xs
xsm
sm
md
lg

“ก้อง ปิยะ” เม้าธ์มันส์ วีรกรรมซุป'ตาร์ ขอนับก้าวบนเวที! ลั่นไม่ต้องกลัวชื่อหลุด จะตายไปกับตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ก้อง ปิยะ” เจอหมดทุกรูปแบบ เมเนจดาราในฐานะออแกไนซ์ ทั้งไม่ขอบรีฟงาน นับก้าวบนเวที ด่าใส่หน้าไม่ใช่คนจ้าง กระทืบเท้าจะกินกาแฟรูปดาว ไม่ต้องห่วงชื่อหลุดจากปาก เพราะจะตายไปกับตัว  นอกจากร้อนตัวเอง

เป็นนักแสดง เป็นผู้จัด แล้วพ่วงเป็นออแกไนเซอร์อีกหนึ่งตำแหน่ง สำหรับ “ก้อง ปิยะ เศวตพิกุล” ซึ่งเจ้าตัวเล่าเบื้องหลังการทำงานออแกไนซ์ที่ต้องเจออิทธิฤทธิ์คนดังสารพัด แต่อย่างหนึ่งที่ก้อง ปิยะ ให้วางใจคือถึงเม้าธ์กันแค่ไหน แต่ “ชื่อจะไม่หลุดจากปาก จะตายไปพร้อมตัวเอง”

“แรกๆ จัดปีนึง 200-300 งาน ตอนไม่มีโควิด สมัยก่อนต้องเอาดาราเป็นข่าว แต่หลังๆ ไม่ทำแล้ว เพราะมีคนทำตาม มาถึงลูกค้าไม่ได้อะไรเลย ได้แค่เรื่องข่าว หลังๆ เอาดาราที่ตรงกับลูกค้าดีกว่า แต่ก็เจอเยอะแยะมากมาย

ถามว่าเจอพฤติกรรมดาราแปลกๆ ไหม แปลกๆ ก็หลายอย่าง เช่น มาตามอารมณ์ ดังมากๆ ขณะนี้เลย ก่อนทำงานก็บรีฟงาน นัดปุ๊บก็มาสายเป็นชม.เราไม่ว่าเพราะรถติดก็อาจมาสายได้ แต่พอมาถึงบรีฟคิว บอกว่าเอ้า ไม่รู้เรื่องแบบนี้ เราก็บอกว่าบอกผู้จัดการไปแล้ว ผู้จัดการก็เงียบ ผู้จัดการไม่ตอบ เขาอารมณ์กำลังเสีย แล้วก็กลับเลย

เราบอกผู้จัดการไปแล้วแต่ผู้จัดการบอกหรือเปล่าเราไม่ทราบ เขาก็บอกกลับเลย เราก็บอกว่างั้นก็กลับไป เดี๋ยวจะบอกสื่อที่มารอสัมภาษณ์ว่าคุณกลับเนอะ แต่พี่บอกทุกอย่างกับผู้จัดการไปแล้ว นางก็เดินหายไป แล้วเดินกลับมาใหม่ การเป็นซูเปอร์สตาร์บางทีอารมณ์สำคัญ เราเองรับงานแล้วต้องรับผิดชอบตามงานที่เราทำ การขึ้นตรงจุดๆ นี้ คนเป็นร้อยๆ ล้านอยากขึ้นมาจุดนี้ คุณต้องรับผิดชอบตรงนี้ นี่เราแนะนำนะ เราสอน เราไม่ได้อยากมาแฉ

นับก้าวบนเวที! อย่าเพิ่งบรีฟงานกำลังเล่นเกมอยู่!
“มีบางคนถามเวทีใหญ่ไหม จะเดินแค่นี้นะ ทำเวทีใหญ่ต้องคิดว่าพ่อแม่พี่น้องเขาอยากเห็นคุณ คุณเป็นขวัญใจของเขา เขาต้องเห็นชัดๆ ก็ต้องเดินโชว์ให้เห็น ล่าสุดจัดคิมเบอร์ลี่ - มาริโอ้ ทุกคนเดินโชว์ให้เห็นหมด เพราะเขาอยากเห็น

บางคนถามว่าเวทีใหญ่ๆ ต้องเดินกี่ก้าว บอกไม่ได้ว่าใคร บางคนรับงานจะบรีฟ บอกว่าอย่าเพิ่งบรีฟ กำลังเล่นเกมอยู่ (หัวเราะ) ก็โอเค เข้าใจ พอจะเข้าไปบรีฟ ขอเข้ามาคนเดียวบรีฟ อ้าว แต่เขามีครีเอทีฟ มีลูกค้าไปฟังการบรีฟสินค้า ต้องบอกว่าเราเป็นนักแสดงมีชื่อเสียง เราเคยมายังไงก็ต้องเป็นแบบนั้นคนเขาจะรักเรา บางทีความดังทำให้เราหลง พอหลงปุ๊บ ทำให้คิดว่าทุกอย่างหมุนรอบเราเอง”

ดาราขึ้นเวทีช้าเพราะไม่ถูกกัน
“บางงานมีดาราไปและอาจไม่ถูกกัน พอไปถึงปุ๊บเขาก็เอ๊ะ ทำไมดาราบางทีขึ้นช้าจังเลย ไม่ขึ้นซะที ก็ไปถามว่าทำไมขึ้นช้า มารู้ทีหลังว่าขึ้นช้า เพราะส่งทีมงานตัวเองไปดูดาราอีกคนว่าทำผมทรงไหน ปากสีอะไร ชุดเป็นยังไง จะได้เด่นกว่า ซึ่งหม่อมน้อยสอนเราว่าอย่าสนใจเรื่องเสื้อผ้า ให้สนใจการแสดงหรือเพอร์ฟอร์แมนซ์บนเวที ถ้าคุณเข้าใจอาชีพ เราต้องขายฝีมือ ขายการทำงานบนเวที ขายเสน่ห์บนเวทีเรา อย่างอื่นเป็นองค์ประกอบส่วนนอกทำให้เราดูดี สวยใครสวยมัน

เหวี่ยงเพราะสวยไม่เท่าฟินาเล่
“มีเคสนึงเราอยู่ในห้องแต่งตัวด้วย มีดาราสองคน คนนี้ก็หน้าบึ้ง เหวี่ยงๆ อีกคนแต่งตัวสวยเพราะฟินาเล่ สุดท้ายรู้ว่าเขาไม่พอใจเพราะชุดเขาไม่สวยเท่าฟินาเล่ แต่มันไม่ใช่ คนนั้นเขาสวยเพราะเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เราไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ต้องอยู่แบบนี้ เหวี่ยงเลย หรือบางทีต้องทำผมเสร็จให้ทัน เรื่องนี้นับถือคิมเบอร์ลี่นะ กล้าพูด นางมาถึง ผมทำไม่ทันไม่เป็นไร นางแต่งหน้ามาแล้ว นางขึ้นเลย เขารู้ว่าต้องขึ้นกี่โมงถ้าทำผมไปอีกก็จะช้า”

ถูกพูดใส่หน้า ไม่ได้จ้าง ไม่ได้จ่ายเงิน!
“เคยเจอมาถึงงาน ก็ทำงานใหญ่ เป็นงานฉลอง ดาราต้องใส่สูทแจ็คเกตไหม แต่เขามาธรรมดา เราก็บอกว่าเดี๋ยวเปลี่ยนชุดใหม่ให้ไหม เขาบอกว่าไม่ พี่ไม่ได้จ้างผม พี่ไม่ได้จ่ายเงินผม เราก็โอเค ตามสบายเลย เราหวังดี ไม่อยากให้เขาถูกด่า เราหวังดี ไม่ได้คิดหรอกว่าใครจะเกลียดหรือไม่เกลียด เราอยากให้งานทุกงานสมบูรณ์แบบที่สุด ชื่อทุกอันจะไม่หลุดจากปาก ไม่ต้องกลัว ชื่อนะตายไปพร้อมเรา ถ้าคุณไม่ออกตัวมารับเอง

แจงพิธีกรเรื่องเยอะต้องกินกาแฟยี่ห้อรูปดาว กระทืบเท้ากลางงาน ไม่ใช่ “มดดำ-กรรชัย”
“ไม่ใช่มดดำ ไม่ใช่หนุ่ม กรรชัย ชื่อพวกนี้จะตายไปกับดิฉัน ไม่ต้องห่วง ไม่ตอแหล เขากรี๊ดๆ กระทืบเท้าบอกว่าผิดสูตร ฉันก็บอกว่าเดี๋ยวนี้สูตรกาแฟเยอะมาก เด็กมันจะจำได้ไหม เราก็บอกว่าใจเย็นๆ หยุดกรี๊ดก่อน ถ้าเขาทำได้คงมาเป็นพิธีกรแทนแล้ว อ่านบทก่อนไหม เตรียมขึ้นเวที เดี๋ยวไม่ทัน เขาก็มีสติ”

เล่าวิธีจัดการดาราที่ไม่ถูกกัน แต่ต้องขึ้นเวทีเดียวกัน
“ฉันต้องคุยกับเขาก่อนว่าออกคู่กันได้ไหม ได้ก็ออก แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ออกเลย ถ้าเจอไม่ได้ก็แยกห้องแต่งตัวให้ ฝึกเด็กว่าเขาจะไม่เจอกัน เดินขึ้นคนละฝั่ง แต่อยู่บนเวทีเดียวกันได้ ทุกอย่างอยู่ที่วิธีเมเนจ การเป็นออแกไนเซอร์ ทำยังไงให้ออกมาแล้วลูกค้าสมปรารถนาที่สุด หลังๆ ไม่ทำแบบนี้แล้ว เพราะมันเหนื่อย คนเรากว่าจะขึ้นมาได้มันยากจริงๆ ฉันทำเสื้อผ้าได้เดือนละ 3 พันกว่าจะถึงจุดนี้ มายังไงมาอย่างนั้น คนคอยเตือนสติเราดีที่สุดคือผู้จัดการส่วนตัว สำคัญมาก จะทำให้ดาราเป็นที่รักหรือเกลียดอยู่ที่ผู้จัดการ”

เชื่อทุกคนต้องมีช่วงสะดุ้งไฟ เหมือนตนที่สำนึกได้เพราะคำพูดคนๆ เดียว!
“ทุกคนต้องมีช่วงสะดุ้งไฟ ฉันเคยเป็น ถ่ายละครอาทิตย์นึง 4-5 เรื่อง ฉันไปเรื่องนึงสาย คุณลูกเกด เมทินี กิ่งโพยมใส่ชุดว่ายน้ำรออยู่ริมสระ ต้องเอาแสงเย็น แล้วฉันไปถึงมืดแล้วถ่ายไม่ได้ กองละครพี่ปุ๊ย ผอูน ฉันไปไม่ทันเกดก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉากนั้นต้องล้มทิ้งหมด ฉันบอกเกด ไอรู้สึกผิดจังเลยที่ไอมาไม่ทันฉากนี้ คุณรู้ไหม ตั้งแต่วันนั้นฉันสำนึกเลย เกดพูดคำเดียว เกดพูดว่าก็ควรจะสำนึกผิดเนอะ ยูมาไม่ทันจริงๆ คนอื่นเขารอยูอยู่ ยูรับงานแบบนี้ไม่ได้ รู้เลย จากนี้จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว นั่นคือสิ่งที่ลูกเกดเตือนพี่ ทำให้คิดได้ว่า เออ เราไม่ควรทำแบบนี้ เพราะเขารอเราอยู่ สะดุ้งไฟทุกคนเป็นหมดตอนมีชื่อเสียง เพียงแต่ว่าจะกลับมาได้เร็วแค่ไหน บางคนกลับมาได้เร็วก็ไปไกลหน่อย แล้วแต่คน”



กำลังโหลดความคิดเห็น