เลือกตั้งที่ผ่านมา จะสังเกตได้ว่าดารา คนดังในวงการบันเทิงพร้อมใจกันแต่งตัวสีส้ม เพื่อบ่งบอกว่าตัวเองมีพรรคไหนในใจ และเมื่อไปเปิดดูคลิปย้อนหลัง “ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ว่าที่นายกฯคนที่ 30 ของคนไทยถึงแอดติจูดของทิมเกี่ยวกับการผลัดดันซอฟต์พาวเวอร์ในวงการบันเทิงหากได้เป็นนายกฯ ก็ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมคนบันเทิง เกือบทั้งวงการเทใจใส่สีส้มไป เลือก ทิม พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งทิม เคยเผยถึงนโยบายเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ไว้ในรายการ ถ้าหนูรับพี่จะรักป่ะ ทาวช่องยูทูบ ดังนี้
“ซอฟต์พาวเวอร์มันคืออำนาจอ่อน สำหรับผมสรุปได้เป็น 4 ส.เสือ หนึ่งคือความสร้างสรรค์ เรื่องคนไทยเราไม่แพ้ใคร เรามีวัตถุดิบเพียงพออยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเลย สองคือเรื่องของเสรีภาพในการแสดงออก การเซนเซอร์ การแบน การที่ต้องบอกว่าต้องอยู่ในจริยธรรมที่ดี เสรีภาพกับความคิดสร้างสรรค์มันอยู่ตรงข้ามกัน คุณต้องลองผิดลองถูกก่อน คุณถึงจะสร้างสรรค์ได้ แต่ถ้าคุณไม่มีเสรีภาพในการลองผิดลองถูกตั้งแต่แรก คุณก็จะไม่มีแรปเปอร์อย่าง มิลลิ เป็นต้น มันจะต้องสามารถเสียงสีสังคมได้ เสียดสีผู้นำได้ ลองผิดลองถูกได้ แต่ถ้าบอกว่าวัฒนธรรมมีไว้กด ไม่ได้มีไว้ปลดปล่อย มันก็จะทำให้ความสร้างสรรค์ของสมองฝั่งซ้ายลดลงไปเยอะมาก
สามเรื่องของสวัสดิการ จากที่ผมเองก็เคยผ่านการทำงานในวงการมาบ้าง ในเรื่องของสวัสดิการของกองถ่าย สวัสดิการของนักแสดง คนเบื้องหลัง เห็นได้ชัดเลยตอนช่วงโควิดที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลดูแลแค่เฉพาะคนที่ทำงาน 6 โมงเช้าเป็นต้นไป แต่คนที่ทำงาน 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของผับบาร์ นักร้อง นักดนตรีกลางคืน นักแสดง เขาลืมไปเลย ฉะนั้นเรื่องชั่วโมงการทำงานในกองถ่าย ช่างภาพ ช่างกล้อง เราถ่ายโฆษณาเสร็จ 5 ทุ่ม พรุ่งนี้ 6 โมงเช้าต้องออกมาทำงานต่อ เราต้องมีสวัสดิการที่ต้องทำให้เขาเป็นฟันเฟืองได้
สุดท้ายเป็นเรื่องของการสนับสนุน คืองบ soft power พอพูดแล้วมันดูเป็นงบที่ยิ่งใหญ่มหาศาล มิลลิดังแล้ว Rap Agaist Dictatorship ดังแล้ว ริซ่า Blackpink ดังแล้ว ต้องบอกว่างบ soft power ของไทยปีที่แล้ว 80 ล้านบาท จากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ 3.3 ล้านล้านบาท ขณะที่เรือดำน้ำใช้งบ 30,000 ล้านบาท ผมว่างบประมาณ soft power มันต้องเพิ่มขึ้นสัก 10 เท่า รับรองได้เลย soft power ของเราไปไกลระดับโลกแน่นอน
แล้วเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่คนในวงการบันเทิงนะ อีกหน่อยคนที่ไปดังได้ทั้งอาเซียน ทั่วเอเชีย เหมือนที่คนเกาหลีมาอยู่ที่ประเทศไทย อีกหน่อย พอสินค้าที่เขียนคำว่า made in Thailand มันจะให้ความรู้สึกเหมือนเราใช้ของเกาหลีอยู่ อย่างอีตูดี้ ซัลวาซู นี่คืออำนาจอ่อนที่มากกว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะไปเที่ยวเกาหลี อยากจะใช้ของเกาหลี soft power มันคืออำนาจอ่อนที่ทำให้คนทำตามโดยที่ไม่จำเป็นต้องเอาอาวุธไประรานใคร แต่ดึงเขาให้มาเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจไทยได้
อีกตัวอย่างคือ สมรสเท่าเทียมกับซีรี่ส์วาย ซีรี่ส์วายในไลน์ตอนนี้โต 3-4 เท่า ดังไปถึงแมคซิโก ถึงเปรูและอีกหลายประเทศ แต่สมรสเท่าเทียมยังไม่ผ่าน คนก็จะพอดูออกนะ เหมือนกัน คือเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้ ถ้าเกิดมันเป็นดีเอ็นเอของประเทศไทยที่รับความหลากหลายทางเพศ เพศวิถี และเพศกำเนิดไม่จำเป็นที่จะต้องตรงกัน มันอยู่ที่ใจเรา คิดว่ามันจะได้รับการยอมรับยิ่งกว่านี้ เพราะมันรู้สึกได้จริงไว้นี่คือ soft power ไม่ใช่บทละครที่สร้างขึ้นมา แต่ว่ามันเรียลจริงๆ เป็นต้น”
