ออกเดินทางมาทั่วทุกสารทิศ ทั้งในประเทศและนอกประเทศนานถึง 18 ปี สำหรับ “จ๊อบ นิธิ สมุทรโคจร” อดีตพระเอกชื่อดังยุค 90 ล่าสุดเจ้าตัวมาแชร์ประสบการณ์หลอนๆ ในรายการแฉ วันที่ 9 พ.ค. โดยเผยว่าเป็นเรื่องลี้ลับที่มองไม่เห็น แต่ทำให้ตนหวิดสิ้นชื่อ ร่วงตกจากน้ำตก!
“เคยไปนอนพักที่อุทยานแห่งหนึ่ง ไม่มีคน ประเทศไทยนี่แหละ แต่ขออนุญาตไม่ระบุว่าอยู่ที่ไหน แต่ขอบอกว่าอยู่ภาคตะวันออกของประเทศไทย พื้นที่นี้สิ่งที่เจอกับตัวเอง คือเป็นการเดินทางที่เราไปนอนพักในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ กติกาเราคือไปกันเยอะ ก็นั่งเล่นบนที่พัก เราก็นั่งรอให้นักท่องเที่ยวทั้งหมดทยอยๆ ขึ้น น้ำตกก็เป็นของเรา เราก็ไปเล่นน้ำตกกัน ก็ซื้อขนม เครื่องดื่มไปนั่งกินกัน
ณ เวลานั้นเขายังอนุญาตนะ หลายปีแล้ว เขาอนุญาตให้ลงไปรับประทานอะไรกันได้ นั่งดื่มกันเราก็ปวดฉี่ คนอยู่กันเยอะ เพื่อนๆ กันทั้งนั้น เราไม่ได้อยากปล่อยในน้ำ ก็ลุกไปบนฝั่งแล้วก็ไปฉี่ ฉี่เสร็จก็ลงมา นั่งเม้าธ์มอย แล้วบอกว่าขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า เหมือนไต่เล่นๆ ขึ้นไป ชิลๆ ผู้ชายกันทั้งนั้น
ยุคนั้นไม่มีกล้องโทรศัพท์ถ่ายรูป กะขึ้นไปดูกันก่อน ก็เดินขึ้นกันไป พอถึงเวลาเดินกลับ แค่เดินตัดทางที่น้ำลงไปก็เป็นทางลงแล้ว แต่มีพี่สองคนที่เขาเดินนำหน้าเขาบอกไปทางนี้ อ้อมแหล่งน้ำใหญ่ๆ ไม่ยอมเดินตัด ซึ่งเดินตัดระยะทางไม่เกิน 5 เมตร แต่ไอ้นี่อ้อม ไปเพื่อ! เราก็เลือกเดินตัดตรงนี้เลย สมมติคุณน็อต วรฤทธิ์เป็นคนแรก เดินนำ พอคุณน็อตเดินข้ามจุดที่เป็นน้ำตก ก็หันมาแล้วร้องว่าเฮ้ย ผมเป็นคนที่สอง ไม่รู้เรื่องเสียงน้ำตกมันดัง ผมเห็นหน้าเขาแต่ไม่รู้ว่าพูดว่าอะไร เราก็เดินตามไป ถึงกลางน้ำตก เชื่อไหม เหมือนคนที่ถูกกระโดดถีบที่หน้าอก ผมร่วงตกน้ำตกสูงๆ เหมือนในหนังที่ผมสามารถคว้าก้อนหินไว้ได้
ผมตกน้ำตกสูงๆ ไปแล้ว แล้วรู้สึกเหมือนตามน้ำที่ไหลลงมา แล้วคว้าก้อนหินไว้ ไม่พอกระแสน้ำที่กระแทกลงมา ปั้กๆๆ แต่มีโมเมนต์ความรู้สึกนึงคือเหมือนมีคนอุ้มเรา มนุษย์ธรรมดา ถ้าไม่ใช่ยอดมนุษย์ปีนขึ้นไปไม่ได้ ตกไปตายแน่ๆ ก้อนหินสารพัดก้อนหิน ในความรู้สึกเหมือนมีคนอุ้มจริงๆ แล้วก็กระดึ๊บขึ้นมา น้ำมันก็ตีหน้าเราตลอดเวลา รู้สึกเหมือนตะเกียกตะกาย มองไม่เห็นอะไรหรอกนะ จนเหมือนมีมือนึงยื่นมาแล้วจับกันได้ รู้สึกอุ่นใจ แล้วก็คนดึงขึ้นไป ปรากฎว่าขึ้นไปข้างบนพี่ๆ ที่ไปด้วยกัน นั่งร้องไห้กันอยู่ คิดว่าตายแน่ๆ
แต่เขาก็ดีใจนะว่าขึ้นมาได้ไง ก็ให้เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้อะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิต จนเรากลับที่พักกันก่อน ตอนนั้นเงียบกริบหมด ก็เอะใจว่าฉันรอดแล้วไง จะเศร้าจะเหงากันทำไม แล้วก็เดินตามกันไปเงียบๆ กระทั่งจุดพีกคือไปถึงเรือนบ้านพักอุทยานแห่งชาติ เป็นบ้านไม้ มีสองห้องนอน มีระเบียง ทางเดินขึ้นเป็นบันไดสี่ห้าขั้น พอขึ้นไปเป็นประตูสูงประมาณเมตรนึง เหมือนเอาไว้กันหมาอย่างเดียว มีร่องเป็นลูกกรงหมา ดึงออกก่อนแล้วเดินเข้าไป จะมีลิ้นตัวรับ แล้วปิดประตู
เดินเข้าไปอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ยังไม่เที่ยงคืนเลย มานั่งคุยกัน ได้ยินเสียงประตู ปั้งๆๆ แล้วบ้านพักอุทยานแห่งชาติ เขาจะเป็นหน้าต่างบานเกร็ด ก็มองผ่านหน้าต่างบานเกร็ดกันออกมา ภาพที่เห็นคือประตูที่ว่าเนี่ย ผ่านลิ้นมาได้ จากที่ประตูปิด มันเปิดเข้าเปิดออก มองกันอยู่สักพักสิ่งที่ได้ยินต่อมา เป็นเสียงฝีเท้าคนกระแทกเท้าปึ้งๆ มายืนอยู่หน้าห้อง กระทืบเท้าหน้าห้อง ซึ่งได้ยินเสียงกระแทกๆ
ฝีเท้าคนเดินบนบ้านไม้ จะรู้ว่ามาตรงนี้ๆ แล้วมาถึงห้องนี้ เขามายืนระหว่างห้องสองห้าง ยืนแล้วกระทืบเท้าปั้งๆ พอสิ้นเสียงหยุด นับหนึ่งถึงสิบ ห้องสองห้องเปิดประตูแล้วมาอยู่รวมกัน (หัวเราะ) ว่าเฮ้ยได้ยินมั้ย ฝั่งเห็นก็เห็น แล้วยังไง พรั่งพรูกันมาหมดเลย
เขาก็บอกว่ากูบอกแล้วให้เดินมาตรงนี้ พี่สองคนที่เดินนำ ได้ยินเสียงอยู่ว่าอย่าเดินกลับไปทางนี้ ให้เดินไปทางนี้ เขาได้ยินเสียงคนพาไปให้มาทางนี้ พวกเราที่บอกจะเดินทางลัด ก็บอกว่าทางลัดใกล้กว่า แต่คนที่เดินไปคนแรกแล้วหันมาว่าเฮ้ย สิ่งที่ได้ยินคือ กูจะเอาไอ้นี่ ซึ่งคือผม กูจะเอาชีวิตไอ้นี่ เราเดินไปแล้วสองก้าว กูจะเอาไอ้นี่ เขาก็เฮ้ย เขาเป็นคนมาเล่าให้เราฟัง เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น ที่เด็ดกว่านั้นคือ พอหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ ตอนเดินลงไปข้างล่าง เขาบอกว่าเขาช่วยแล้วนะ แต่อย่ากลับมาอีก ถ้ากลับมาอีก คนที่เขาช่วยจะไม่ช่วยแล้ว
ผมทำรายการท่องเที่ยว ผมจะบอกว่าผมจะไปทุกที่ที่ครีเอทีฟวางสคริปต์มา ยกเว้นที่นี่ที่เดียว ที่ผมไม่ไป จะไม่กลับไปเหยียบอีกเลย ซึ่งมีเหตุการณ์ใกล้เคียงครั้งนึงนานมาแล้ว มีนักแสดงรุ่นพ่อท่านนึง ชวนไปร่วมงานละแวกนั้น โดยเราไม่รู้ว่าอยู่ที่น้ำตกนี้ ก็ไป แต่เดชะบุญเขาจัดงานปาร์ตี้กันด้านล่าง ไม่ได้จัดตรงน้ำตก พอไปถึงก็เป็นธีมคาวบอยไนท์ แพะหัน หมูหัน เราก็ไปช่วยงานรุ่นพ่อ ก็ไปร้องเพลงกันสนุกสนาน ทำพิธีกรให้ พอเสร็จปุ๊บเขาชวนขึ้นไปน้ำตก จ๊อบก็บอกว่าใครจะไปก็ไป แต่จ๊อบไม่ไป แต่จ๊อบก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ไม่เคยมานั่งบอกว่าที่ไม่เดินตามขึ้นไปเพราะอะไร เขาแซวว่าขี้เกียจ
วันนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ตอนเช้าตื่นขึ้นมา พอเขาเล่าว่าจะมาเอาชีวิตเรา เราก็ต้องทำอะไรผิดใช่มั้ย ไม่งั้นจะมาเอาชีวิตเราทำไม ตัดสินใจย้อนตอนกลางวันกลับไปจุดที่เราเล่นน้ำตก ซึ่งไม่ไกลจากบ้านพักอุทยาน ผมก็มองตามจุดวันนั้น ภาพที่เห็นตรงหน้าคือศาลขนาดใหญ่ แต่ตอนนั้นไม่เห็นเลย 4-5 โมงเย็นไม่มืดเลย แต่ไม่เห็น ผมไปยืนฉี่หน้าศาล มีของไหว้อยู่เยอะมาก แต่ไม่เห็นเวลานั้น ถ้าเป็นปกติใครจะไปทำแบบนั้น”