“มิ้นต์ ชาลิดา” เผยรัก 10 ปีไม่หวาน เคล็ดลับหากเบื่อขี้หน้า ทะเลาะ “ภูผา” จะหันหลังให้กัน อารมณ์ดีเมื่อไหร่ค่อยกลับมาคุยกัน ลั่นปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์และธรรมชาติ แต่จะเคลียร์ให้ไว จบให้เร็ว ไม่ปฏิเสธเคยบอกเบื่อ เลิก แต่ผ่านมาหมดแล้ว เรื่องแต่งงานนิ้วยังว่างอยู่ จบป.โทให้มาถามใหม่ มีคุยเรื่องงานวิวาห์ เห็นภาพกับผู้ชายคนนี้
คบหาดูใจกันมาเป็น 10 ปี ก็ยังไร้วี่แววข่าวดี สำหรับคู่ “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” กับ “ภูผา เตชะณรงค์” โดยในงานเปิดตัว anastasia miary eyebrow to chiang mai สาขาที่ 7 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) เจ้าตัวก็เผยเคล็ดลับรัก 10 ปี พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมามีทุกโมเมนต์ ผ่านมาหมดแล้ว ทั้งเบื่อขี้หน้า ท้าเลิก แต่สุดท้ายก็เคลียร์ทุกอย่างและกลับมาคุยกันด้วยความเข้าใจ
“ของหนูก็เหมือนเพื่อน มีอะไรก็คุยกัน ตลอดเวลาก็ยอมรับว่าไม่ได้มีเรื่องที่แฮปปี้ได้ทุกวัน แต่ถ้าทะเลาะกัน เบื่อขี้หน้ากัน ก็หันหลังให้กับแป๊บนึง และพออารมณ์ดีๆ ทั้งคู่ ค่อยหันกลับมาคุยกันใหม่ ซึ่งถามว่ากังวลอะไรไหม ก็ปล่อยเป็นเรื่องของธรรมชาติ ตามอารมณ์ความรู้สึกในโมเมนต์นั้น มันตอบไม่ได้ แต่ละคู่ไม่เหมือนกัน สำหรับตัวมิ้นต์ต้องเคลียร์ให้ไว จบให้เร็วที่สุด ส่วนพี่ผาเขาก็จะนิ่งๆ นิ่งทุกอย่าง จนบางทีก็ไม่รู้ว่าคิดอะไร
เพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นจิปาถะ และปัญหาที่เจอบ่อยๆ เราไปทำกิจกรรมของเขา และเราคิดว่าเราสู้แล้ว แต่เราเป็นชะนีนะ เราทำได้ขนาดนี้ ก็น่าจะโอเคแล้ว (หัวเราะ) ถ้าเปรียบเทียบหนูโตในบ้านผู้ชาย ให้เราไปทำกิจกรรมแบบนั้น เราจอยสุดแล้ว แต่ในทางกลับกัน สู้อีก ต้องทำอีก เขาอาจจะดูแล้วว่าเราไม่เต็มที่ (หัวเราะ) เขาอาจจะมองว่าเราไม่สมเกียรติบ้านเด็กผู้ชาย ในใจมิ้นต์ก็คิดว่าเราก็สู้แล้วนะ พี่ผาเป็นคนลุยมากเราก็เคยพูดในมุมนี้ไปแล้ว พูดหลายรอบ เพื่อนรอบข้างก็ข้างว่าเราสู้แล้ว (หัวเราะ) และนอกจากกิจกรรมที่หนักแล้ว เราต้องสู้กับแสงแดดอีก เราก็ไม่ไหว มันก็เป็นปัญหาที่เถียงกัน ทะเลาะในโมเมนต์ระหว่างเที่ยว แวะกินอาหารทะเลให้ใจเย็นลงหน่อย
ซึ่งมันแล้วแต่ครั้งว่าใครจะหันกลับมาก่อน ถ้าความผิดไปอยู่ที่เขา เขาก็จะหันมาก่อน แต่บางทีเราก็รู้สึกงี่เง่า มิ้นต์ว่าชีวิตคู่มันอยู่ที่ความบาลานซ์ แต่บางทีมิ้นต์ก็รู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องขอโทษตอนที่เราผิดเสมอไป บางทีเราไม่ผิด แต่คู่เรา ทำผิดต้องขอโทษ เผลอๆ ดีกันแล้ว พี่ผาก็จะทวงว่ามิ้นต์ยังไม่ขอโทษเลย”
ไม่มีกฎทะเลาะต้องขอโทษ
“เราไม่ได้มีกฎว่าทะเลาะกัน ต้องขอโทษเลยนะ เพราะมีช่วงนึงที่มิ้นต์บอกว่าที่พี่เขาไปบวช และเลิกกันไปในช่วงนั้น ก็มี แต่ก็ใช้ความเข้าใจหลายคนก็เป็นกาวใจให้ รอบข้างเขารู้สึกว่าอันนี้มันไม่สมเหตุสมผลแล้ว แต่สุดท้ายมันก็จบด้วยคำว่าขอโทษ”
เข้าใจเหตุผลคู่รักที่เลิก อาจไปต่อไม่ได้ ต่างคนต่างอยู่มีความสุขกว่า รับเคยบอกเบื่อ เลิก แต่ผ่านมาหมดแล้ว
“อย่างมันมีข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวกับคู่รัก มิ้นต์ต้องบอกว่าแต่ละคู่มันมีเหตุผลไม่เหมือนกัน มิ้นต์เข้าใจในเหตุผลของแต่ละคน เขาอาจจะไปต่อไม่ได้ หรือสุดจะยื้อ ต่างคนต่างอยู่มันมีความสุขมากกว่า สำหรับคู่เรา มองที่ปัจจุบัน ไม่ได้คาดหวังถึงอนาคต เราจะไม่ใช้คำพูดว่าเลิกให้มันบ่อยๆ พี่ผาจะไม่ชอบให้ทำ เราผ่านมาหลายโมเมนต์แล้ว เมื่อก่อนตอนเด็กก็เป็น พูดบ่อยมาก เบื่อ เลิกดีกว่า มันเป็นการน้อยใจของผู้หญิงมากกว่า”
คบ 10 ปีไม่หวาน เหมือนเพื่อน
“มิ้นต์ว่ามันเหมือนคู่เราเป็นเพื่อน ไม่ได้หวานกันบ่อยๆ มันอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อน เพราะถ้าใช้คำว่าเลิก มันต้องชัวร์จริงๆ หรือจะไม่ไปต่อ เราต้องถามตัวเราก่อนให้ชัดเจนว่าเราต้องการปลายทางแบบไหน ชีวิตมันไม่ได้จะถูกใจเรา 100% และที่สำคัญเราจะไม่พยายามเปลี่ยนกันและกัน ถ้าเรายอมรับข้อนี้ไม่ได้ ถ้าเราไปต่อกับเขาไม่ไหว เราก็ต้องบอกเขา เราก็มีเรื่องที่ต้องปรับจูนกันบ่อยๆ แต่มันก็ไปในทิศทางที่ดี”
ภูมิใจได้แฟนเสมอต้นเสมอปลาย ไร้เรื่องมือที่สาม ไม่เคยนอกใจ
“ตลอดเวลาที่คบกัน พี่ผาเขาไม่มีเรื่องที่ทำให้เราหนักใจเลย ไม่ว่าจะเรื่องมือที่สาม โชคดีที่พี่ผาเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยเที่ยวกลางคืนยังไง ปัจจุบันก็ไม่เที่ยว เมาไม่เป็น ทำให้มิ้นต์ไว้ใจได้ และเราคบกัน เราจะไม่ลองกัน เราใช้ความสบายใจ เราอยู่ตรงนี้ เราไม่มีใคร ไม่เคยนอกใจกัน เป็นความชัวร์ที่ไว้ใจกันและกัน”
เรื่องแต่งงานนิ้วยังว่างอยู่ จบป.โทให้มาถามใหม่
“พี่ผาเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ดี (ยิ้ม) มันตอบไม่ได้เลยนะ เพราะนิ้วยังว่าง รุ่นพี่หรือผู้ใหญ่ก็ถาม แต่สำหรับเราไม่มีคำว่าพร้อม แต่ว่าตอนนี้เราเรียนโทอยู่ จบโทแล้วมาถามใหม่ (ใกล้จบยัง?) ใกล้แล้ว (หัวเราะ)”
เห็นภาพกับผู้ชายคนนี้
“ถามว่ามีคุยไหม ก็เริ่มเห็นภาพแล้ว ไปในทิศทางไหน ทำธุรกิจมาด้วยกันนาน ก็เห็นในมุมต่างๆ ส่วนถามว่าสะดุ้งไหม ข่าวคู่รักคบกันยาวนานแล้วเลิก ก็จะมีชื่อคู่เราด้วย ไม่ๆ มิ้นต์ก็เป็นกำลังใจให้กับทุกคู่แต่สำหรับเรามันไม่มีอะไร ถ้ามันไม่มีอะไร ก็คือไม่มีอะไร”
