xs
xsm
sm
md
lg

แร็ปเปอร์พันล้าน “ขันเงิน ไทยเทเนียม” ทุ่มเงินซื้อหุ้น เอ็ม พิคเจอร์ส วันเดียวราคาขึ้นเกือบ 300%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เรียกว่าเป็นข่าวใหญ่ ที่สร้างความฮือฮาทั้งในแวดวงบันเทิง และแวดวงธุรกิจในคราเดียว

เมื่อแร็ปเปอร์ชื่อดัง อย่าง “ขันเงิน เนื้อนวล” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม” ทุ่มเงินลงทุนมากถึง 650 ล้านบาท !!! 

เพื่อซื้อหุ้น “เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” จำนวน 1,202.13 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.54 บาท คิดเป็นสัดส่วน 92.46% จาก เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป

หลายคนอาจจะนึกภาพว่า ขันเงิน เป็นเพียงศิลปิน เป็นแร็ปเปอร์

แล้วจะซื้อหุ้นไปทำไม ?

และมากกว่าคำถามว่าทำไม ก็คือเอาเงินมาจากไหน ?


เพราะถ้าลำพังเงินจากการเป็นศิลปิน ต่อให้มีงานโชว์ตัวทุกวัน ก็ไม่น่าจะมีมากมายขนาดที่จะซื้อบริษัทใหญ่ ๆ ได้ !!!

สิ่งที่หลายคนไม่รู้ หรือรู้แล้ว เพียงแต่ภาพจำในบทบาทของแร็ปเปอร์บดบังอยู่ ก็คือหมวกอีกใบของ ขันเงิน นั้น เป็นนักลงทุน ที่มีกิจการที่อยู่ภายใต้เงินลงทุนอีกถึง 8 บริษัท ดังนี้.....

1.ไทยเทเนี่ยม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด เป็นบริษัทที่สร้างผลงานในภาคส่วนของงานบันเทิง ในปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 20,814,568 บาท รายได้ 52,355,771 บาท รายจ่าย 52,596,241 บาท ขาดทุนสุทธิ 240,470 บาท

2.ไทยเทเนี่ยม พับลิชชิ่ง จำกัด เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดการดูแล – จัดเก็บผลประโยชน์ และจัดการเผยแพร่ภาพยนตร์เพลง ในปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 4,403,795 บาท รายได้ 698,476 บาท รายจ่าย 38,075 บาท กำไรสุทธิ 586,720 บาท

3.บีเจ ฟู้ดกรุ๊ป จำกัด ประกอบกิจการจำหน่าย นำเข้า ส่งออก อาหารสด อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป ตลอดจนเครื่องปรุงรสต่างๆ ในปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 8,588,591 บาท รายได้ 4,070,036 บาท รายจ่าย 5,387,808 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,317,772 บาท

4.ไทยเทเนี่ยม เบฟเวอเรจ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มบริสุทธิ์และน้ำแร่บรรจุขวด ในปี 2564 มีสินทรัพย์รวม 52,408,152 บาท รายได้ 1,227 บาท รายจ่าย 1,288,698 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,287,471 บาท

5.ดีดีจี กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ประกอบกิจการร้านอาหาร คาเฟ่ จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ในปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 557,606 บาท รายได้ 2,898,339 บาท รายจ่าย 2,885,784 บาท กำไรสุทธิ 12,555 บาท

6.ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดูแลการจัดเก็บค่าสิทธิ์เผยแพร่ต่อสาธารณชนในงานดนตรีกรรม ในปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 665,149,487 บาท รายได้ 476,710,763 บาท รายจ่าย 452,946,072 บาท กำไรสุทธิ 18,780,519 บาท

7.เอฟ ยู พี เอ็ม จำกัด เป็นบริษัทที่ดูแลในเรื่องการจัดการแสดงคอนเสิร์ต ในปี 2564 มีสินทรัพย์รวม 1,163,578 บาท รายได้ 0 บาท รายจ่าย 7,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 7,000 บาท

8.น็อค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เสร็จการชำระบัญชี) เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจ ค้าผ้า ด้าย เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าสำเร็จรูป ในปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 50,000 บาท รายได้ 0 บาทรายจ่าย 30,157 บาท ขาดทุนสุทธิ 30,157 บาท


หรือถ้าจะย้อนความกลับไปจริงๆ แร็ปเปอร์หนุ่มที่เราเห็นหน้าค่าตากันมานาน และมีผลงานมากมายในวงการบันเทิงนั้น พื้นฐานเดินเติบโตมาในครอบครัวของนักธุรกิจโดยแท้ โดยคุณพ่อนั้น อดีตเป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในซอยเสนาร่วม (พหลโยธิน 11) ก่อนจะเปลี่ยนสายงานมาเปิดธุรกิจผับบาร์ ชื่อร้าน Johnny Walker ซึ่งนี่อาจจะจุดตั้งต้นที่ทำให้ ขันเงิน คลุกคลีกับธุรกิจบันเทิง

แต่ธุรกิจแรกที่ ขันเงิน จับ กลับกลายเป็นธุรกิจเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ลงทุนทำกับเพื่อน และสามารถยืนธุรกิจมานานนานถึง 10 ปี แม้จะไมได้กำไรมากมายนัก

จากนั้นก็มีการลงทุนในธุรกิจด้านอื่นๆ ตามมาอีกหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ , ธุรกิจร้านอาหาร หรือแม้
กระทั่งลงทุนในธุรกิจสายการบิน และยังเคยควักเงินลงทุนจัดมหกรรมคอนเสิร์ต Asian Hip-Hop Festival เป็นงานใหญ่ที่ที่รวมศิลปินจาก 8 ประเทศ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แถมยังสร้างหนี้ให้นับสิบล้าน

แหละ...จุดประสงค์หลักของการซื้อหุ้น เอ็ม พิคเจอร์ส ในคราครั้งนี้ ก็เพื่อ “ต่อยอด” ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ของเจ้าตัว บนความคาดหวังว่าจะสามารถสร้างกำไรให้มหาศาลเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะเพียงแค่ปรากฏข่าวการเข้ามาร่วมลงทุนของ ขันเงิน ก็ทำให้หุ้นของ เอ็ม พิคเจอร์ส พุ่งทะยานขึ้นภายในชั่วข้ามคืน


จากราคาซื้อ หุ้นละ 0.54 บาท พุ่งขึ้นมาเป็น 1.97 บาท หรือ +29.61%
นั่นหมายถึงจากเงินลงทุนตั้งต้น 650 ล้านบาท ตอนนี้มีมูลค่าสูงถึง 2,368 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 264% จากราคาซื้อ
คิดง่ายๆ ว่า ถ้าซื้อมา ขายไป ตอนนี้ ขันเงิน ก็ฟันกำไรไปแล้วเกือบ 2000 ล้านบาท !!!!


อย่างไรก็ตาม ในด้านรายได้ของ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นั้น จากรายงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลังไป 3 ปี พบว่า....
ปี 2564 รายได้ 166 ล้านบาท ขาดทุน 21 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 293 ล้านบาท กำไร 25 ล้านบาท
ปี 2566 ไตรมาส 1 รายได้ 30 ล้านบาท กำไร 3 ล้านบาท

ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 656,558,588 บาท

ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2566



กำลังโหลดความคิดเห็น