ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่สำหรับ “ซงจุงกิ” พระเอกดังหลังจากหย่าขาดกับอดีตภรรยาอย่าง “ซงฮเยคโย” ก่อนมาพบรักใหม่กับสาวต่างชาติ “เคที หลุยส์ ซอว์นเดอร์” และกำลังจะเป็นพ่อคน ล่าสุดในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ “ซงจุงกิ” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงภรรยาคนใหม่อย่างเปิดเผย
ซึ่ง ซงจุงกิ ได้เผยว่าภรรยาใหม่ของเขาได้ช่วยเหลือเขาเป็นอย่างมากกับการร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เพราะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อน
“ภรรยาของผม แม้ว่าตอนนี้เธอจะเกษียณจากอาชีพนักแสดงแล้ว แต่เธอก็เคยได้มีโอกาสมาร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์หลายครั้ง เธอเล่าให้ฟังว่าที่ Lumière Theatre มันเป็นยังไง รวมถึงประสบการณ์ของเธอที่เคยมาร่วมงานด้วย”
นอกจากนั้นเขายังพูดถึงเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับความแตกต่างด้านวัฒนธรรมของ ภรรยาชาวเกาหลี และภรรยาชาวตะวันตก ซึ่งผู้หญิงเกาหลีเมื่อตั้งครรภ์จะถูกสั่งให้อยู่เฉยๆ และพักผ่อน ขณะที่หญิงตั้งครรภ์ชาวตะวันตก จะถูกสอนให้ต้องเคลื่อนไหวขยับร่างกายให้เยอะๆ
“ชาวตะวันตกจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่าง เมื่อตั้งครรภ์ พวกเขาจะถูกชักชวนให้ต้องเดิน ปีนเขา และออกกำลังกายให้มากๆ แม้ว่าเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์จะเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่สารภาพตามตรงนะครับ จุดโฟกัสและใจผมตอนนี้อยู่ที่ภรรยา ผมจะต้องดูแลเธอขณะกำลังโปรโมทภาพยนตร์รวมถึงหลังจากนี้ด้วย”
ก่อนหน้านี้ ซงจุงกิ เปิดเผยว่าเขาจะร่วมเดินพรมแดงเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ร่วมกับภรรยา พร้อมกับขอให้ช่างภาพช่วยถ่ายภาพเขากับภรรยาเยอะๆด้วย
อย่างไรก็ตาม ซงจุงกิ ได้มาเดินพรมแดงโดยไร้เงาภรรยา หลังจากที่ เคที ตัดสินใจไม่มาร่วมงานเนื่องจากภาพยนตร์ Hopeless ที่เขาแสดง มีเนื้อหารุนแรง จึงหวั่นจะมีปัญหากับลูกในท้อง ที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่หนึ่งเดือนก็จะคลอดแล้ว
การปรากฏตัวในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ นับเป็นครั้งแรกของ ซงจุงกิ หลังจากโลดแล่นในวงการบันเทิงมานานกว่า 15 ปี ซึ่งในภาพยนตร์ทุนต่ำเรื่องนี้ เขาเลือกที่จะไม่รับค่าตัวใดๆ เพราะเข้าใจดีว่าภาพยนตร์ลักษณะนี้ยากที่จะหานายทุนมาสนับสนุนได้ การไม่รับค่าตัวจึงถือเป็นการช่วยเหลือให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไปต่อ
“ผมชอบท้าทายตัวเองกับอะไรที่มันไม่แน่นอน มันอาจจะฟังดูหลงตัวเองแต่ว่า ผมประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย ผมจึงอยากจะให้เวลาตัวเองได้ลองทำอะไรที่สนุกๆดูบ้างครับ”
Hopeless เป็นเรื่องราวของ ฮง ชายหนุ่มที่พยายามดิ้นรนหลีหนีจากชีวิตที่ยากลำบาก เมื่อเขาได้ไปรู้จักกับ ซง ลูกน้องของแก๊งอาชญากรรม ชีวิตของเขาจึงได้เข้าไปพัวพันกับสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายอยู่ตลอด
หลังจากภาพยนตร์ฉายที่เมืองคานส์เสร็จสิ้นลงทั้งนักแสดง และผู้กำกับอย่าง คิมชางฮุน ได้รับการยืนปรบมือจากผู้ชมนานถึง 4 นาทีด้วยกัน
