“เป้ วงมายด์” เผยลูกชายฝาแฝด “น้องมิวสิค-น้องลีริคส์” ทั้งดื้อ ทั้งซน แถมมีความเป็นตัวเองสูงมาก ถึงขั้นคิ้วแตกเย็บ 4 เข็มมาแล้ว ยอมรับเห็นลูกเจ็บไม่ได้ ด้าน “กร ษิภูตา” เผยลูกมีความกวนเหมือนพ่อ และชอบดนตรี ชอบร้องเพลงเหมือนกัน พร้อมเตือนชาวเน็ตแนะนำวิธีเลี้ยงลูกได้ แต่ขอให้มีเจตนาที่ดี อย่าเอาแต่สะใจ เพราะปรึกษาทนายไว้เรียบร้อย รอเซอร์ไพรส์ได้เลย
นานๆ จะได้เห็นครอบครัวของนักร้องหนุ่ม “เป้ วงมายด์” หรือ “บดินทร์ เจริญราษฎร์” และภรรยาสาว “กร ษิภูตา” พร้อมลูกชายฝาแฝด “น้องมิวสิค-น้องลีริคส์” ออกงานพร้อมหน้าพร้อมตาสักที ซึ่งก็ได้ออกมาอัปเดตพัฒนาการของลูกชายทั้งสองคนว่าทั้งดื้อ แสบ ซนได้ใจจริงๆ แถมมีความเหมือนพ่อมาก
เป้ : “ชีวิตก็สนุกขึ้นทุกวันครับ ชีวิตไม่ต้องมาตื่นกลางดึกแล้ว แต่ต้องมาจับปูใส่กระด้งทุกวัน ต้องคอยมาดูว่าเหลี่ยมไหนที่บ้านที่จะทำให้ลูกคิ้วแตกได้อีก ลูกสองคนก็ต่างกันพอสมควรเลยครับ จริงๆ แทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เขามีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก แล้วก็ซนทั้งคู่”
กร : “แสบมาก มีความกวนประสาทเหมือนพ่อด้วยค่ะ พ่อชอบสอนให้ลูกแกล้งแม่ เหมือนมีลูกสามคน แล้วลูกก็รักพ่อด้วยค่ะ กลางคืนเวลาตื่นก็ไม่เอาพ่อ อยากให้พ่อนอน แต่การรับมือเราก็ใช้หลายวิธีมาก ก็มีดุ ขึ้นเสียง หรือทำโทษด้วยการตีก็ไม่ได้ผล สุดท้ายก็ต้องจับมาพูดดีๆ มีเหตุผล เขาก็จะฟัง ก็งงว่ารอดชีวิตมาได้ยังไง (หัวเราะ) เพราะบางทีสอนคนนึง อีกคนนึงเขาก็อยากจะท้าทาย อยากทำบ้าง เรื่องที่รู้ว่าทำไม่ได้ก็ลองสิว่าถ้าทำแล้วครั้งที่ 1 พอครั้งที่ 2 เราจะเพิ่มเลเวลเขาไหม ถ้าคนนี้ทำแล้วได้ผลแบบนี้ อีกคนทำแล้วได้ผลเหมือนกันไหม ก็จะเป็นบ้าเหมือนกันนะคะ (หัวเราะ)”
เป้ : “ส่วนใหญ่ผมจะเป็นฝ่ายเอนเตอร์เทนครับ คอยไกล่เกลี่ยมากกว่า เวลาที่เขามีปัญหามากๆ พอหม่าม๊าเขาคุยเสร็จเรียบร้อย เราก็จะคอยไกล่เกลี่ยเขาอีกทีว่าต่อจากนี้ต้องไม่ทำแล้ว ส่วนกับคุณแม่นี่หลักๆ ของหวานต้องไม่ขาดครับ ต้องพยายามดูแลให้ดีนิดนึง พวกช็อกโกแลตปั่นต้องคอยถึงตลอดเวลา เราก็เข้าใจว่าเขาเหนื่อย”
เผยลูกชายทั้งสองคนชอบร้องเพลง ฟังเพลงเหมือนพ่อ
เป้ : “จริงๆ เหมือนเขาขอเองมากกว่า ขอฟัง ขอดูเอง เหมือนเราปลูกฝังให้เขาฟังเพลงตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เขาอยู่ในท้อง เขาก็จะซึมซับเรื่องเพลงไปพอสมควร”
กร: “ใครมีแววมากกว่ากันเหรอคะ พอกันนะคะ เขาชอบร้องเพลง ชอบกีต้าร์ ชอบกลอง ชอบเครื่องดนตรี”
เป้ : “จริงๆ ผมไม่ได้มองว่าเขาจะต้องเป็นอะไรหรือจะต้องชอบอะไรนะครับ แต่แค่รู้สึกว่าดนตรีมันจะทำให้จิตใจเขาละเอียดอ่อนมากขึ้น รักสัตว์ เล่นดนตรี ผมว่ามันดีต่อจิตใจเขาอยู่แล้ว ในอนาคตเขาอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่เลย”
บอก “น้องลีริคส์” ซนดื้อจนคิ้วแตก
กร : “เป็นที่จับประตูที่เป็นเหลี่ยมคมๆ ค่ะ พี่เลี้ยงอุ้ม แล้วเขาร้องไห้เหมือนตัวก็เหวี่ยงไปฟาดกับขอบนั้น พอเห็นแผลก็รีบพาไปโรงพยาบาลเลย ก็เย็บไป 4 เข็มค่ะ แต่จริงๆ เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องโดนเย็บ และไม่เข้าใจว่าการเย็บคืออะไร ไปโรงพยาบาลก็กลางดึกแล้ว พี่เป้ก็เลยอาสารออยู่ข้างนอก”
เป้ : “ไม่ได้จริงๆ ไม่ไหว ถ้าผมโดนเองไม่เป็นไร ผมสบายมาก แต่พอเป็นลูกเนี่ย เวลาเขาไม่สบาย ต้องเจาะน้ำเกลือผมก็อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องให้น้องกรเป็นคนไปดู นี่ผมอยากจะทุบบ้านทิ้งเลยด้วยซ้ำ หาเรื่องจะเปลี่ยนบ้านใหม่ตลอดเวลา (หัวเราะ)“
กร : “ก็พอพี่เป้เขาไม่ไหว เราก็ต้องอยู่ค่ะ (หัวเราะ) เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้กับหมอพยาบาลอย่างเดียว สภาพจิตใจเด็กคงไม่โอเค เราก็ร้องไห้ไปด้วย เพราะมันต้องเย็บสดอยู่แล้ว ถึงจะฉีดยาชา แต่เขาก็ร้องลั่นเลย ตอนเย็บก็ดิ้น พอเย็บแล้วไม่สวย หมอก็เลาะแล้วเย็บใหม่ พอมิวสิคเห็นแบบนั้นก็ยืนนิ่งเลย แต่เขารู้ว่ามันมีการบาดเจ็บเกิดขึ้นแน่นอน”
เป้ : “เด็กที่บ้านจะเป็นห่วงเป็นใยกันตลอดครับ เขาจะชอบตีหัวกันเอง และชอบเอายาไปทากันเอง”
กร : “ในบ้านจะมียาแช่เย็นอยู่ค่ะ พอเขาตีกัน คนนึงร้องไห้ เขาจะวิ่งไปหายามาทาให้ คือตีเองแล้วก็ทายาให้ด้วย”
เป้ : “แต่จะไม่ขอโทษกัน เราก็ต้องบอกให้ขอโทษ”
วอนชาวเน็ตมาคอมเมนต์เรื่องการเลี้ยงลูกได้ แต่ให้มีความพอดี
เป้ : “ผมรู้สึกว่าความคิดเห็นหรือคำแนะนำต่างๆ มันจะส่งผลดีก็ต่อเมื่อเจตนาของคนที่พูดเป็นคนที่ดี และเขามีเจตนาที่จะติเพื่อก่อจริงๆ แต่บางคำที่พูดออกมาด้วยความสะใจหรือพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้ดี คนฟังจะรู้สึกแย่ และที่สำคัญที่สุดผมว่าคนที่พูดก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าคนที่ฟัง เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วถ้าเรารู้สึกว่าเป็นห่วงจริงๆ ก็พูดดีๆ เถอะครับ มันเป็นพื้นที่สาธารณะ การดูแลจิตใจซึ่งกันและกันมันดีกว่า
ทุกวันนี้สังคมมันเสื่อมลงเพราะคนไม่ค่อยแคร์จิตใจกัน อย่าปล่อยให้ความ toxic ที่เรามีอยู่ในใจกันมาทำร้ายคนอื่นเลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็ไม่ค่อยรับคำขอโทษเท่าไหร่ ผมจะฟ้องเอา ถ้าอะไรที่ผมรู้สึกว่าผมต้องปกป้องสิทธิของผม คือผมอยู่ในวงการดนตรี วงการบันเทิงมาเป็นสิบปีผมค่องข้างจะเข้าใจได้ ว่าบางคนไม่ชอบเรา คอมเมนต์ต่างๆ เราโอเค แต่เวลาที่เขามาพูดกับลูกเรา ผมรับไม่ค่อยได้ ก็มีเคสต์ที่ไปปรึกษาทนายบ่อยอยู่ครับ แต่โชคดีที่เด็กบ้านเราค่อนข้างได้รับความเอ็นดูจากคนอื่น แต่ก่อนจะฟ้องผมก็จะมีเตือนก่อนครับ”
กร : “จริงๆ พอเขาเห็นว่าเรามีไปปรึกษาตำรวจหรือทนาย เขาก็ทักมาขอโทษ บางคนเป็นเยาวชน เป็นเด็กประมาณ 12 ก็เฟซไทม์มาเลย เจอแบบนี้ก็พยายามปล่อยวางค่ะ คิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะรู้สึกแล้วว่าตัวเองทำในสิ่งที่ไม่ควร ก็บอกเขาว่าอย่าไปทำอย่างนี้กับลูกใครอีก ส่วนมากที่เจอก็จะเป็นคอมเมนต์ที่ไม่น่ารัก หรือด่าเป็นคำหยาบออกมาเลย เช่น นิ้วกลางอะไรแบบนี้ค่ะ แต่ ณ วันนี้รู้สึกเป็นห่วงเขาในอนาคตมากกว่า ถ้าลูกได้โตขึ้นแล้วเห็น เพราะเด็กเป็นผ้าขาว ไม่เคยทำอะไรใคร ไม่ควรจะต้องมาเจอคำพูดอะไรแบบนี้ มันแรงเกิน”
เป้ : “ที่คุยไว้ก็ไม่ได้นับว่ามีกี่เคส เพราะยิ่งเราไปผูกติดกับมันก็ยิ่งทำให้เรามีความทุกข์ ถ้าอันไหนที่เราสามารถปล่อยวางได้ ปล่อยผ่านได้ก็จะปล่อย ให้มันเป็นความทุกข์ของคนที่พูดเองดีกว่า”
กร : “ส่วนใหญ่ก็จะแคปแล้วส่งให้ทนายจัดการค่ะ”
เป้ : “ถามว่ามีเข้ารอบหรือยัง ผมว่าเอาไว้เซอร์ไพรส์ดีกว่าครับ คือจริงๆ บ้านเราก็ให้เราดูแลกันเองดีกว่า ผมไม่ได้อยากจะไประรานใคร เราแค่ปกป้องเด็กๆ ของบ้านเราเท่านั้นเอง”
กร : “จริงๆ ก็ไม่ได้ขู่อะไร แค่ขอความร่วมมือมากกว่าค่ะ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องดู เราไม่ได้ว่าอะไร หรือถ้าอยากวิจารณ์ก็วิจารณ์กับคนในบ้านกันเองก็ได้ อย่ามาวิจารณ์ด้านลบในพื้นที่ของคนๆ นั้น”