“เซีย” ศิลปินดังเจ้าของเพลงฮิต “Chandelier” วัย 47 ปีที่ชอบปรากฏตัวด้วยการสวมวิกผมม้าปิดบังใบหน้า ได้ออกมายอมรับว่าตอนนี้กำลังรับมือกับปัญหาด้านสุขภาพและสภาพจิตใจหลังแพทย์ยืนยันว่าเธอมีอาการ “ออทิสซึม”
เซีย ที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับ แดน เบอร์นาร์ด แฟนหนุ่มไปเมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ได้เผยว่าเธอกำลังพักฟื้นร่างกายและตอนนี้เธอเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว
“สำหรับอายุ 45 ฉันแบบ..ฉันต้องคอยสวมชุดความเป็นมนุษย์เอาไว้ตลอด และมีเพียงแค่ 2 ปีที่ผ่านมานี้เองที่ฉันได้เป็นตัวของตัวเองแบบเต็มตัวที่แท้จริง”
“ไม่มีใครรู้จักหรือรัก เมื่อคุณเต็มไปด้วยความลับและใช้ชีวิตแบบละอาย และเมื่อเราได้นั่งลงในห้องที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้า แล้วเล่าให้พวกเขาฟังถึงเรื่องที่ลึกที่สุด ด้านมืดที่สุด ความลับที่น่าละอายที่สุด แล้วทุกๆคนหัวเราะไปกับเรา มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ขยะชิ้นหนึ่งอีกต่อไป”
“และเรารู้สึกว่ามีคนมองเห็นเราครั้งแรกในชีวิตว่า จริงๆแล้วเราเป็นคนยังไง แล้วจากนั้นเราก็ได้ก้าวออกมาสู่โลกและติดต่อพูดคุยในฐานะมนุษย์ และมีความเป็นมนุษย์ ที่มีหัวใจ โดยไม่ต้องเสแสร้งเป็นอย่างอื่น”
อย่างไรก็ตาม เซีย ไม่ได้เปิดเผยว่าเธอได้รับการวินิจฉัยว่าตนเองเป็นโรคนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งโรคนี้ เป็นความผิดปกติในการเจริญของระบบประสาท โดยมีลักษณะเด่นคือความบกพร่องด้านปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการสื่อสาร
เซีย หรือชื่อจริงว่า เซีย เคท อิสซาเบล เฟอร์เลอร์ เคยถูกวิจารณ์หนักเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่นำเอา แมดดี้ ซีกเลอร์ สาววัย 20 ปี ที่เป็นออทิสติกจริงๆและมีความผิดปกติทางด้านประสาทมาเล่นภาพยนตร์เพลงของเธอเองที่ชื่อว่า “Music”
บรรดานักแสดงและนักเคลื่อนไหวหลายคนที่มีปัญหาด้าน ออทิสซึม ได้ออกมาต่อต้านการถ่ายทำดังกล่าว พร้อมประณามการตัดสินใจของ เซีย ที่ต้องการนำเสนอภาพของคนที่มีปัญหาด้านระบบประสาท และเกรงว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของคนออทิสติกดูแย่
ครั้งนั้น เซีย ได้ออกมาตอบโต้โดยระบุเพียงว่า “จิตใจฉันมักจะอยู่ถูกที่ถูกทางเสมอ” พร้อมกับขอให้คนที่วิจารณ์ “ไปดูก่อนที่จะวิจารณ์หรือตัดสิน”
ซึ่งเธอเองก็ได้ขอโทษคนที่เป็น ออทิสซึม หรือ ออทิสติก พร้อมกับขึ้นข้อความเตือนในภาพยนตร์ ว่าไม่แนะนำสำหรับผู้ที่เป็นออทิสติก และยืนยันว่ามีการเตรียมผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยวิเคราะห์และดูอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างปลอดภัย
ซึ่ง เซีย ได้ยอมรับกับ New York Times ในเวลานั้นด้วยว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ทำให้เธอถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตาย และต้องเข้ารับการบำบัดเลยทีเดียว
