“ปันปัน สุทัตตา” ยืนยันชีทเอกสารช็อตโน้ตตนไม่ได้เขียนเอง เพราะชาตินึงก็คงเขียนไม่ได้แบบนี้ แต่เป็นของรุ่นพี่ที่เป็นหมอและเรียนห้องเดียวกันเขียนแจกทุกคน ยอมรับเรียนป.โทวิทยาศาสตร์ยากมาก แต่เป็นคนชอบเรียนอยู่แล้ว และทำเพื่อพ่อด้วย อยากให้พ่อสุขภาพดี เผยไม่ค่อยมีเวลาให้กับแฟนหนุ่ม เพราะช่วงนี้เรียนและทำงานหนัก ไม่ปฏิเสธรักสั่นคลอน
ถูกพูดถึงอยู่ไม่น้อย กรณีนักแสดงสาว “ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์”โพสต์ภาพขณะกำลังนั่งอ่านชีทเอกสารช็อตโน้ตวิชาวิทยาศาสตร์ ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเรียนปริญญาโท ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งคอมเมนต์ต่างก็เข้ามาชื่นชมบอกว่าเก่งมาก เพราะงานวิชาที่ยาก แถมลายมือยังสวยงาม งานนี้สาวปันปันเลยต้องรีบออกมาชี้แจง บอกว่าไม่ใช่ของตน แต่เป็นพี่ที่เป็นหมอเขียนแจกทุกคนในห้อง
“คือหนูลงสตอรี่ไปแล้วว่าไม่ใช่ชีทหนู เป็นโน้ตของพี่หมออีกคนนึงที่เขาเรียนในห้อง ที่เขาปริ้นต์ออกมาให้ทุกคน หนูก็เอามาลง แต่หนูลงตั้งแต่ทีแรกแล้วนะคะว่าไม่ใช่ของหนูนะ เขียนชาตินึงก็ไม่ได้แบบนี้ค่ะ คือเป็นโน้ตที่ดีมาก เขาสรุปสไลด์ 100 อันให้อยู่ภายใต้สามแผ่น ขอเคลียร์ว่าไม่ใช่ของหนู
คือส่งไปให้พี่เจ้าของขอเคลียร์นะว่าไม่ใช่ บอกพี่เขาว่ามันออกข่าวนะ เก่งมากเลย เขาก็แซวกันในกรุ๊ปบอกเก่งมากเลย โชคดีที่คนช่วยเยอะค่ะ โชคดีที่คนในห้องเขาช่วยกัน พวกในห้องเขาจะมีพี่ที่เป็นหมอที่เขาเก่งๆ รู้เรื่องเยอะกว่าเราอยู่ แล้วเขาก็จะคอยแชร์โน้ต แชร์ข้อมูลตลอด”
บอกเรียนวิทยาศาสตร์ยากมาก แต่ก็เรียนมาได้ 1 ปีแล้ว
“คือตั้งแต่ที่หนูเรียนจบเหมือนหนูเริ่มพยายามค้นหาตัวเอง แล้วก็ค้นพบตัวเองว่าหนูชอบไปลงเรียนคอร์สสั้นๆ เยอะ เหมือนช่วงโควิดที่ว่างๆ ก็เลยคิดว่าไหนๆ ไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกแล้ว ก็เรียนปริญญาโทไปเลย ลุยไปเลยเสาร์-อาทิตย์ ตอนนี้ก็คือจบปีหนึ่งแล้วค่ะ เพิ่งสอบเสร็จอาทิตย์ที่แล้วด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยของ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ยากมากค่ะ เรียนทุกเสาร์-อาทิตย์ หนึ่งปีแล้ว วิชาสอบมันเยอะมาก มันเป็นศาสตร์ที่เราไม่เคยเรียนมาก่อน เพราะว่าหนูจบนิเทศฯ ไม่เคยเรียนสายวิทย์มาก่อนในชีวิตเลย แต่นี่คือวิทย์แบบล้วนๆ เลย หนูก็ต้องมาเริ่มใหม่ประมาณหนึ่งเลย ก็คือต้องตั้งใจมากๆ ประมาณหนึ่ง อย่างที่บอกเหมือนค้นพบตัวเองว่าหนูชอบอ่านหนังสือพวกนี้ ก็เรียนๆ ไปเลย คือที่เรียนก็จะมีกลุ่มหมอกับกลุ่มคนธรรมดา แต่เรียนเหมือนกัน
คนที่ไม่เคยเรียนด้านนี้มาก่อนก็สามารถเรียนได้ แต่ว่ามันก็จะต้องใช้ความพยายามเยอะนิดนึงกว่าคนอื่น เพราะว่าเราต้องเริ่มใหม่ คือเริ่มตั้งแต่เซลล์ในร่างกายคืออะไร เริ่มตั้งแต่ตรงนั้นเลย ไม่ได้ถึงขั้นเป็นมีอาจารย์ใหญ่ คือเรียนทั้งหมดสองปีนะคะ แต่ว่านี่ก็จบปีหนึ่งแล้ว ส่วนปีสองก็จะเป็นเรื่องของการทำธีสิสมากกว่า”
ยังไม่มีแพลนว่าจบแล้วจะทำอะไรต่อ แต่ก็ไม่ทิ้งวงการบันเทิง
“ไม่ได้เป็นหมอค่ะ เหมือนเราแค่ว่าเป็นไทเอจจิ้ง คือจริงๆ มีคนถามอยู่เยอะมากตอนที่เข้าไปเรียนว่าอยากจะทำผลิตภัณฑ์เหรอ คือจริงๆ หนูก็บอกว่าหนูไม่มีแพลนอะไรเลย หนูเรียนไปเพราะว่าหนูชอบล้วนๆ เลยค่ะ เรียนไปก่อน เหมือนว่าอ่านหนังสือเรื่องนี้เยอะก็เอาวุฒิไปเลย
งานในวงการก็ไม่ทิ้งค่ะ ปีที่ผ่านมาหนูก็มีถ่ายซีรีส์ แต่เราก็จัดสรรเวลา เราก็จะขอเขาเลยว่าถ้าเป็นไปได้หนูขอเสาร์-อาทิตย์ไปเรียนนะคะ วันอื่นเอาไปเลยไม่ได้มีงานติดอะไรค่ะ ก็รับละครทีละเรื่อง เพราะว่าอยากจะมาให้เรื่องการเรียนด้วย เป็นคนชอบเรียนค่ะ แล้วก็จะได้ทำงานออกมาได้ดีอีกด้วย อย่างเรื่องนี้ One Night Stand มาปุ๊บเราก็ปิดเทอมพอดี ก็เลยว่าจะทุ่มเวลาให้กับเรื่องนี้อย่างเต็มที่เลยค่ะ เพราะเราต้องเต็มที่มากๆ กับเรื่องนี้ค่ะ ก็ไม่เหนื่อยเกินไปค่ะ เรารู้สึกเราเอ็นจอย เพราะว่าเราก็ชอบอ่านอะไรพวกนี้
คือจริงๆ เรียนมาเพื่อคุณพ่อด้วย เพราะว่าเคยขอพ่อตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ว่าพ่อดูแลตัวเองนิดนึงได้ไหม ถ้าหนูเรียนจบพ่อต้องลดน้ำหนัก แต่พ่อผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ จนจะเรียนจบแล้ว ผัดมา 3 ปีแล้ว เขาเคยบอกหนูตั้งแต่เรียนป.ตรีแล้วว่าเขาจะลด แต่หนูจะจบโทแล้วเขาก็ไม่ลดเลย (หัวเราะ) คือเขางอแงมาก แล้วพอเราเรียนเรื่องนี้นะ เราก็เรียนเรื่องการใช้ชีวิตแบบยืนยาว แต่พ่อไม่ทำตามเลยค่ะ คือวัยรุ่นมาก จนลูกสาวหยุดแล้ว แต่คุณพ่อก็ยังบินต่อ”
ยอมรับความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มเริ่มสั่นคลอน
“ก็คือยังโอเค ยังมีช่วงสั่นคลอนบ้าง แต่ว่ายังอยู่ค่ะ ทั้งเรื่องเวลาด้วยแล้วก็อายุมันต่างกัน ความคิดมันก็ต่างกันไปหมด มันก็ปรับกันเรื่อยๆ คือเหมือนว่าเราคบกันมานาน คุยกันมานาน พอถึงจุดหนึ่งมันก็มีคำว่า เอ๊ะ ยังไงดี มีความไม่เหมือนกันบ้าง เข้ากันไม่ได้บ้าง ในขณะที่ตอนแรกมันอาจจะไม่เคยเป็นปัญหามาก่อน แต่มันก็เริ่มมีปัญหาขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทัศนคติ แต่มันก็เป็นเรื่องปกตินะคนอยู่กันมานาน มันก็ค่อยๆ ปรับจูนกันไป
แต่โชคดีที่เราก็ใจเย็นทั้งคู่ เขาใจเย็น เราก็ใจเย็น ไม่ได้เป็นชะนีปรี๊ดปร๊าดโกรธแล้ววีน ไม่ได้เกิดการทะเลาะมีปากเสียง นางไม่ได้มีเรื่องอะไร ช่วงนี้ก็ได้เจอบ้าง เพราะเพิ่งสอบเสร็จ เขาก็เข้าใจ เพราะปกติเขาก็ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ก็จะมีเวลาไปกินข้าวกัน แต่ปีที่ผ่านมาเสาร์-อาทิตย์คือหนูไม่ว่าง เวลามันก็เลยไม่ค่อยตรง เจอกันน้อย ตอนนี้ก็ไม่ว่างมาถ่ายเรื่องนี้ (หัวเราะ) งั้นรอดูวันเกิดแล้วกันเนอะ เผื่อมีอะไรบ้าง
ไม่ได้เกริ่นว่าอยากได้อะไรขนาดนั้น เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะมีเซอร์ไพรส์เหรอ หูย สาธุ สาธุ (หัวเราะ) เขาไม่ได้สายเปย์ เขาไม่เปย์ของ คืออาจจะมีไปกินข้าว หรืออาจจะไม่มีก็ได้ คือเขาจะเป็นคนนิ่งๆ เลยค่ะ เหมือนก้อนหิน”