดว่าก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย มันจะแบบเอ๊ะ หรือจะลง แต่พวกเราก็เป็นแบบนี้กันอยู่แล้ว”
มีคนคอมเมนต์เข้ามาถาม แต่ได้คำตอบแล้วก็เคลียร์
“เมื่อก่อนมี แต่ตอนที่พวกเราตอบไป ก็หายไป เหมือนคนที่สงสัยก็เคลียร์ ก็ถามได้ เพราะเราก็ตอบเหมือนเดิม”
รักกันดีไม่ใช่ช่วงห่างหรือลดความสัมพันธ์
“ไม่มีห่างครับ เราทำงานกันเยอะ แต่เราก็ติดต่อกัน ข่าวเลิกไม่มีผลอะไร เพราะไม่ได้โฟกัสคนอื่น เรารู้ว่าทำอะไรอยู่ (มีปรับตัวไหม เพราะเคยมีช่วงงอนที่เราสนใจแต่ต้นไม้?) คือเขาก็เข้าใจ เขาเข้าใจว่าที่เรากำลังทำอยู่ เราทำเพื่ออะไร เราทำไปทำไม เขาไม่ได้งอนครับ เขาเข้าใจว่าการสร้างมันต้องใช้เวลา และใช้พลังมหาศาล”
คนเริ่มออกจากวงการต้นไม้ไปแล้ว แต่ส่วนตัวยังอยู่ เพราะตลาดโลกยังมีความต้องการสูง
“ตลาดทั่วโลกมันใหญ่มากครับ ความต้องการมันสูงมากๆ ซึ่งบางคนอาจจะไม่ได้ไปมองเห็นในกลุ่มของการส่งออกหรือตลาดผู้เล่นที่ยังมีอยู่ แต่เราเห็นเราก็เลยทำ ยังไม่เคยเจ็บตัวกับราคาเลยครับ ถามว่าตอนนี้ตลาดในไทยมันดรอปลงไหม ส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันดรอป เพราะเมื่อก่อนราคามันโอเว่อร์ แต่ตอนนี้ราคามันกลับมามาตรฐาน ซึ่งราคามาตรฐานของมันก็คือราคาเวิลด์ไวด์ ทั่วโลกราคาเท่ากัน มันดีตรงนี้ครับ คนทั่วโลกเล่นเหมือนกัน ซื้อขายราคาเท่ากัน ไม้ตัวท็อปๆ ราคาก็ยังเป็นหลักหมื่นหลักแสนเหมือนเดิม แต่เมื่อก่อนมันอาจจะเป็นหลักล้าน ส่วนของเราตอนนี้ก็จะขายในไทยที่แหละครับ แต่ส่งออกจะเป็นอีกชนิดหนึ่ง ที่กำลังบิวต์อยู่”
ไม่ต้องหารายได้เสริม จากต้นไม้ที่ราคาดรอปลง เพราะได้เยอะอยู่แล้ว ไม่ได้ขาดทุน
“คือเมื่อก่อนมันก็เยอะแล้ว เราไม่ได้ขาดทุน ไม่ได้อะไรครับ ทุกวันนี้ก็เลี้ยงตัวเองได้ ก็ถือว่าโอเค ทำให้เราได้ต่อยอดไปทำในสิ่งที่เราชอบด้วย คิดว่าในอนาคตคงจะเห็นผล”
รายได้หลักตอนนี้ ยังเป็นงานในวงการเหมือนเดิม
“ก็ถ่ายซีรีส์อยู่ครับ ยังทำอยู่ แต่ปีนี้รับเรื่องเดียว เพราะว่าตารางเราแน่นมาก เรารับซีรีส์แล้วก็แบ่งเวลามาทำสวน แล้วกันยายนก็จะไปอังกฤษ 3 เดือน ไปเรียนภาษาเป็นคอร์สระยะสั้น และอยากไปดูสวนที่เนเธอร์แลนด์ด้วย ว่าเขาสร้างกันยังไง ไปเปิดโลก ไปดูตลาดต่างประเทศด้วย”
ต้องห่างกันอีกแล้ว แต่ “เอสเธอร์” เข้าใจ ระยะทางไม่เป็นอุปสรรคแน่นอน
“น้องเข้าใจ 3 เดือนนานมาก แต่คิดว่าระยะทางไม่ใช่อุปสรรคนะครับ เพราะเราก็ค่อนข้างมั่นใจ เห็นเขามีบอกเหมือนกัน ว่าถ้าว่างจะแว๊บไปหา แต่ผมทำตัวดีอยู่แล้วครับ ถามว่าคาดหวังว่าจะได้อะไรกลับมา ก็ประสบการณ์ครับ รู้สึกว่าเราไปแล้วเราต้องดูแลตัวเอง ต้องลุยต้องศึกษาด้วยตัวเอง ใช้ชีวิตด้วยตัวเองทุกอย่าง จะได้เรียนรู้และโตขึ้น กล้าใช้ชีวิตมองขึ้น เพราะได้เห็นโลกกว้างๆ ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ”
ไม่ชวน “เอสเธอร์” ไปเรียนด้วย เพราะคิดว่าจะไปเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
“คิดว่าครั้งนี้อาจจะครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะ 3 เดือนก็นาน ก็คิดถึงครับ ตอนบอกเขาว่าไป 3 เดือน เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ เขาแค่ตกใจว่า 3 เดือนเลยเหรอ เราก็เลยบอกว่าถ้าไม่ไปตอนนี้ ก็คงไม่มีแรงเรียนแล้ว ถามว่าทำไมเขาถึงยอมให้ไป เหมือนเราคงคบกันมานานแล้ว แล้วเราสองคนก็ค่อนข้างมั่นใจ ว่าคนนี้แหละ แล้วการที่ผมไปแล้วกลับมาครั้งแรก เขาก็เห็นว่าเราได้พัฒนาตัวเองจริงๆ ถ้าเขาอยากจะไปเรียนบ้าง จริงๆ ก็ได้นะครับ แต่เขาคงไม่ไป”
วางรากฐานชีวิตแล้ว ถ้าไม่ผิดแผนก็จะแต่งงานปี 68
“ก็ทำงานวางรากฐานอยู่ครับ ถ้าทุกอย่างเป็นเหมือนที่เราวางแผนไว้ก็โอเค ปีหน้าคงยังครับ อาจจะปีถัดไป (ปี 68 คุกเข่าของแต่งงานเลย?) เดี๋ยวพอเลยก็มาอีก (หัวเราะ) ไม่ๆ คือเราก็คิดไว้บ้างแหละ”
