วันนี้ (22 พ.ค. 66) เวลา 13.30 น. “แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์”พร้อมทนายความ “พรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์”หรือ ทนายตุ๋ย ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ตามนัดไต่สวนคำฟ้อง หลังยื่นฟ้อง “นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน” คุณแม่ของ “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์”พร้อมกับพวกอีก 2 คน ในกรณีแจกเอกสาร ที่มีข้อความบิดเบือนให้แก่สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสีย โดยตัดสินใจเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50 ล้านบาท
ทนายตุ๋ย : “วันนี้เป็นนัดไต่สวนมูลฟ้อง ที่คุณแซนต้องมาเป็นพยานศาล ในกรณีที่ยื่นฟ้องคุณแม่ ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทกับที่ปรึกษากฎหมาย 3 คนครับ ส่วนตัวเลขคุยกันไว้ 50 ล้าน เดี๋ยวเราจะแยกฟ้องเป็นคดีแพ่งต่างหากจากคดีนี้นะครับ”
แซน : “คือติดใจคำพูดของคุณแม่ ในวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่คุณแม่มาแจกเอกสารให้กับสื่อ ว่าแซนไปข่มขู่พยาน ไปยุ่งเหยิงกับหลักฐาน และขอให้เพิกถอนประกันชั่วคราวของแซน ซึ่งมันเกินไปตรงนี้ค่ะ ตอนแรกๆ ได้มีคุยกับคุณแม่บ้าง มีโทร.ไปเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น บอกรายละเอียดให้คุณแม่ทราบทุกอย่างเลยค่ะ ซึ่งคุณแม่ก็ยังบอกว่าแซนไม่เคยบอก แซนก็เลยงง แต่ตรงนั้นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร ที่สำคัญก็คือ 2 มี.ค. นั้นแหละค่ะ ก็งงนะคะ เพราะก่อนที่คุณแม่จะมาแจกเอกสารมาแจก ก็ยังกอด ก็ยังพูดดี อยู่เลย แซนก็ไม่ทราบเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยแล้วค่ะ เพราะคุณแม่ทำไม่ถูกเลย แซนเสียหายมากค่ะเรื่องนี้ คือจะให้ถอนประกันแซน คุณพ่อคุณแม่ได้ยินเขาก็ตกใจ ว่าแซนไปทำอะไรอีกเหรอ (หลังศาลตัดสินจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไปแล้ว เรารู้สึกยังไง?) ก็ยุติธรรมนะคะ หมายถึงว่าพวกแซนที่เหลือ ก็ไม่ได้ทำอะไรประมาทจริงๆ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของศาลต่อไปค่ะ (แม่บอกว่าคนที่เหลืออีก 4 คน ไม่ได้จ่ายค่าเยียวยาเหมือนคนที่ 1 ที่ 2 ?) แซนรู้สึกว่าคุณแม่เรียกร้องค่าเยียวยาจากพวกแซนที่เหลือ เนื่องจากสาเหตุอะไรคะ เหตุผลคืออะไรคะ แซนไม่ได้คิดว่าตรงนั้นเป็นหน้าที่ของแซน ที่แซนต้องพิจารณา”
ทนายตุ๋ย : “สัญญาประนีประนอมฉบับวันที่ 21 ก.ย. เป็นการคุยกับจำเลยทั้ง 6 ครับ คุยกันแล้ว 6 คน เราเพียงตกลงกัน ว่าหน้าที่ชำระเงินให้คุณแม่ เป็นคุณปอ - โรเบิร์ต จำเลยตกลงกันเอง คุณแม่ก็ตกลงด้วย แม่เซ็นรับทราบด้วย สัญญามีบอกชัดเจน ว่าใครเป็นคนจ่ายเงิน จ่ายอย่างไร แล้วก็ไม่ติดใจใคร ส่วนที่แม่ออกมาบอกว่าสัญญาฉบับนั้นไม่ชอบธรรม เพราะเพิ่งรู้ตอนหลังว่าอีก 4 คนไม่ได้ช่วยจ่าย คือคุณแม่เขาก็พูดได้ แต่ตามกฎหมายคงไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแม่คิด สิ่งที่คุณแม่คิดไม่ได้เป็นแบบที่คุณแม่คิดเสมอไป เขามีกฎหมาย มีหลักเกณฑ์ มีเงื่อนไข ทุกอย่างเราทำกันในศาล ศาลท่านรับทราบ สัญญาฉบับนั้นท่านพิพากษาแล้ว ในวันที่ 10 พ.ค. ในคดีอาญาของคุณปอกับคุณโรเบิร์ต คือผมมองว่าคุณแม่ไม่ได้บิดเบือน แต่คุณแม่ใช้สิทธิ์เกินส่วน ใช้ตามอำเภอใจเกินไป คิดว่าจะใช้สิทธิ์อะไรก็ได้มันไม่ได้”
ผลพิจารณาจำเลย 2 คนที่ศาลรอลงอาญาไป เป็นผลดีกับแซน
ทนายตุ๋ย : “เป็นผลดีเลยนะครับ เนื่องจากว่าเจ้าของเรือเองและคนควบคุมเรือตามกฎหมาย ยอมรับว่าประมาทในพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น และทำให้น้องแตงโมเสียชีวิตมันชัดเจน ส่วนคนที่เหลือในเรือ พฤติการณ์มันไม่ได้มีให้เห็นว่ามีพฤติการณ์อย่างไรที่ประมาท ผมมองว่าเป็นเรื่องดีครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องนำสืบพยานหลักฐานให้ศาลพิจารณา”
แซน : “กับ กระติก (อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์) ก็ได้คุยกันเรื่อยๆ ค่ะ เขาก็ไม่ได้กังวลอะไรนะคะ เพราะพวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ ค่ะ ส่วนเรื่องไกล่เกลี่ยกับคุณแม่ในเรื่องนี้ ก็เป็นหน้าที่พี่ตุ๋ย ว่าจะยังไงดี แต่สำหรับแซน แซนคิดว่าการที่คุณแม่ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ ต้องการความยุติธรรมให้โม ตรงนั้นแซนรับได้ค่ะ แต่ว่าในส่วนที่เกินไปแล้ว ที่พี่ปอพี่เบิร์ตสารภาพไปแล้ว ยอมรับแล้วว่าประมาท กับพวกเราที่เหลือ คุณแม่ยังจะเรียกร้องอะไรอีก ทั้งๆ ที่คุณแม่ก็ทราบข้อเท็จจริงที่พวกเราเล่าให้ฟังแล้วตั้งแต่แรกๆ เลย แซนเลยยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคุณแม่ แซนก็อยากทราบ ว่าคุณแม่มาทำให้แซนต้องเดือดร้อน ในเรื่องที่แจกเอกสารที่เป็นเรื่องไม่จริงเกี่ยวกับแซน เนื่องด้วยเหตุผลอะไร”
ทนายตุ๋ย : “ที่เรียก 50 ล้าน เพราะเป็นเรื่องของชื่อเสียง ดูจากภาพข่าวคุณแซนที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ 1 ปีที่ผ่านมา คุณแซนเจออะไรบ้าง แล้วคุณแม่มาแจกเอกสารแบบนี้ ถึงแม้คุณแม่จะมองว่าเป็นการใช้สิทธิ์ แต่มันกระทบ การใช้สิทธิ์บางทีก็ต้องระวัง ถ้าไม่ระวังก็ต้องถูกกระทำบ้าง เราก็เลยประเมินในเรื่องของชื่อเสียง อันนี้เป็นเรื่องของรายละเอียดที่เราต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาล แต่ก็ตั้งตัวเลขขึ้นมาครับ ถ้าคุณแม่จะขอไกล่เกลี่ย ก็ต้องดูเรื่องเงื่อนไขด้วยครับ ว่าจะเจรจาอย่างไร เรารับเงื่อนไขได้ไหม มีข้อเสนออะไร เหมือนต่างคนต่างใช้สิทธิ์ไปครับ”
แซน : “คุณแม่จะทำอะไรแซนไม่ว่าหรอกนะคะ เพราะไม่มีสิทธิ์ที่จะว่า แต่ว่าอยากให้คุณแม่ยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงค่ะ อย่าทำให้พวกเราเดือดร้อนไปมากกว่านี้เลย จากสิ่งที่พวกเราเจอมาก็หนักพอสมควรแล้วค่ะคุณแม่ การเป็นจำเลยสังคมมาประมาณ 1 ปีเนี่ย ก็ไม่ง่ายนะคะ หนักเลยล่ะค่ะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นผู้บริสุทธิ์ ทั้งโดยความจริงจากความรู้สึกของพวกเรา และอีกนิดหนึ่งก็คงจะในชั้นศาล ก็ไม่คิดว่าจะพ้นข้อกล่าวหาจากการเป็นจำเลยสังคมได้ง่ายๆ หรอกค่ะ แต่ยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ค่ะ”