ในยุคที่ดิจิทัล และเทคโนโลยี รวมไปถึงการพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่การเลือกตั้งที่ผ่านไป สดๆ ร้อนๆ ผลของการเลือกตั้ง ทุกท่านน่าทราบกันดีแล้วว่าใครสมหวัง หรือใครที่ผิดหวัง แต่สิ่งที่น่าสนใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือการที่มีผู้นำเอา AI และ เทคโนโลยีต่างๆ ร่วมกับกระบวนการวิจัย มาใช้ในการช่วยสนันสนุนการหาเสียโดย อ.นิธิวิทย์ นิธิทักษ์นาคิน อนุกรรมการการเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง และการงบประมาณ สภากรุงเทพมหานคร รักษาการที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
โดยในช่วงการหาเสียงที่ผ่านมา ได้ดำเนินการตามระเบียบวิธีวิจัย ในการเก็บข้อมูล จำนวนมากสำหรับทำโพล กับออกแบบรูปแบบที่เป็นกลางเพื่อให้ได้ข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจ สามารถวางกลยุทธในการเลือกตั้งให้กับผู้สมัคร ส.ส. หลายเขตที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลง และให้ความสำคัญกับ AI
ผลลัพธ์ที่ได้ สามารถแสดงถึงรูปแบบที่เหมาะสม ในการสร้างความสำเร็จทางการเมืองยุคใหม่ ทราบถึงความนิยมของผู้สมัครในเขตแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถสร้างกลยุทธในการปรับจุดอ่อน และพัฒนาจุดแข็ง ได้อย่างทันท่วงที มีการใช้ Big Data มีการรับฟังเสียงของโซเชียล หรือกระบวนการที่เรียกว่า Social Listening
โดยนำวิธีของสามเหลี่ยมยุทธศาสตร์ กับ AI มาประยุกต์ใช้ร่วมกันเพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และดียิ่งขึ้น
ซึ่ง อ.นิธิวิทย์ ได้ให้บทสรุป ของการเมืองไทย ผ่านการเลือกตั้ง 66 นี้ว่า
ส.ส. แบ่งเขต คือรูปแบบตัวแทนของการเมืองยุคนี้
ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ คือรูปแบบตัวแทนของการเมืองยุคหน้า
โซเชียลมีเดีย จะเป็นเขตปกครองพิเศษในการพิจารณา ส.ส. ในอนาคต
ความเชื่อ ทรงพลังกว่ากระสุน
บ้านใหญ่ ถูกประชาชนสั่งสอน
ที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากนี้ความไม่ชัดเจนทางการเมือง จะเท่ากับ “หายนะ”
นับเป็นคนรุ่นใหม่ ที่น่าจับตามอง และเป็นวิธีการสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งรูปแบบใหม่ในอนาคต