อำพล ลำพูน หรือ หนุ่ย ไมโคร ตำนาน ‘ร็อกเกอร์มือขวา’ ของเมืองไทย สร้างชื่อเสียงจากผลงานการแสดงภาพยนตร์ไทยมากมายหลายเรื่อง หากย้อนกาลเวลากลับไป เมื่อปี 2527 วงดนตรีร็อกเล็กๆ นาม ‘เดอะ แคร็บ’ ได้ตระเวนเล่นดนตรีตามสถานที่ต่างๆ กระทั่งวันหนึ่ง เปี๊ยก โปสเตอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ประทับใจการแสดงดนตรีของวงนี้ จึงชักชวนสมาชิกวงทั้งหกคนไปแสดงภาพยนตร์เรื่อง ‘วัยระเริง’ โดยมี หนุ่ย-อำพล ลำพูน แสดงนำ คู่กับ นางเอกสาว วรรษมน วัฒโรดม
และได้เปลี่ยนชื่อวงเดอะ แคร็บ เป็นชื่อวง ‘ไมโคร’ โดย สุนทร สุจริตฉันท์ นักร้องนำวง ‘รอยัลสไปรส์’ ภาพยนตร์ประสบผลสำเร็จ ทำให้ชื่อ อำพล ลำพูนแจ้งเกิดเป็นนักแสดงนำอย่างเต็มตัว ก่อนโด่งดังเป็นพลุแตกและได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง สาขาดารานำชายยอดเยี่ยม และรางวัลสุพรรณหงส์จากการประกวดภาพยนตร์เอเชีย-แปซิฟิค จากภาพยนตร์เรื่องต่อมาคือ ‘น้ำพุ’ จากการกำกับของยุทธนา มุกดาสนิท และวงไมโครเริ่มสร้างชื่อเสียงในแวดวงดนตรีของเมืองไทย
กระทั่งในปี 2529 เต๋อ-เรวัต พุทธินันทน์ ที่เคยร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง‘ น้ำพุ’ ด้วยกัน ได้ชักชวนวงไมโคร มาเข้าสังกัดบริษัท แกรมมี ออกอัลบั้มชุดแรก ‘ร็อก เล็ก เล็ก’ โดยมี ป้อม-อัสนี โชติกุล รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ และ ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ , กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา ทำหน้าที่เขียนเพลง ทำให้บทเพลง รักปอนปอน, อย่าดีกว่า, จำฝังใจ, อยากจะบอกใครสักคน โด่งดังทั้งประเทศ สร้างยอดขายสถิติเกินล้านตลับ บทเพลงรักปอนปอน ที่ขับร้องโดยมือกีตาร์ กบ-ไกรภพ จันทร์ดี กลายเป็นบทเพลงสัญลักษณ์แอบรักของวัยหนุ่มสาวแห่งยุคสมัยนั้น
ต่อมาในปี 2531 และ 2532 วงไมโครได้ออกอัลบั้มที่สอง ‘หมื่นฟาเรนไฮต์’ และอัลบั้มที่สาม ‘เต็มถัง’ สร้างยอดขายเกินล้านตลับอีกครั้งทั้งสองอัลบั้ม มีเพลงฮิตติดหูมากมาย อาทิ เอาไปเลย, จริงใจซะอย่าง, หมื่นฟาเรนไฮต์, พายุ, ใจโทรมโทรม, บอกมาคำเดียว, ส้มหล่น, คนไม่มีสิทธิ์, ดับเครื่องชน, มันก็ยังงงงง, เติมน้ำมัน, รุนแรงเหลือเกิน, โชคดีนะเพื่อน เรียกได้ว่าเกือบทุกเพลงในอัลบั้ม กลายเป็นเพลงฮิตติดหูผู้ฟังทั้งประเทศ
ในปี 2534 หนุ่ย อำพล ได้แยกตัวออกจากวงไมโครไปออกอัลบั้มเดี่ยว ออกผลงานชุด วัตถุไวไฟ (ปี 2535), ม้าเหล็ก (ปี 2536), อำพลเมืองดี (ปี 2538) ส่วนวงไมโครยังคงออกอัลบั้มอย่างต่อเนื่องภายใต้การร้องนำของ กบ-ไกรภพ จันทร์ดี กับผลงานอัลบั้ม เอี่ยมอ่องอรทัย (ปี 2534), สุริยคราส (ปี 2538), ทางไกล (ปี 2540) ก่อนประกาศยุบวงไมโครในปี 2541 ปิดตำนานวงดนตรีร็อกมือขวาของเมืองไทย
ในค่ำคืนวันที่ 20 และ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมาชิกวงไมโครได้กลับมารวมวงเล่นคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งหลังจากได้มีคอนเสิร์ตใหญ่ก่อนหน้านั้น 2-3 คอนเสิร์ต แต่คอนเสิร์ตครั้งนี้มีความหมายและความสำคัญสำหรับสมาชิกวงไมโครทั้งหกคน และเหล่าแฟนเพลงที่ติดตามผลงานเพลงของวงไมโครมาตลอดกว่า 37 ปี นั่นคือจะเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่สมาชิกวงจะร่วมเล่นดนตรีด้วยกันในนามวงไมโครต่อหน้าเหล่าแฟนเพลงนับหมื่นคนที่มาร่วมอำลา-อาลัยวงไมโครที่พวกเขารัก ในฮอลล์อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ในชื่อคอนเสิร์ต ‘MICRO THE LAST ร็อก เล็ก เล็ก’ คอนเสิร์ตเต็มทุกที่นั่งทั้งสองรอบ จัดโดย GMM SHOW ร่วมกับ ATIME SHOWBIZ
นับเป็นคอนเสิร์ตหนึ่งที่เหล่าแฟนเพลงไมโครรอคอยยาวนานที่สุด เนื่องเพราะคอนเสิร์ตถูกเลื่อนมาหลายครั้ง อันเนื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ครั้งแรกคอนเสิร์ตจะจัดในวันที่ 2-3 พฤษภาคม 2563 ชื่อคอนเสิร์ต ‘ไมโคร จำฝังใจ’ แต่มีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนมาเป็นวันที่ 5-6 กันยายน 2563 แต่สถานการณ์โควิดไม่มีทีท่าจะเบาบางลง จึงจำเป็นต้องประกาศเลื่อนอีกครั้งอย่างไม่มีกำหนด ก่อนมีโอกาสได้จัดสมความตั้งใจ และสร้างความช็อกให้กับเหล่าแฟนเพลงที่วงไมโครประกาศว่าจะแสดงคอนเสิร์ตนี้ร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย!!
เย็นย่ำค่ำคื่นวันที่ 21 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการแสดงรอบสุดท้ายและครั้งสุดท้ายของวงไมโคร ไม่ได้สร้างความผิดหวังกับแฟนเพลงที่เผ้ารอมานานกว่าสามปีที่จะชื่นชมวงดนตรีที่พวกเขารัก วงที่หนุ่ย อำพล ประกาศว่าไมโครเจ้าของวงที่แท้จริงก็คือผองเหล่าแฟนเพลงนั่นเอง สมาชิกวงได้เป็นเพียงแค่ผู้เฝ้าดูแลรักษาวงไมโครให้เติบโตและคงอยู่ในใจของแฟนเพลง
คอนเสิร์ตเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยเทคนิกตระการตาสมกับเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายของพวกเขา เหล่าสมาชิกไมโครทั้งหกนำโดย หนุ่ย-อำพล ลำพูน (นักร้องนำ), กบ-ไกรภพ จันทร์ดี (กีตาร์), อ้วน-มานะ ประเสริฐวง (กีตาร์), บอย-สันธาน เลาหวัฒนาวิทย์ (คีย์บอร์ด), อ็อด-อดินันท์ นกเทศ (เบส), ปู-อดิสัย นกเทศ (กลอง) ในชุดเสื้อแจ็กเก็ตหนังเป็นเอกลักษณ์เครื่องแต่งกายของวงซึ่งเคยได้สร้างกระแสให้แฟนเพลงวัยรุ่นเมื่อยุคสามสิบกว่าปีที่แล้วได้หันมาสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังตามแบบวงไอดอลของพวกเขา ปรากฏตัวหน้าเวทีบรรเลงบทเพลงแรก ‘ดับเครื่องชน’ ก็ทำเอาแฟนเพลงนั่งไม่ติดเก้าอี้ ลุกขึ้นเต้นอย่างพร้อมพรักตามประสาคนรักไมโคร
จากนั้นบทเพลงที่อยู่ในความทรงจำของแฟนเพลงทยอยกันสร้างความสุขสนุกสุดเหวี่ยงให้ผองเหล่าเจ้าของวงอย่างเต็มอิ่มตลอดสามชั่วโมงเต็ม พร้อมกับศิลปินรับเชิญพิเศษ ป็อด โมเดิร์นด็อก Feat. บอกมาคำเดียว ก่อนโชว์พลังเสียงในเพลง ‘ยังไงก็โดน’ ปิดท้ายด้วยพาเหล่าแฟนเพลงกระโดดโลดเต้นในเพลง ‘บุษบา’, ปุ๊-อัญชลี จงคดีกิจ Feat. มันก็ยังงงงง และบทเพลงหวานซึ้งกินใจในเพลง ‘ด้วยความคิดถึง’ ส่งท้ายด้วยการเล่นกีตาร์และขับร้อง ในเพลง ‘หยุดมันเอาไว้’, ตั้ม-สมประสงค์ สิงหวนวัฒน์ Feat. นึกหรือว่าไม่รู้ และโชว์เดี่ยวด้วยบทเพลง ‘แผลในใจ’ ก่อนลาด้วยบทเพลง ‘ทนได้ทุกที’
ค่ำคืนของการลาจากทำเอาเหล่าแฟนเพลงน้ำตาซึม บทเพลงร่ำลา ‘โชคดีนะเพื่อน’ ส่งแฟนเพลงกลับบ้านอย่างสุขเศร้า ผู้เขียนเห็นใบหน้าที่เปี่ยมด้วยน้ำตาของแฟนเพลงได้แต่ภาวนาอย่าให้เป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายของพวกเขาเลย
แล้วเจอกันใหม่ เพื่อนเอย...