เปิดใจชีวิตคู่ที่ไปกันต่อไม่ได้ ไม่เป็นอย่างที่ฝัน สำหรับนางร้าย “โอ๋ ภัคจีรา วรรณสุทธิ์” โดยเจ้าตัวเผยชีวิตหลังเตียงหักในรายการ Club Friday Show เล่าช่วงเวลาที่แทบไม่มีแรงไปต่อไม่ไหวแต่ต้องฝืนยิ้มให้ลูกและเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้ร้องไห้กับตัวเอง
“พอมันเศร้าแล้วมันก็ไม่มีแรง เหมือนเราต้องยิ้มกับลูก ลูกจะกินอะไร คือช่วงเวลาที่โอ๋เลี้ยงลูกเอง คือ 1-6 ปีค่ะ มันก็เหมือนช็อก พอเวลาที่เราตื่นมาอยู่กับลูกมันมันไม่มีแรง เวลาเรารู้อะไรมันช็อกไปเลยถูกไหมแล้วเราไม่สามารถบอกกับลูกได้มันเหมือนแค่เราช็อกเอง ก็ดูจากคนอื่นด้วยนะคะ เรายังมาเปรียบเทียบว่า ฉันไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้คนเรารักกัน มันต้องอยู่ด้วยกันสิ รักกันมันต้องเป็นแพตเทิร์นเดิม มันต้องเป็น พ่อ แม่ ลูก ถ้าเปลี่ยนแล้วเราจะมองหน้ากันอย่างไร ตอนแรกก็คิดภาพไม่ออก
แต่พอมันถูกจัดการ และคุยมาถึงตอนนี้ โอ๋ว่ามันโอเค มันอยู่ได้ ถ้าตั้งมั่นสิ่งนี้เราทำเพื่อลูกเรา มันก็จะลงตัวในแบบของมันถึงวันนี้เราก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน เราคุยกันแบบชัดเจนเลย แต่ตอนแรกถึงบอกว่าเรามันมองภาพไม่ชัดแต่พอตอนนี้มันโอเคมากๆ โอ๋เพิ่งกลับมาจากออสเตรเลียด้วยกัน ซึ่งลูกเขาก็รักพ่อแล้วโอ๋เลิกกับ พี่เฟี๊ยต มันเป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ ไม่ได้มีใคร หรือมีคนอื่นนอกใจใดๆ หรือไม่ได้มีใครแย่ อันนี้ในพาร์ตนะคะ สถานะภาพของเราอาจจะเปลี่ยนไปแต่ความเป็นพ่อแม่มันไม่เปลี่ยน เขาไม่เคยขาดตกบกพร่องกับลูกของโอ๋เลยเขาเป็นคนดี เป็นพ่อที่ดีที่ โอ๋ยังเคารพเขาเลยว่าเขาดีเสมอเพราะฉะนั้นถ้าเรารักลูกเราก็อยากเห็นลูก อันนี้คือโอ๋ปรึกษาหมอเลยนะคะ หมอบอกว่าถ้าเรายังทำแบบนี้ได้ลูกเราก็จะมีผลกระทบน้อยที่สุด”
อดทนเพื่อลูกไม่ได้ แต่ก็ภูมิใจในตัวเอง
“เคยคิดเรื่องอดทนเพื่อลูกนะคะ แต่ว่าพอได้ใช้ชีวิตคู่ เอาตัวโอ๋คนเดียวนะ โอ๋รู้สึกว่าโอ๋ทำไม่ได้หรอกถ้าอดทนมากๆ เพื่อลูก ขนาดพี่เฟี๊ยต เป็นคนดีนะคะ แต่เราก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีภาพนี้ออกมา แต่พอเรารู้สึกว่ามันทำได้นี่ ไม่เหนือบ่ากว่าแรง โอ๋มามองเลยว่าความรักมันอาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้จริงๆ นะ แต่ลูกเราจะทำอย่างไร ถ้าเราเอาลูกไปลูกอยู่กับพ่อ 3 วัน อยู่กับแม่ 3 วันสู้เรานำตัวเราออกมาดีกว่า ให้ชัดเจนแล้วก็เราจะไปไหนหรือทำอะไรก็เรื่องของเราแต่ว่าความสัมพันธ์พ่อลูกเขาดีเราก็จัดการในรูปแบบนี้ดีกว่า โอ๋ภูมิใจในความอดทนของตัวเอง จากวันนี้ถึงวันนี้ พรุ่งนี้จะไปทำงานวันนี้เศร้า พรุ่งนี้จะต้องมีชีวิตใหม่เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราอดทนมาวันนี้มันคงเห็นผลบ้างแหละ โอ๋ ก็รู้สึกว่า ณ วันนี้ เราอดทนทุกอย่างแล้วมันประสบความสำเร็จมันก็ดีใจกับตัวเองเหมือนกันนะคะ ว่ามันได้สิ่งดีๆ กลับมาเสมอ
มองย้อนกลับไป เรามาไกลมาก
“ใช่ค่ะ มันมาไกลเหมือนเด็กคนนั้นไม่รู้อะไรเลย ไม่มีพ่อแม่สอนเราทั้งนั้นที่จะต้องดูแลเขาอะไรอย่างนี้ หรือว่าน้องอีก หนังสือเราก็เรียนน้อยต้องส่งน้องเรียนอยากให้น้องเก่งภาษาอังกฤษ เพราะเรารู้สึกว่าโอกาสของเรามันน้อย แทนที่พิธีกรจะได้พิธีกรภาษาอังกฤษบ้าง เราเรียนน้อยเราก็รู้สึกว่าเราอยากให้คนอื่นในอาณัติของเรามีโอกาส เราทำดีที่สุดแล้ว โอ๋ไม่เสียใจอะไรเลยที่ผ่านมา”