กำลังได้รับความสนใจไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตครอบครัวของ “ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และอดีภรรยา “ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ” ที่ถูกจับตาดูหลังต่ายช่วยทิม อดีตสามีหาเสียง และยังมีภาพพร้อมหน้าครอบครัว 3 คน พ่อแม่ลูก ในอิสตาแกรมของต่ายอยู่หลายครั้ง หลังจากตัดสินใจแยกทางกันไปแล้วหลายปี ซึ่งล่าสุด ทิม พิธา ได้มาเปิดใจผ่านทาง WOODY FM ถึงเรื่องชีวิตส่วนตัว ในพาร์ตครอบครัวไว้อย่างชัดเจนว่า….
ตอนนี้ทั้งฝั่งพ่อและแม่ช่วยกันดูแลลูกสาว?
“ครอบครัวเป็นอย่างนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว แต่ก็ยังเป็นพ่อกับแม่ของลูกตลอดไป ตอนนี้พิพิม 7 ขวบ ก็ ป.2 ก็เริ่มรู้เรื่องมากขึ้นแล้วก็สนุกกับการช่วยพ่อหาเสียงพอสมควร เป็นลูกยกครับ คนอื่นเข้ามีแม่ยกแต่ของผมเป็นลูกยก (หัวเราะ) คล้องพวงมาลัยดาวเรืองอันใหญ่ๆ มีชีวิตชีวามาก จะเอามาคล้องให้พ่อก่อนปราศรัยบ้าง ใส่เสื้ออยากให้พี่เลี้ยงไปหาเสื้อที่เป็นสโลแกนหน้าพ่อบ้าง แถวโรงเรียนก็จะมีป้ายผู้สมัครเขตแล้วก็มีรูปของพ่ออยู่ก็จะโดนแซวบ่อยหน่อย”
ต้องอธิบายให้เขาฟังไหมว่าพ่อกำลังทำอะไรอยู่?
“ผมว่าเพิ่งจะมาเริ่มสัก 1-2 อาทิตย์นี้ที่เขาจะเริ่มเข้าใจมาก แต่ก่อนหน้านั้นก็จะบอกว่าพ่อไปทำงานเดียวกลับมานะลูก อาบน้ำรอนะ เดี๋ยวกลับบ้านมาเล่านิทานกันแล้วก็รีบหลับพรุ่งนี้ตื่นเช้า เขาก็จะเข้าใจว่าแค่พ่อต้องไปทำงานแล้วเขาก็ไปโรงเรียน เพึ่งจะสัก 1-2 อาทิตย์นี้ที่เขาจะเริ่มถามว่างานของพ่อคืออะไรกันแน่ พ่อต้องการที่จะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นเหรอ แล้ววิธีที่ผมกำลังมานั่งคิดตอนที่ถูกถาม
เวลาลงพื้นที่ที่เคยพาเขาไปส่วนใหญ่จะได้ไปเจอโรงเรียนแล้วผมก็จะพาเขาเข้าไปอยู่ในโรงเรียนในแต่ละพื้นที่ที่ต้องเข้าไปเยี่ยม ผมก็ต้องอธิบายให้เขาฟังว่าอยากให้การศึกษามันไม่แพงจนเกินไป มันฟรีจริง แล้วก็ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันทั่วประเทศไทยให้ได้ ถ้านักการเมืองคำว่าเรียนมากได้น้อย ให้ไปเรียนเน้นได้มาก ก็จะอธิบายเขา
ซึ่งเขาก็เข้าใจมากขึ้น ก็นอกจากจะสนับสนุนแล้วก็ให้พื้นที่พ่อ พอผมกลับบ้านเขาก็บอกให้หายเหนื่อยแล้วค่อยมาหาเขา เขารอในห้อง เป็นอะไรที่ผมดีใจมาก แล้วรู้สึกว่าทำไมลูกเก่งขนาดนี้ข้อกังวลที่ผ่านมาว่าลูกเราจะโตขึ้นมาเป็นยังไงก็เบาใจไปได้พอสมควร
ก็เจอกันเกือบทุกคืน อ่านนิทานเรื่องเดิมๆ เขาอาจจะรู้สึกเป็นกิจวัตรแล้วสบายใจ เด็กวัยถึง 6 ขวบ กิจวัตรประจำวันสำคัญที่สุด แล้วถ้าเกิดเป็นครอบครัวที่ไปต่อไม่ได้ หย่าร้างกัน แยกบ้านกัน มันต้องแก้ที่กิจวัตรเพราะทำให้เด็กรู้สึกสบายใจ รู้สึกมั่นใจ เพราะฉะนั้นพอผมรู้อย่างนี้ ก็เลยรู้สึกว่าโอเค ก็เข้าใจเขาว่าทำไมชอบอ่านเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ให้เขารู้สึกว่าพ่อยังอยู่ใกล้ๆ มันยังไม่มีอะไรที่มันคาดไม่ถึงเกิดขึ้น”
เขาเคยถามก่อนหน้านี้ไหมว่าทำไมพ่อแม่ไม่อยู่ด้วยกัน?
“ไม่ถามมาสักเท่าไหร่ แล้วผมไปเตรียมตัวไว้ พอเขาถามผมก็เลยพอที่จะรู้ว่าควรที่จะทำแบบไหนให้มันทั้งตรงไปตรงมา และทั้งไม่ทำร้ายความรู้สึกเขา เพราะว่าเรื่องการที่เขาเรียกว่าการจัดการหลังการหย่าร้างมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศอย่างอเมริกา อย่างญี่ปุ่นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะอธิบายให้เขาฟัง บอกว่าพ่อกับแม่อยู่ด้วยกันไม่ได้ อาจจะเหมือนกันยีราฟกับจระเข้ เหมือนนิทานที่อ่านให้หนูฟังนั่นแหละ
แล้วก็คิดว่าถ้าแยกกันอยู่เราทั้ง 3 คนจะมีความสุขมากกว่าที่เราจะต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ความผิดของหนูแม่แต่นิดเดียว แล้วไม่ต้องกังวล หนูยังจะมีทั้งคุณพ่อแล้วก็คุณแม่ที่รักหนูเหมือนเดิม แล้วถ้าอยากจะเจอทีละคนหรือเจอพร้อมกันทั้ง 2 คนก็สามารถที่จะทำได้ อันนี้แปลเป็นภาษาไทยอาจจะประมาณนี้ แต่เวลาที่แปลเป็นภาษาอังกฤษก็จะมีวิธีในการตอบซึ่งจะตรงไปตรงมา แล้วก็ไม่ได้ให้ความหวังเด็กๆ ไม่ได้ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันนึงจะกลับมา ไม่ได้ให้เขารู้สึกว่าเป็นเพราะเราหรือเปล่าที่ทำให้พ่อแม่ทะเลาะกัน ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วก็อธิบายให้เขาฟัง”
อยากรู้ว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้มีโอกาสออกเดตกับคนอื่นบ้างไหม?
“(หัวเราะ) ไม่มีครับ (ไม่มีเวลาเจอใครเลย?) ไม่มีๆ (ไม่มีชอบใครเลย?) ไม่มีๆ ตอนนี้ชีวิตมันเหมือนลูกบอลกายกรรม คราวนี้มันมี 2 ลูกที่ผมปล่อยไม่ได้ เพราะถ้าเกิดปล่อยแล้วมันแตกลงพื้นคือ เรื่องการเมือง กับ เรื่องลูกสาว แค่ 2 อันนี้ผมก็แทบจะนอนในวันหยุดแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องกีฬาเรื่องชีวิตคู่อะไรก็ต้องเอาไว้ทีหลัง แต่ว่าก็ไม่ได้ปิดตัวเอง แล้วก็ไม่ได้คิดโทษความรักนะ มันก็โทษตัวเอง ก็ยังคิดว่าความรักสวยงามอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าไม่มีใครเข้ามา ไม่มีใครมาจีบเลย”
ไม่มีใครดีเอ็มมาหา?
“อ๋อ ดีเอ็มมี ดีเอ็มจีบก็มีบ้างแต่ว่าเป็นเพื่อนกัน แล้วพรรคผมเป็นพรรคที่มีวินัยเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศมาก แค่ก่อให้เกิดความรำคาญทางเพศอะไรพวกนี้ก็เข้ากรรมการวินัยแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาจะมีเรื่องอะไรที่เป็นอะไรแบบนี้มันไม่สะดวกที่จะตอบกลับ ก็ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่บางครั้งอาจจะตอบกลับไม่ได้ เพราะว่ามันก็จะกลายเป็นหลักฐานว่านี่เป็นเรื่องชู้สาวหรือไม่ อันนี้เป็นเรื่องของคนที่มีครอบครัวแล้วหรือไม่ อันนี้จะมีกี่ที่จะทำให้ก่อให้เกิดความรำคาญทางเพศหรือไม่
เพราะฉะนั้นพรรคของเราถ้าเชื่อในเรื่องเท่าเทียมทางเพศ การคุกคามทางเพศ มันไม่แค่ว่าต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวกัน หรือมีการทำให้เกิดความเสียหายทางร่างกายอย่างเดียว แต่ว่าในเรื่องของจิตใจ เรื่องของการที่จะทำให้ก่อความรำคาญพวกนี้ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ผมก็เลยไม่เคยได้ตอบใคร ก็ระมัดระวังตัวพอสมควร”