“พุฒ-จุ๋ย” ควง “น้องพีร์เจ” เปิดตัวรับงานพรีเซ็นเตอร์ บอกเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่ถ่ายโฆษณา แต่โชคดีที่เป็นเด็กยิ้มง่าย และเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยงอแง เผยมีชาวเน็ตมาช่วยเลี้ยงลูก คอยแนะนำการเลี้ยงดู ตนพร้อมรับฟังและเอามาปรับใช้ แต่คนจะโฟกัสที่ผมดกและความอวบของลูกมากกว่า ทำให้คนมาขอเคล็ดลับเยอะ บอกยังไม่มีแพลนลูกคนที่สอง รอให้คนแรกโตก่อนค่อยว่ากัน
กระเตงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง “น้องพีร์เจ” รับงานพรีเซ็นเตอร์แล้ว สำหรับคุณพ่อ “พุฒ พุฒิชัย เกษตรสิน” และคุณแม่ “จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา” ในงาน D-nee smile booster ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งทั้งคุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนเผยว่าโชคดีมากที่ลูกชายไม่งอแงตอนถ่ายทำเลย และถือเป็นถ่ายโฆษณาที่เด็กที่สุดด้วย
จุ๋ย : “ก็มีคุยกับทีมงานค่ะ เพราะเราก็ห่วงลูกสวัสดิภาพของลูกเป็นหลัก ดูว่าเขาถึงวัยพร้อมหรือยัง เราก็ขอปรึกษาคุณหมอก่อนที่จะรับงาน ก็ปรึกษาแล้วว่าถ้ารับงานมีอะไรที่ต้องระวังบ้าง ทีมงานเขาก็รับโจทย์นี้ไปและเข้าใจเราทุกอย่าง และใช้ทีมงานที่เคยถ่ายน้องๆ เด็กๆ แบเบาะอยู่แล้ว เราก็ค่อนข้างมั่นใจและไว้ใจ ก็ถามคุณพ่อว่าเอายังไงดี คุณพ่อก็บอกว่าลูกเราก็ต้องขยันทำงานเหมือนเรานี่แหละ (หัวเราะ) ก็เอาไว้เป็นค่าเทอมให้เขาค่ะ
เขาเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่เคยถ่ายโฆษณา ตอนนั้นที่ถ่ายคือ 3 เดือน แต่ด้วยพัฒนาการของเขา ทั้งเรื่องน้ำหนักและสิ่งที่คุณหมอบอกมาก็คือเขาทำได้ แต่อาจจะต้องขอความร่วมมือเรื่องการถ่ายทำ เรื่องไฟ เรื่องคน เรื่องระยะเวลา ซึ่งเขาก็ดูแลเราดีทุกอย่าง แต่ก็ลุ้น เพราะเวลาเราทำงานก็อยากทำงานให้เต็มที่ ถ้าเป็นเราเองจะรู้ว่าทำงานในรูปแบบไหน แต่พอเป็นเด็กเราไม่สามารถคาดการณ์อะไรเขาได้เลย ก็อยากให้งานออกมาสำเร็จ และลูกค้าแฮปปี้ด้วย ทำงานได้ง่ายด้วย ก็สวดมนต์หน่อย
แต่จริงๆ เขาเป็นงานมากเลยนะ ชอบมองกล้อง พอเห็นกล้องสีดำเคลื่อนเข้าหาเขา เขาก็จะยิ้มให้กล้อง ก็เลยจะได้ช็อตยิ้มเขาเยอะ ความงอแงก็ปกติ ง่วง หิว เดี๋ยวนี้อึ ฉี่แทบจะไม่ร้องเลยด้วยซ้ำ หรือเวลาเจอคนแปลกหน้าก็จะมีร้องบ้างบางที เขาจำพ่อแม่ได้แล้ว เวลาเจอเขาก็จะยิ้มทันที วัยนี้กำลังยิ้มง่ายมาก แต่จริงๆ ตอนที่ถ่ายโฆษณา 3 เดือน พี่ตากล้องบอกว่าวัยนี้จะยิ้มน้อย แต่ปรากฎพออยู่หน้ากล้องมีช็อตยิ้มได้ พี่ตากล้องก็บอกว่าดีๆ”
ย้ำตอนนี้ลูกชายเพิ่งจะ 6 เดือน แต่คนชอบแซวว่าขวบกว่า
พุฒ : “ตอนนี้น้องพีร์เจเพิ่ง 6 เดือนนะครับ (หัวเราะ)”
จุ๋ย : “แต่คนบอกว่าเหมือนเด็กขวบนึงแล้ว (หัวเราะ) เหมือนจะสะพายเป้ไปโรงเรียนแล้ว แต่อาจจะด้วยความที่เขาเป็นเด็กผมเยอะ ตัดเป็นทรงผู้ใหญ่ได้ ถามว่าเขาเลี้ยงง่ายขนาดไหน คือในความเลี้ยงง่ายก็ยังต้องมีความที่เราต้องรับมือกับเด็กด้วยค่ะ เพราะไม่ใช่ว่าเราพูดแล้วเขาจะรู้เรื่อง ก็ต้องเป็นตามวัย ก็มีความเหนื่อยที่พ่อแม่ต้องดูแลเขา
แต่หลายๆ คนที่มีลูกวัยนี้มาก่อนก็จะบอกว่าเขาเลี้ยงง่ายมากเลย เราก็จะบอกคุณพ่อตลอดว่าลูกเราเลี้ยงง่ายนะ แต่ก็ต้องให้เครดิตคุณพ่อเขาด้วย เพราะมันจะมีภาวะคุณแม่หลังคลอด เป็นซึมเศร้า แต่จุ๋ยไม่มีภาวะนั้นเลย เพราะเขารับฟังจุ๋ย 50% และช่วยจุ๋ยทุกอย่างตั้งแต่ลูกเกิด จนปัจจุบันนี้เขาก็ทำเป็นทุกอย่าง ทำให้เราเบาทั้งกายและใจ ก็ทำให้ไม่มีภาวะซึมเศร้าเลย”
บอกมีคนมาขอเคล็ดลับผมดกเยอะมาก
จุ๋ย : “เพิ่งตัดผม 2 รอบค่ะ แต่ตอนนี้ต้องเดือนละครั้ง เพราะเขาเหมือนเด็กโตเลย อาจจะเพราะกรรมพันธุ์จุ๋ยผมเยอะ ถ้าดูรูปตอนเด็กๆ ผมก็จะประมาณนี้ แต่ด้วยการกิน การบำรุง อะไรที่กินแล้วบอกว่าลูกจะผมเยอะ เช่น พวกงาดำหรืออาหารที่ครบ 5 หมู่ เราก็จะพยายามกินทุกอย่าง แล้วก็สวดมนต์ค่ะ (หัวเราะ) สวดมนต์ขอให้คิ้วเข้ม ก็ตกใจเหมือนกัน ตอนแรกได้ยินคุณหมอวันคลอดพูดว่าผมน้องเยอะมากเลยค่ะ และช็อตที่ถ่ายรูปคิ้วก็มาเลย ก็โล่งใจว่าสิ่งที่เราอยากให้เขาเป็นเขาก็เอามาหมด แต่ถึงเขาจะไม่เอามาจุ๋ยก็โอเคนะ แค่อยากให้เขาได้อะไรดีๆ
เรื่องการกินโภชนาการต่างๆ จุ๋ยก็ดูตามอินเตอร์เน็ต แล้วก็เอามาปรับใช้ จุ๋ยคิดว่าการเลี้ยงลูกแต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกัน เด็กเขาก็จะมีสิ่งที่เขาชอบหรือไม่ชอบ พัฒนาการก็ไม่เหมือนกัน เราก็ต้องดูลูกเราเป็นหลัก ดูว่าอะไรที่เหมาะกับเขา และทำกับข้าวเองด้วย เรื่องส่วนสูงของเขาจริงๆ เลยมาตรฐาน แต่พอเดือนที่สองเส้นส่วนสูงและน้ำหนักเกินเลยเยอะ และล่าสุดที่ไปมาส่วนสูงก็ได้พ่อเขาแหละ สุดเกณฑ์แล้ว แต่น้ำหนักจากที่สุดเกณฑ์ก็ลดลงมานิดนึง คุณหมอบอกว่าหุ่นนายแบบแล้วค่ะ ด้วยความที่เขาเป็นเด็กผู้ชาย ไม่ว่าเขาจะดีดขา ดีดแขนมันใช้พลังงานหมด ดังนั้นนมที่เคยกินเข้าไปกับพลังงานที่เขาใช้ก็ได้หมด เขาก็เลยเริ่มมีหุ่นนายแบบ
ก็มีชาวเน็ตช่วยเลี้ยงอยู่ค่ะ จุ๋ยว่าการที่เขาช่วยเลี้ยงเขาก็เป็นห่วงแหละ ก็มีข้อความแนะนำว่าสมัยเขาเลี้ยงแบบนี้ เราก็รับฟังและดูเป็นความรักเอ็นดูที่เขาส่งผ่านมาให้มากกว่า อีกอย่างการเลี้ยงลูกแต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกัน สบายใจที่จะเลี้ยงแบบไหน เราก็เลี้ยงแบบนั้น เพราะเราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกอยู่แล้ว ก็ขอบคุณทุกคำแนะนำค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าไม่ค่อยมีที่ช่วยเลี้ยง แต่จะมีบอกว่าผมดกจัง (หัวเราะ) กินเก่ง มีเรียกต้าวอ้วน หมูก้อน ก็มาขอเคล็ดลับผมดก เขาจะมาเชียร์ในเรื่องของการกิน เรื่องผมไป
แต่จุ๋ยก็เลี้ยงแบบปกติมาก เขากินของเขาเอง ก็บอกเขาว่าแม่จะปั้มนมไม่ทันแล้วนะลูก (หัวเราะ) แต่เรื่องอาหารการกินของจุ๋ยเองก็ระวังค่ะ หลายๆ คนก็เป็นห่วงว่าให้ลดน้ำหนัก ช่วงแรกๆ จุ๋ยก็ยังไม่ลด จุ๋ยก็เต็มที่ เพราะจุ๋ยรู้สึกว่าถ้าจุ๋ยกินอะไรเข้าไปมันก็ถึงน้ำนมด้วย เรื่องความสวยของตัวเองก็คือช่างมัน รอให้ลูกโตแล้วค่อยมาซ่อมร่างใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างก็เต็มที่ให้เขา ก็ขอบคุณมากเลยนะคะที่เมตตาน้อง เอ็นดูน้อง (ยกมือไหว้) แฟนคลับคุณพ่อเดี๋ยวนี้ไม่มีป้ายคุณพ่อแล้วนะ ตอนนี้เป็นพีร์เจแล้ว”
พุฒ : “จากพ่อสู่ลูกแล้วครับ ก็ขอบคุณมากๆ ครับที่เอ็นดู ด.ช. พิชญ์ศราพงศ์ เกษตรสิน นะครับ เอ็นดูผมไปเรื่อยๆ นะครับ”
แพลนลูกคนที่สองยังต้องรอก่อน ให้ “น้องพีร์เจ” โตกว่านี้ค่อยว่ากัน
พุฒ : “คนที่สองเหรอ ใจก็อยากมีเหมือนกันนะ แต่ขอคนนี้ให้อยู่ตัวมากกว่านี้ก่อนค่อยว่ากัน”
จุ๋ย : “หลายๆ คนก็บอกว่ามีก็ดีนะ น่ารักดี ถามว่าอยากไหมเราก็อยากค่ะ แต่ให้ทุกอย่างมันพร้อมจริงๆ ร่างกาย จิตใจ และดูเขาเป็นหลักด้วย อยากให้เขาสบายๆ ด้วย แต่ตอนแรกจุ๋ยช่วง 1-3 เดือนคือเหนื่อย แต่ตอนนี้เริ่มโอเคแล้ว เพราะการมีลูกมันก็ไม่ได้ง่ายนะคะ มันก็เป็นไปตามสเต็ป เราก็เรียนรู้จากเขา เพราะเขาก็เก่งขึ้นในทุกๆ วัน เขาก็จะเติบโตไปพร้อมเรา ความเหนื่อยที่เคยมีก็เริ่มชินแล้ว ก็อยากให้กำลังใจคนที่อยากมีลูกนะคะ สำหรับแม่ๆ ที่อยากมีลูกแต่เขามายาก ก็ถ้าเราตั้งใจทำอะไรเต็มที่แล้ว โดยที่เราไม่เครียด คือมีก็ได้ ไม่มีก็ได้ มันจะมาค่ะ มันมีความเป็นไปได้หมด อย่าเพิ่งถอดใจ แต่จริงๆ แล้วการมีลูกหรือไม่มีลูก เอาชีวิตเรามีความสุขดีที่สุด ก็ฝากเป็นกำลังใจให้แม่ๆ แล้วกันค่ะ”
พุฒ : “เป็นกำลังใจให้คุณพ่อหลายๆ คนครับ ในฐานะพี่เลี้ยงคนหนึ่งในวันนี้ ก็เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวครับ ครอบครัวไหนที่มีบุตรยาก เราสองคนเข้าใจดีครับ ก็อยากจะส่งกำลังใจให้ทุกๆ ครอบครัว และขอให้ได้ดั่งที่ตัวเองฝันเหมือนที่เราได้ครับ ขอให้ได้ครับ”
บอกความรัก ความหวานยังเหมือนเดิม แต่อาจจะแบ่งไปให้ลูกมากกว่า
พุฒ : “ดูแลภรรยายังไงเหรอ ช่วงนี้ก็ปล่อยให้คุณแม่ดูแลตัวเองครับ (หัวเราะ)”
จุ๋ย : “ช่วงนี้จุ๋ยก็จะให้คุณพ่อเขาอยู่กับลูก อุ้มลูกในระหว่างที่จุ๋ยหิว (หัวเราะ) ก็จะบอกเขาว่าที่รักอุ้มลูกนะ เขาขอไปกินข้าวก่อน ก็จะเป็นเวลาที่เราแฮปปี้ที่สุดที่เราได้นั่งกินข้าวแบบเต็มที่”
พุฒ : “การนั่งกินข้าวพร้อมกันของเราสองคนไม่ได้เกิดขึ้นมาสักระยะแล้วครับ ก็จะบอกเขาว่าที่รักถ้าว่างกินเลย นอนเลย สลับกันครับ ช่วยกันดูลูก”
จุ๋ย : “ก็ยังมีเข้าครัวทำกับข้าวบ้างค่ะ มีเวลาว่างเล็กๆ น้อยๆ แต่อาจจะไม่ได้ทุกวัน เขาก็จะมีบอกว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยทำกับข้าวเลยนะ แต่ตอนนี้ถ้าว่างมันก็จะเป็นกับข้าวลูกไปซะ”
พุฒ : “ก็เข้าใจ เพราะตอนนี้เขาเหนื่อยจริงๆ ครับ ปั้มนมตั้งแต่เช้าจนรอบสุดท้ายก็จบตี 2 แล้วเช้าก็ตื่นมาอีก เราก็เข้าใจมากเลย ก็ไม่เป็นไร เอาไว้ถ้าไหวเมื่อไหร่ฟีลอยากทำให้กินก็ค่อยทำ แต่เมื่อวานที่เขาทำกับข้าวให้ก็อร่อยเหมือนเดิม แต่ไม่ค่อยมีสมาธิกินเพราะต้องดูลูกไปด้วย”
จุ๋ย : “ความหวานก็ยังหอมกัน รักกัน กอดกันเหมือนเดิม แต่กอดลูกมากกว่าทั้งคู่ (หัวเราะ) แต่ความรักที่ให้กันมีเสมอนะคะ”