ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จนมาถึงวันนี้ ในสังคมโซเชียลไม่มีใครไม่พูดถึง BABYMONSTER วงเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ จากสังกัดค่าย YG Entertainment
หรือพูดแบบภาษาบ้านๆ ก็คือเป็นวงน้องสาวของ BLACKPINK นั่นเอง
ว่ากันตามตรง ต้องบอกว่า BABYMONSTER เป็นวงที่ถูกจับตามองตั้งแต่มีการเปิดโผโฉมหน้า (ว่าที่) สมาชิกในวง ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหด 7 คน
และประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจก็คือ 2 ใน 7 เป็นเด็กไทย !!!
“แคนนี่ - ริรชา พรเดชาพิพัฒ” หรือ “ชิกิต้า” (CHIQUITA) วัย 14 ปี
“แพร – ภริตา ชายคง ” หรือ “ภริตา” (PHARITA) วัย 18 ปี
หลังจากนั้นก็มีการลุ้นต่อว่า 7 สาวที่ว่า จะสามารถได้เดบิวต์ในนาม BABYMONSTER ได้ครบทุกคนหรือไม่ ? อย่าง ไร ? เพราะงานนี้ทุกคนมีโอกาส “รอด” และ “ร่วง” เท่าๆ กัน
สรุปสุดท้ายก็คือได้ไปต่อครบทุกคน โดย 2 เด็กไทย ลอยลำเข้ารอบแบบนอนมาตั้งแต่ประกาศรายชื่อ 5 คนแรก ซึ่งเป็นไปได้ว่าทาง YG เอง อาจจะตั้งใจเดบิวต์ทั้งหมดอยู่แล้ว แต่เป็นกลยุทธ์ในการสร้างการรับรู้และจดจำ ก็เลยสร้างกระแสตรงนี้ขึ้นมาหรือเปล่า !!??
อย่างไรก็ตาม BABYMONSTER ก็นับว่าเป็นประวัติศาสตร์บทใหม่ของค่ายเพลง YG ที่มีจำนวนเมมเบอร์มากกว่า 4 คน แถมยังเป็นต่างชาติมากกว่าเกาหลี (เกาหลี 3, ต่างชาติ 4) นอกจากนั้น ยังเป็นวงแรกที่มีเด็กไทยอยู่ถึง 2 คน
จริงๆ ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินอย่างมาก ที่ 2 เด็กไทย อย่าง ชิกิต้า และ ภริตา ได้มีโอกาสไปฉายแสงอยู่บนเวที K-Pop อีก 1 คู่ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเด็กไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และยังถือเป็นอีกหนึ่ง soft power ที่จะทำให้คนทั่วโลกได้มองเห็น และรู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
แต่อีกใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงทั้งคู่ไมได้
เพราะลำพังการที่คนหนึ่งคนใดจะก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินที่ได้เดบิวต์ผลงานในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลี ก็ถือว่าหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเด็กที่ไม่ใช่เชื้อชาติเกาหลี ก็จะต้องทนต่อแรงกระแทก และแรงกดดันสูงกว่าหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฝึกซ้อมอย่างเอาจริงเอาจัง การชิงดีชิงเด่น การถูกบุลลี่เรื่องเชื้อชาติ มีเด็กไทยหลายคนที่มีโอกาสได้ไปเป็นศิลปินฝึกหัดที่ค่ายเพลงเกาหลี แต่ไม่ไปถึงฝัน ต้องหอบความผิดหวังกลับมา ด้วยหลายๆ สาเหตุ หลายๆ ปัจจัย มีทั้งที่เป็นข่าว และไม่เป็นข่าว
การที่ 2 สาว ชิกิต้า และ ภริตา ได้เดบิวต์ผลงานอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อวง BABYMONSTER ก็ถือว่าผ่านจุดที่ยากลำบากไปได้ระดับหนึ่งแล้ว
ทว่าสิ่งที่น่าห่วงก็คือการที่เด็กสาวในวัย 14 และ 18 จะต้องมาแบกรับความกดดัน และความคาดหวังไว้บนบ่า เพราะการถูกจับตามองว่าจะต้องประสบความสำเร็จตามรอยรุ่นพี่ อย่าง “ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล”
แน่นอนว่าความสำเร็จที่ไปไกลสู่ระดับโกลบอลของ ลิซ่า นั้น เป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของบรรดาเด็กหนุ่ม เด็กสาวที่วาดหวังจะดำเนินรอยตาม
แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นได้แบบ ลิซ่า
ต้องบอกก่อนว่างานบันเทิงทุกแขนง และทุกประเทศในโลกนี้ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ว่าต้องทำอย่างงี้ อย่างงั้นแล้วจะประสบความสำเร็จ ต่อให้ Copy-paste ชิ้นงานที่สำเร็จก่อนหน้านี้มาแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสำเร็จตามไปด้วย
ความเก่ง ความสามารถ เรียนรู้กันได้ พัฒนากันได้ ชิกิต้า และ ภริตา เอง การที่พาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ นั่นก็บ่งบอกถึงศักยภาพที่ทั้งคู่มีอยู่แล้ว แต่ถึงจะเก่งเท่า หรือแม้แต่จะเก่งกว่า ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะโด่งดังไปไกลเท่า ลิซ่า
คือพอเห็นว่าทั้งคู่เป็นเด็กไทย และมีเส้นทางสู่การเป็นศิลปินในลักษณะคล้ายคลึงกัน แถมอยู่ภายใต้สังกัดเดียวกัน ก็ถูกจับมาเปรียบเทียบกับ ลิซ่า ทันที
แม้กระทั่ง “ยางฮยอนซอก” ผู้อำนวยการผลิตค่าย YG เองก็ยังคิดแบบนั้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไรนัก เพราะเผลอๆ YG เอง ก็ตั้งใจจะนำ LISA MODEL มาใช้กับ BABYMONSTER อยู่แล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมกรณีที่ BLACKPINK ไม่ต่อสัญญา !!???
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20-26 พฤษภาคม 2566
