“กบ ปภัสรา” เปิดตำนาน คบ 2 เดือนแต่ง แต่ไม่ได้ท้อง 23 ปี แยกห้องนอนสามี “น้องเหนือ” วีรกรรมแสบ หนีเที่ยวจนถูกไล่ออกจากบ้าน ลั่นกดดันถูกทักอ้วน คลั่งผอม 3 ปี กินอะไรก็อ้วก ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว
ครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้มของคุณแม่คนสวย “กบ ปภัสรา” และคุณสามี “เอ๋ พรเทพ” พร้อมกับลูกสาว “น้องเหนือ ดิสรยา” ซึ่งวันนี้ทั้งหมดจะมาเปิดโมเมนต์สุดอบอุ่น ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีชมพู่ ก่อนบ่าย และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์อะไรที่ทำให้กบ - เอ๋ ต้องแยกห้องนอนกัน
แต่งงานกันกี่ปีแล้ว?
กบ : 23 ปี ตั้งแต่ปีที่42
ทำไมคนถึงตั้งฉายา ซินเดอเรลล่าเมืองไทย?
กบ : อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นพี่เอ๋ไฮโซ ตระกูลดัง แล้วเขาพ่วงเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงวิทย์ฯ ด้วย แล้วเราเป็นอาชีพนักแสดง สายเต้นกิน รำกิน อยู่ๆ เขามามองเรา เสร็จ 2 เดือนเองแต่งเลย
ไวมาก?
กบ : ใช่ค่ะ แต่ฉันไม่ได้ท้องก่อนแต่งนะคะ
ทำไมต้องโฟกัสเป็นผู้หญิงคนนี้?
พี่เอ๋ : ช่วงนั้นมันไม่ได้มีเหตุการณ์ที่ว่านักการเมืองกับนักแสดง เราเลยกลายเป็นไวรัลที่ว่าแต่งงานกันเปิดเผย มันเลยเป็นลักษณะซินเดอเรลล่า คือมั่นใจตัวเองสูงนะ เจอแล้วใช่เลย ก็เลยเอาไว้จีบกันหลังแต่งงานแล้วกัน
สมัยนั้นได้ยินกิติศัพท์มาไม่ธรรมดา?
พี่เอ๋ : ช่วงนั้นโสด คือแต่งงานมาแล้วหย่ากัน
กบ : โสดมา 10 ปี ด้วยวัยของเราสองคน ทำไม 2 เดือนถึงแต่งงานเร็ว คือด้วยวัยด้วย กบอายุ 30 กว่าแล้ว พี่เอ๋ 48 อย่างที่พี่เอ๋บอก การใช้ชีวิตมันจะรอดหรือไม่รอดมันอยู่ที่เราสองคน เราก็ถือว่าพร้อมแล้ว ถือว่าเขาให้เกียรติเรา
23 ปีที่ผ่านมาไม่ทะเลาะกันเลย?
พี่เอ๋ : ก็ตึงๆ กันไม่ได้รุนแรง เรื่องเล็กๆ นะ เรื่องใหญ่ๆ ไม่ค่อยทะเลาะกันหรอก
น้องเหนือ : ทะเลาะกันเรื่องช้อปปิ้ง
กบ : ถ้าตึงๆ ก็เรื่องลูกเป็นหลัก เรื่องช้อปปิ้งเป็นรอง
จริงๆ รู้มาว่าเรื่องที่งอนส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอาหารการกิน เรื่องอาหารพี่กบบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ทำ?
กบ : บอกตั้งแต่ขอแล้ว 1.ไม่ได้เป็นผู้หญิงหวาน เป็นผู้หญิงห้าว ไม่ได้เป็นแม่บ้าน แม่เรือน ทำอาหารไม่เป็น คือเขาเด็กนอก เราเด็กบ้านนอก แล้วเขากินอาหารไฮโฮ เขาไม่กินปลาร้าอย่างเรา เมื่อก่อนเอาปลาร้าเข้าบ้านไม่ได้ มาวันนึงรู้สึกว่าถ้าเราไม่กิน มันก็ควรอยู่บนโต๊ะได้ วันนึงเนื้อมาวางบนโต๊ะ เขาก็ถามโอเคเหรอไม่ทานเนื้อ เราก็บอกไม่เป็นไรคือเราทำอย่างนั้นเพื่อจะเอาปลาร้าเข้าบ้านด้วย
รักกันขนาดนี้แยกห้องนอน?
กบ : จริงๆ เราแยกมานานแล้วเนอะป่าป๊า
พี่เอ๋ : จริงๆ ผมเป็นคนกรนดัง แล้วก็เปิดทีวีนอน เขาไม่ต้องมืด แต่ก็ฟังเทศน์นอน เขาออกกำลังกายยังฟังเทศน์เลย
พี่เอ๋ตอนวัยรุ่นฮอตมาก?
พี่เอ๋ : สมัยแซทเทอร์เดย์ ไนท์ ที่เที่ยวบ่อยๆ ก็จะมีที่จอดรถของตัวเอง มีโต๊ะของตัวเอง เต้นกันทั้งคืน ส่วนใหญ่จะเต้นบนลำโพง
พี่กบไม่กลัวเหรอ วีรกรรมที่ผ่านมา ?
กบ : ไม่ค่อยได้กลัวเรื่องแบบนี้ เราก็มีความมั่นใจในตัวเรา เราทำมาหากินได้ด้วยตัวเราเอง เขาบอกผู้หญิงจะมีค่าเราต้องสร้างทุกอย่างด้วยตัวเราเองก่อน ถ้าเรามีแล้วเราก็อยู่ได้ ถ้าวันนึงคนเราถ้ามันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ กบมองแค่นี้แล้วที่ผ่านมาไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณบอกจะมาเริ่มต้นกับเราต้องหยุด
แล้วเจอตอนที่แต่งงาน ตอนจีบกันเมื่อก่อนมี เพจเจอร์ 162 ไง เลิกติดต่อกับผู้ชายคนนี้ซะ มาอย่างนี้เลย ทักมา ก็ให้ดู เราบอกไม่รู้ใคร แต่ทำไมเล่นแบบนี้ให้หยุดเดี๋ยวนี้ด้วย แต่เขาก็บอกว่าเขาโสด เราก็คบไป พอหลังแต่งงานมีอีกมีส่งจดหมายมาที่บ้านวัวเคยค้า ม้าเคยขี่ ก็เอาจดหมายให้ดู ทำไมมีคนส่งจดหมายมาหาหนูแบบนี้ ก็งง นี่เราแต่งงานมีลูกแล้วนะ ทำไมยังมีจดหมายแบบนี้มาหาเรากบมองอย่างนี้นะ คนที่รักเราก็มี เราไม่ได้แคร์ในความรู้สึกชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเรามีความสุขในชีวิตของเราพอแล้ว ถ้าเรามีความสุขในการกระทำแบบนั้นก็คงต้องปล่อยเขา แสดงว่าเขาต้องทุกข์จริงๆ เขาถึงทำแบบนี้ได้
เหนือดื้อไหม?
น้องเหนือ : ตอนเด็กๆ ดื้อมาก เกเรเลย หนีเที่ยว แต่ก่อนอยู่ในเมือง คือตอนนั้นกำลังซ่อมบ้านเลยย้ายไปอยู่คอนโดในเมืองเพื่อจะหนีเที่ยว ตอนนั้นอยู่ ม.3 คือเพื่อนชวน แล้วเราคิดว่าถ้าเราบอกพ่อแม่ เขาไม่ให้ไปแน่ๆ
ตอนนั้นไปเที่ยวไหน?
น้องเหนือ : ข้าวสาร
ออกจากบ้านยังไง?
น้องเหนือ : ก่อนจะออกหนูจะรู้ว่าบางวันแม่จะเข้ามาหอม แต่วันนั้นเพื่อนมาแล้ว ถ้าไม่ไปตอนนี้ไม่ทันแล้วนะ ต้องออกมาได้แล้ว หนูก็แบบแม่ยังไม่กลับมาเลย อย่าเพิ่งได้ไหม เพื่อนก็บอกไม่ได้ ต้องไปเลย ก็เลยเอาวะ เสี่ยง เอาหมอนวางใต้ผ้าห่ม เอาเสื้อมาวาง เอาหมอนคุมไว้เหมือนเป็นผม วันนั้นแม่เกิดเอ็นดูอะไรไม่รู้อยากเข้ามากอด แตกเลยค่ะ คือเราเที่ยวมาหลายรอบแล้ว แต่รอบนั้นโดนจับได้ แล้วหนูจะไม่เอาโทรศัพท์ไป แต่ว่าแม่ดันมีเบอร์โทรศัพท์เพื่อนหนูโทรปุ๊บ เพื่อนบอกเบอร์แปลก หนูบอกไหน ดูแล้วเบอร์คุ้นๆ
ตอนคุณแม่เปิดห้องไปเจอหมอน?
กบ : หัวใจมันตก มันหายไปเลยนะ คือลูกหาย แล้วเราไม่เคยเจอสภาพอย่างนี้ เพราะปกติกบจะเข้าไปจุ๊บเขาก่อนนอนพอวันนั้นเข้าไปจับ ทุกอย่างตัวไม่มีแรง แล้วก็เดินๆ วิ่งจากข้างบนมาข้างล่าง คอนโดเป็น 2 ชั้น เปิดห้องนั้น ห้องนี้ไม่มีพี่เอ๋ไม่อยู่บ้านไปงานเลี้ยง กบก็โทร.หาป๊าลูกไม่อยู่ในบ้าน นี่ 4 ทุ่มแล้วไม่เคยเจอ ป๊าก็มาเราก็คิดกันลูกไปไหนในเวลาแบบนี้ ออกจากบ้านไปได้ยังไง ไปยังไงแล้วไปกับใคร โทรศัพท์อยู่นี่ แล้วจะติดต่อลูกได้ยังไง
รู้ไหมคุณแม่พอไม่เห็นเราเขาหัวใจแตกสลาย?
น้องเหนือ : หนูรู้ เพราะหลังจากนั้นมาคุยกันเรื่องคืนนั้น เพราะทะเลาะกันใหญ่มาก เป็นวันที่ป๊าพูดจารุนแรงกับหนู
พี่เอ๋ : ไล่ออกจากบ้านเลย โกรธมาก คือไม่คิดว่าเขาจะไปนะ ตอนนั้นใช้คำว่าเหมือนผู้หญิงไม่ดี อายุขนาดนี้แล้วไปเที่ยว แล้วพอรู้ว่าไปไหน ก็ไปหากินแบบนั้นแล้วกัน ก็ไม่นึกว่าจะไป เขาออกเลย
น้องเหนือ : หนูเดินออกไปเลย ตอนนั้นพ่อให้เลือก ถ้ายูไม่ไปเรียนต่อก็ออกจากบ้านไปเลย ตอนนั้นหนูไม่อยากไปเรียนต่อเลย ป๊าพูดว่านี่คุมไม่ได้แล้ว ต้องให้คนอื่นคุม ต้องไปเรียนต่อเมืองนอกเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นก็ออกจากบ้านไปเลย หนูก็เดินออกไปเลย
คุณแม่ไปตามยังไง?
น้องเหนือ : แม่นั่งมอเตอร์ไซค์มาตาม
กบ : มนุษย์แม่มันไม่ไหวหรอก ทนไม่ได้ คือไม่ไปใช่ไหม งั้นหนูไปเองก็ได้ ก็เดินจากคอนโดไปหน้าปากซอย จังหวะพอดี เขายืมโทรศัพท์วินติดต่อเพื่อน จังหวะหนูถึงพอดี เขากำลังจะซ้อนมอเตอร์ไซค์ไป หนูก็ถามจะไปไหน เขาบอกจะไปบ้านเพื่อน เลยบอกว่าลูกสาวฉัน แล้วคืนโทรศัพท์พาเขากลับมา คืนตอนนั้นถ้าฉันมาไม่ทัน ฉันจะเจอภาพข่าวอะไรเยอะแยะมากมายใช่ไหม พี่โคตรทรมานเลย
น้องเหนือ : ตอนนั้นก็งงมากโทร.หาเพื่อนผู้หญิงคนนึงว่าขอไปบ้านนะ ตอนนี้มีปัญหา ตอนนั้นหนูออกมาเจอคนแล้วขอยืมโทรศัพท์ พี่จับแขนหนูไว้ก็ได้ หรือพี่กดเบอร์ เปิดโฟนให้หนูคุยกับเพื่อนหน่อย เขาก็ยอม หนูวิ่งออกมาร้องไห้ฟูมฟายเลย แล้วแม่ก็มากลับบ้านเถอะลูก ก็ยอมกลับ
พี่เอ๋ : หลังจากนั้นลูกหนีเที่ยวอีกไหม
น้องเหนือ : ไม่มีแล้ว
มองย้อนกลับไปเราอยากบอกอะไรพ่อแม่ไหมกับสิ่งที่เราทำ?
น้องเหนือ : คงต้องบอกว่าขอโทษนะคะที่ทำ เราคุยกันมาเยอะแล้วกับเรื่องไม่ดี ปล่อยให้เป็นเรื่องในอดีต เพราะตอนนี้มันก็ดีแล้ว
กบ : ใช่ๆ พอมันผ่านมาวันนึง เขาเริ่มโตขึ้น สเต็ปชีวิตเขา แล้วเราเอง เราก็ต้องปรับหาเขานะ วัยเรา รุ่นเราต่างกับเขาเยอะ อยู่ที่ว่าเราเข้าใจมากน้อยขนาดไหน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมา เราก็เริ่มคุยกันละว่าเราจะปรับจูนยังไงแล้วเราต้องใช้ชีวิตด้วยกันยังไง เพราะว่ายังไงเราเป็นแม่ไม่สามารถที่จะทิ้งเขาได้ เขาจะเข้าใจเรามากน้อยขนาดไหนเราไม่รู้ แต่เรารู้ว่าชีวิตเรา เราให้เขาได้ เราขอให้เขามีชีวิตอยู่ เราไม่มีได้ เพราะกบจะพูดกับเขาว่า เขาคือ
น้องเหนือ : ลมหายใจ แก้วตาดวงใจ
กบ : แล้วเราไม่เคยขออะไรเขา เราขอเขาอย่างเดียว
น้องเหนือ : อย่าโกหก
กบ : ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตลูก จำไว้นะ ดีไม่ดี เลวร้ายขนาดไหน ใครทำอะไรลูก จะขู่ จะฆ่า บอกว่าถ้ามึงบอกใครมึงต้องตาย ลูกเดินมาบอกแม่กับป๊าเลย เพราะมันจะตายก่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมีแม่กับป๊าสองคนเท่านั้นที่ช่วยลูกได้
มีอยู่ช่วงนึงน้องเหนือกดดันในการใช้ชีวิต เพราะเป็นลูกคุณพ่อ คุณแม่ใช่ไหม?
น้องเหนือ : ตอนนั้นเรารู้สึกว่าป๊ากับแม่เก่งมากเลย ทำไมเขาเก่งจังเลย แล้วเรามีอะไร ยังไม่ชอบเรียนวิทย์ยังไม่ชอบเรียนเลขเลย แล้วพ่อแม่ทำได้ทุกอย่างเลย เราก็จะกดดันกับตัวเองมาก บางคนจะโพสต์ว่าแบบ คุณแม่เก่ง ทำไมลูกไม่ดี บางทีก็มีคอมเมนต์ไม่ดีเข้ามา ทำให้หนูยิ่งดาวน์กับตัวเอง
เห็นว่าไปไหนก็มีพี่เลี้ยงประกบตั้งแต่เด็กๆ?
น้องเหนือ : ใช่ค่ะ เวลาไปเที่ยวกับเพื่อน หรือไปไหนก็มีพี่เลี้ยงคอยตามไปด้วยตลอด ถ่ายรูปส่งให้ป๊ากับแม่ดู หนูก็จะแบบทำไมเป็นเหมือนเพื่อนเราไม่ได้ที่พ่อแม่เขาปล่อย ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็กไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงมาเจอเรื่องแบบนี้ เราอยากจะหลุดออกจากตรงนี้ เปลี่ยนพ่อ เปลี่ยนแม่ได้ไหม เป็นฟีลนั้นเลยไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่พอโตขึ้นมาเราก็เข้าใจ
กฎของบ้านคือห้ามโกหก?
น้องเหนือ : ใช่ แล้วห้ามพูดกับหนูด้วย คำว่าโกหก ตอนเด็กๆ พอหนูหนีเที่ยวก็จะชอบโดนป๊า แม่ จับผิด จะบอกว่าเราโกหกตลอดเวลา เราเลยจะแบบคำนี้เป็นคำต้องห้ามของเรา ก็ตอนนี้เราไม่ทำแล้ว ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว ไม่ต้องมาใช้คำนี้กับเราได้ไหม พอได้ยินปุ๊บ มันก็กลับมาๆ ร้องไห้
นอกจากโกหก ก็ยังมีอีกคำ ซึ่งคำนี้รุนแรงถึงขั้นไปหาคุณหมอเลย?
น้องเหนือ : ใช่ คือคำว่าอ้วน ตอนนั้นที่เริ่มเซนซิทีฟกับคำนี้คือเริ่มขึ้นมหาวิทยาลัย ด้วยความที่ประเทศไทยมีบิวตี้สแตนดาร์ดของเขาว่าผู้หญิงต้องผอม ต้องตัวเล็ก พอเราจะเข้ามหาวิทยาลัย เราอยากสวย อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองตอนนั้นเราอ้วน ชอบกิน บางทีคุณพ่อชอบทักว่าช่วงนี้ยูตัวหนานะ แม่จะทักว่าตัวหนานะ พ่อก็จะแบบช่วงนี้ยูอ้วนขึ้นหรือเปล่า ด้วยเราจะขึ้นมหาลัย สังคมที่เราเจอ บิวตี้สแตนดาร์ดด้วย ทำให้เรากดดันกับตัวเองจนป่วย
ป่วยเป็นอะไร?
น้องเหนือ : โรคคลั่งผอม กินแล้วอ้วก ไม่กินเลย หนูทานข้าววันละ 3 คำ พอเริ่มเข้าปี 1 มันเป็นช่วงโควิดพอดี หนูก็อยู่บ้าน ตอนนั้นติดเกม น้ำหนักลดไป 10 กิโลโดยไม่รู้ตัว คือเล่นเกม กินข้าวหน้าจอ บางทีก็ทานน้อย จนน้ำหนักลดไป 10 กิโล เป็นครั้งแรกที่เราชอบตัวเองในเวอร์ชั่นแบบนี้ มองในกระจกแล้วเราผอม เราสวย แล้วมานั่งคิดว่าวันๆ เราทำอะไรบ้าง ทำไมเราผอมขนาดนี้ อ๋อ เราไม่กินข้าว
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายไหม?
น้องเหนือ : ตอนนั้นกินข้าวแล้วต้องไปอ้วก คือผอมแห้ง แรงน้อย จะเป็นลม
ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่รู้ไหม น้องทานข้าวแล้ววิ่งไปอ้วก?
พี่เอ๋ : รู้ๆ เขาเข้าโรงพยาบาลเลย
กบ : คือเราอยู่กับเขา เราจะบอกว่าผอมไปไหม โอเคผอมสวย แต่ตอนนี้ลูกไม่กินข้าว ไม่มีอาหาร ไม่มีโปรตีนเข้าไปในร่างกายเราเลย ทุกอย่างช่าง มีตราชั่งมาวางที่โต๊ะอาหาร ของหวาน ของมัน ของทอดคือไม่ได้ ผักคือต้องต้ม
แล้วที่หนักจนต้องพาไปหาหมอคืออะไร?
พี่เอ๋ : มันเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ตายได้นะ คนตายเยอะนะ
เป็นอยู่นานไหม?
น้องเหนือ : 3 ปี
พี่เอ๋ : เราไปเกือบทุกหมอเลย เขาก็ให้ยาที่จะรักษาโรคตรงนี้
น้องเหนือ : คือโรคนี้มันมาคู่กับซึมเศร้า หนูเป็นซึมเศร้าด้วย
ปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง?
น้องเหนือ : ดีแล้วค่ะ เข้ารับการรักษา 3-4 ปีที่ผ่านมาก็ดีขึ้น
พี่เอ๋ : อย่าไปสิ้นหวัง วันนึงเขาก็กลับมา
กบ : ลูกกลับมาหาเรา 100% ไม่มีตราชั่งอะไรแล้ว
อีกหนึ่งอย่างน้องเหนือได้เข้าวงการบันเทิง?
กบ : ถามว่ากบดีใจไหม คนเป็นแม่โกหกไม่ได้ อันแรกดีใจ แต่การดีใจของเรานั่นคือเขาต่อสู้มาด้วยตัวเขาเอง ไม่ได้ผ่านมาจากตัวกบ น้องเหนือเป็นเด็กคนนึงเขาไม่ชอบเส้นพ่อ เส้นแม่
มีคนมาคอมเมนต์เข้ามาได้เพราะเส้นคุณกบ ปภัสรา หรือเปล่า?
กบ : เยอะมาก เราจะแคร์ความรู้สึกเรื่องเปรียบเทียบ แบบความสามารถไม่ต้องมีหรอก พ่อแม่มีให้ครบอยู่แล้ว แม่เองก็เป็นผู้จัดอยู่แล้ว คือไม่ใช่เขาเองก็ต้องไปเวิร์กช้อปกับคนอื่น
น้องเหนือ : คืออย่างแรกเลย เดินไปบอกแม่ว่าหนูอยากเล่นละคร แต่หนูก็ต้องไปไฝว์ด้วยการที่หนูต้องไปแคสติ้งเองส่งให้ช่องดูเหมือนกับทุกๆ คน
ตอนนี้แคสเสร็จจะได้ทำงานแล้ว แต่กดดันอีกหนึ่งเรื่อง?
น้องเหนือ : ใช่ค่ะ กลัวโดนเปรียบเทียบกับคุณแม่ เรื่องนี้มันโดนอยู่แล้ว ถ้าเมื่อก่อนหนูจะแคร์มาก แต่ตอนนี้หนูเข้าใจมากขึ้นว่าเราทำให้ทุกคนชอบเราไม่ได้ มันก็มีทั้งรัก ทั้งเกลียดเรา เขาจะเปรียบเทียบก็ช่างเขา เราทำให้ดีที่สุด
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama