“แก้ม วิชญาณี” กลับมารันโซเชียลแล้ว หลังจากจิตใจแข็งแรงจากอาการ Anxiety (การมีบาดแผลในใจจากคำด่าในโลกออนไลน์) บอกตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วแม้จะไม่ 100% อยู่วงการมา 15 ปี ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าเรื่องนี้จะเกิดกับตนได้ ยันที่ห่าง “ตั้ม-โดม” ไม่ได้ทะเลาะกัน
หายไปซ่อมจิตมาพักใหญ่ หลัง “แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น” พบว่าตนเองมีอาการ Anxiety หรือ การมีบาดแผลในใจจากคำด่าในโลกออนไลน์ ซึ่งแก้มเคยเล่าไว้ในรายการว่าช่วงนึง แก้มเคยได้รับบาดแผลทางใจจากการทำงานในรายการ 4 โพดำ ที่ทำร่วมกับ “ตั้ม วราวุธ" และ "โดม จารุวัฒน์" โดยการล้อเลียนรูปร่าง อ้วน ดำ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะและความสนุกให้กับรายการ แต่ได้กลายเป็นแผลในใจของแก้ม ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกด้อยค่า มองตัวเองเป็นขยะ
หลังจากที่แก้มได้เปิดใจกับ “ตั้ม-โดม” ถึงเรื่องราวความรู้สึกในใจทั้งหมด และปัญหาในใจตน ตั้ม-โดม ก็ได้ขอโทษแก้มอีกครั้งในรายการ De-Talk เมื่อเจอแก้มที่งาน งาน Proud to be Pride 2023 ที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์ แก้มก็เล่าว่าตนไม่ได้ทะเลาะกับ ตั้ม-โดม แต่ที่หายกันไปเพราะตนไปรักษาตัว
“จริงๆ แล้วมันไม่ใช่การทะเลาะกันนะคะ มันเป็นช่วงเวลาที่จบรายการมาแล้วเราไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่แล้วพอน้องมาเห็นเราในตอนที่สุขภาพจิตใจเราไม่ค่อยดีเลยกลายเป็นเขาตกใจ แล้วที่ผ่านมามันมีช่วงเวลาที่มีบ้างที่เราจะรู้สึกในช่วงที่ถ่ายรายการ มีบางวัน เราเป็นผู้หญิงเราก็จะดีเทลเยอะโน่นนั่นนี่ น้องก็จะมีมุมของน้อง มันไม่มีเรื่องอะไรเลยที่มันใหญ่โต
แต่เพียงแค่ว่าตอนนั้นรายการใหม่เขาแล้วเราไปเป็นแขกรับเชิญให้น้องแล้วน้องเลยอยากจะพูดอยากจะเคลียร์ใจในสิ่งต่างๆ ที่บางครั้งเขาอยากจะพูดเพราะเราไม่ค่อยได้พูดกัน มันเลยกลายเป็นเหมือนว่าน้องออกมาขอโทษเรา จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลย ส่วนหลักๆ คือช่วงเวลาที่เราต้องเจอเรื่องราวต่างๆ แล้วเราต้องพักใจนาน เราต้องดูแลสุขภาพจิตใจเรา แล้วมันอาจจะไม่ได้มีโอกาสมากกว่าช่วงต้นๆ ที่เราทำรายการด้วยกัน”
ยันไม่ได้ทะเลาะ “ตั้ม-โดม” แต่ห่างกันเพราะตนต้องหายไปดูแลสุขภาพจิตตัวเอง
“มันไม่ได้เรียกว่าเป็นปัญหาขนาดนั้นค่ะ มันเป็นส่วนหนึ่งที่มันมาจากทั้งตัวเรา เราเป็นเด็กผู้หญิงแล้วน้องเป็นเด็กผู้ชายมันมีบางครั้งที่อาจจะรู้สึกว่ามันไม่ตรงกันบ้าง แต่มันไม่ใช่การทะเลาะกันแน่นอนค่ะ
หลังจากที่จบรายการ 4 โพดำ แล้วช่วงนั้นแก้มก็มาดูแลสุขภาพจิตใจของเราเอง เรื่องของไปหาคุณหมอนู่นนี่นั่นแล้วก็กลับมา น้องก็คือตกใจเพราะว่าเขาเห็นเราไม่โอเค หลังจากที่ไม่ได้คุยกันเลย แล้วตอนนั้นเรายังไม่ได้อยู่ในความพร้อมที่จะคุยกับใครทุกเรื่อง แล้วก็คือได้คุยกันมาเรื่อยๆ ต่างคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบในด้านอื่น หลังจบรายการไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อนแค่นั้นเอง”
ขอบคุณและขอโทษ “ตั้ม-โดม” ตนทำให้ไม่สบายใจแม้ทั้งคู่จะขอโทษตนแล้วก็ตาม
“เราเคลียร์ใจกันไปหมดแล้วแล้วเราเองก็รู้สึกขอบคุณและขอโทษน้องเช่นเดียวกันถ้าสิ่งไหนที่เราทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่สบายใจหรืออะไรก็ตามเราเป็นพี่น้องกันสุดท้ายแล้วเรื่องเหล่านี้มันดีซะอีกทีเราได้คุยกันแก้มว่าทุกคนเช่นเดียวกันไม่ใช่แค่เรื่องราวของแก้ม ถ้าเรามีเรื่องอะไรที่ไม่โอเคเราคุยกันแล้วมันจะเข้าใจกันมากขึ้น”
ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วแม้จะไม่ 100%
“มันดีขึ้นค่ะ มันดีขึ้นมากๆ ค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะแล้วก็อยากจะขอบคุณแล้วก็ขอโทษถ้าทำอะไรที่ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่โอเคหรือว่าเป็นห่วง ทำให้ทุกคนไม่โอเคในเรื่องอะไรก็ตามแก้มขอบคุณมากๆ และอยากจะขอโทษด้วยค่ะ (ยกมือไหว้) ที่อาจจะไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น ตอนนี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้น เราว่ามันสะสมมาเรื่อยๆ เราเพิ่งมาถึงจุดหนึ่งที่มันไม่ไหวจริงๆ ต้องไปพบกับผู้เชี่ยวชาญค่ะ
ถามว่าตอนนี้ 100% หรือยัง แก้มว่ามันไม่มีอะไร 100% นะ มันมีแต่การบาลานซ์ชีวิต แล้วเรารู้แล้วว่าเราไหวตรงไหน เราไม่ต้องแข็งแรงตลอดเวลาก็ได้ ทุกคนก็เช่นเดียวกัน
มันจะเป็นช่วงหนึ่งที่มันเป็นความรู้สึกของเราเอง มันเป็นภาวะหนึ่งของคนที่ในช่วงเวลาที่ภาวะจิตใจไม่ได้เลย แต่ตอนนี้พูดได้เลยว่าดีขึ้นมากๆ แต่ก็ไม่ถึงกับรับอะไรต่างๆได้หมด ก็พยายามบาลานซ์ เท่าที่ทำไหวต่อไป แต่การร้องเพลงไม่หยุดแน่นอน”
ดีมีแม่คอยรับฟัง อยู่วงการมา 15 ปี ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าเรื่องนี้จะเกิดกับตนได้
“คุณแม่เป็นพยาบาล คุณแม่รับฟังเสมอและตัวแก้มเองก็พยายามจัดการกับความรู้สึกตัวเองกับเรื่องต่างๆ อย่างเพลงล่าสุดก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อยากจะลุกมาทำเป็นพลังให้กับตัวเอง และส่งให้กับคนอื่นๆ ว่าไม่ใช่คุณคนเดียวนะที่จะเจอเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต ทุกคนเจอได้ทุกคนเสียใจได้ ทุกคนทุกข์ได้ ทุกคนมีความสุขได้ ทุกคนมีอารมณ์ ทุกคนเป็นมนุษย์ค่ะ
เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนรักตัวเอง และดูแลจิตใจตัวเองมากๆ ไม่น่าเชื่อถือว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา เราก็ไม่คิดว่าเราเข้าวงการตั้งแต่ 15 ปีที่ผ่านมา วันหนึ่งมันมีจริงๆ ว่าการที่เราเห็นว่าคนนี้ทุกข์ใจเหลือเกิน มันเกิดกับเราจริงๆ เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ อยากให้ดูแลตัวเอง ดูแลจิตใจ และผ่านไปได้ด้วยกัน”
กลับมาคัมแบ็กโซเชียลแล้ว
“เอาจริงๆ จัดการที่ตัวแก้มเอง โดยการปล่อยวาง ปล่อยวางในที่นี้คือไม่ไหวตรงไหนก็จะไม่อ่าน ในฐานะคนที่อยู่ตรงนี้ มันเป็นสิทธิของทุกคนสามารถพูดให้เราคำติคำชมต่างๆ ได้ แต่เราเองก็ต้องรู้ใจว่าเราไหวตรงไหน เราก็พยายามดูแลตัวเอง ดูแลคนที่เขารอชมผลงานอยู่ต่อไป ตอนนี้คัมแบ็กแล้วแม๊”
