xs
xsm
sm
md
lg

“เปิ้ล หัทยา” ลั่นเคยพลาดเพราะไม่เชื่อลูก! “หนุน-หนัง” ชอบการแสดงทั้งคู่ แต่คนสวยกว่ามีเยอะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เปิ้ล หัทยา” แฮปปี้หวนจัดคอนเสิร์ตไทยในรอบ 3 ปี จัดคอนเสิร์ตเกาหลีต้องพึ่งความเฉียบของลูก ลั่นที่ผ่านมาเคยพลาด เพราะไม่เชื่อลูก ชี้ “หนุน-หนัง” ชอบการแสดงทั้งคู่ แต่คนสวยกว่ามีเยอะ

“เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง”
ได้เปิดใจถึงการปลุกกระแสเพลง “แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์” ในคอนเสิร์ต “ที่สุด...ของแจ้
ดนุพล” 
ที่จะกลับมาสร้างความประทับใจ บนเวทีคอนเสิร์ตในรอบ 10 ปี งานนี้เปิ้ล หัทยา เผยว่าต้องทำการบ้านหนัก เพราะคอนเสิร์ตยุค 80 - 90 มีค่อนข้างเยอะในตอนนี้ อีกทั้งตนก็ทิ้งห่างไป 3 ปีแล้ว

“ความพร้อมกับคอนเสิร์ต ซ้อมกันเยอะแล้วค่ะ ซ้อมเพลงในห้องซ้อม อาจมีเพลงพี่แจ้ ที่พี่แจ้อยากปรับเอาเพลงนี้ขึ้นมา คอนเสิร์ตไทยสุดท้ายที่ทำคืออำพล อัญชลี แต่คอนเสิร์ตที่ทำคือเกาหลี เคป๊อป ครั้งนี้ก็ดีใจที่ได้กลับมาทำคอนเสิร์ต มันก็อยู่ในสายงานของเรา

สถานการณ์ทุกอย่าง ถามว่าดีขึ้นไหม มีทั้งดีตรงที่เราต้องดูว่าเราทำคอนเสิร์ตไหน พอทำคอนเสิร์ตพี่แจ้ พี่แจ้มีแฟนคลับเยอะ มีน้องรุ่นใหม่ๆ มาร้องเพลงพี่แจ้ด้วย มีก้อง สหรัถ, บุรินทร์, บอย พีชเมกเกอร์, แสตมป์, เท่ง เถิดเทิง, นาย ณภัทร, ตั๊ก ศิริพร เลยเหมือนกับว่ามีหลากหลาย แต่ละคนก็ซ้อมเต็มที่ และให้เวลาเราพอสมควร

เวลาทำคอนเสิร์ตเราก็ต้องมานั่งคิดว่าเราจะทำคอนเสิร์ตในรูปแบบไหน แล้วควรทำคอนเสิร์ตใคร คนดูเป็นใคร มันมีองค์ประกอบหลายอย่าง อย่างคอนเสิร์ตไทย เราอยู่กับเพลงไทย เราจัดเพลงไทยตั้งแต่โอ้โห ยุค 80 เราคิดว่ายุค 80 90 เป็นยุคที่เพลงไทยเริ่มบูม เพลงไทยเป็นเพลงที่คนร้องตามและฮิตกันเยอะ พอจะจัดคอนเสิร์ตยุค 80 90 เราต้องดูว่าจะเป็นเพลงแบบไหน จะมีนักร้องเป็นหลัก หรือคนดูเป็นหลัก”

การลงทุนไทยกับเกาหลี อันไหนใช้งบมากกว่ากัน
“เกาหลี เพราะเกาหลีต่างประเทศ ต้องมีระบบของเขา มีเงื่อนไขในการทำงานหลายอย่าง มีเรื่ององค์ประกอบ ที่พักศิลปิน การดูแล โปรดักชั่นจะเป็นยังไง ต้องตามสเปกเขา แต่การทำคอนเสิร์ตไทยตอนนี้โปรดักชั่นเราก็ทำดี เท่าเทียม แต่คอนเสิร์ตไทยค่าลิขสิทธิ์เพลงแพง ถามว่าค่าตัวกับค่าลิขสิทธิ์สูสีกันไหม จริงๆ ค่าลิขสิทธิ์แพง

ถามว่าเอากำไรจากไหน เราอย่าไปคิดว่าเราจะทำแล้วกำไรมหาศาล อย่างคอนเสิร์ตพี่แจ้ เราทำเพื่อเปิดคอนเนกชั่นไปสู่คอนเสิร์ตอื่นๆ เพราะเราห่างหายจากการทำคอนเสิร์ต ล่าสุดคือคอนเสิร์ตอำพล อัญชลีก็เกือบ 3 ปีแล้ว ไม่ได้ทำคอนเสิร์ตไทยเลย ทำแต่ย่อยๆ เล็กๆ มาเป็นคอนเสิร์ตพี่แจ้นี่แหละ แล้วเดี๋ยวช่วงส.ค. - ก.ย. จะเป็นคอนเสิร์ตที่เป็นระบบอินเตอร์ ไม่ใช่สร้างโปรไฟล์ เป็นการทำงานที่เราได้เปิดตัวการทำงานว่าเฮ้ย ตอนนี้เรามาครบทีมแล้วนะ ตอนนี้มาด้วยคอนเสิร์ตพี่แจ้ มาด้วยคอนเสิร์ตเฟสติวัล คอนเสิร์ตปลายปี

คู่แข่งจัดคอนเสิร์ต 80 90 ตอนนี้เยอะมากเลย ถามว่าหนักใจไหม ก็ต้องดูว่าเราจะเอาอะไรเป็นหลัก เอาเพลงหรือศิลปินเป็นหลัก อย่างของเราในคอนเสิร์ตจะมีแต่เพลงพี่แจ้ พี่แจ้เขียน พี่แจ้เขียนเนื้อร้องและแต่งทำนองทั้งนั้นเลย แต่เพลงพิเศษอาจเป็นเพลงที่พี่แจ้ร้อง ซึ่งเราไม่บอกว่าเป็นเพลงอะไร”

คอนเสิร์ตเกาหลี
“เราทำคอนเสิร์ตเกาหลี ก่อนหน้านั้นเคยทำกับทีมอื่นๆ แล้วมาทำกับเพื่อนๆ ก็ที่ผ่านไป TREASURE เป็นแบมแบม, แจ็คสัน หวัง เหมือนเป็นคอนเสิร์ตที่เพิ่งเปิดประเทศเหมือนกัน TREASURE เขาเป็นหน้าใหม่ตอนนั้น พอ 45 นาทีบัตรหมด เราก็โอ้โห ต้องทำเคป๊อปให้ดีที่สุด เกาหลีก็ได้ประสบการณ์ เพราะมีเยอะที่เราคิดว่าจะได้แบบนี้ แต่ไม่ได้ คิดว่า 3-4 วันน่าจะหมด แต่ปรากฏว่า 45 นาทีก็หมด บางทีเราคิดว่าเฮ้ย เราน่าจะได้ประสบการณ์การทำงานแบบนี้ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่เราต้องเรียนรู้ต่อไป อย่างนี้เป็นต้น

เราทำช่วงก.ค. ปีที่แล้ว ยังเป็นช่วงที่มีการแข่งขันสูง เผอิญเขาให้ตัวเลือกมาเป็น TREASURE.ตอนนั้นเพิ่งเริ่ม แต่มาในรูปแบบเคป๊อปมาสเตอร์ เขาไม่ได้มาเดี่ยว เขามาอีก 2 วง เราถามว่าอีก 2 วงคือใคร ซึ่งก็เป็นแบมแบม และแจ็คสันเราก็รู้สึกว่าเฮ้ย มันน่าจะได้ เพราะ..น่าจะเป็นไปได้ มันก็ลงทุนสูง แต่พอคุยแล้วน่าจะเป็นไปได้ ก็เลยลองทำดู ตอนแรกไม่แน่ใจว่า TREASURE.จะมาไม่มา แต่พอพูดกับลูกเรา เขาบอกว่าได้เลย”

ลูกเป็นที่ปรึกษา เพราะรู้จักทุกคน โอดเคยไม่เชื่อลูกแล้วพลาด
“มากเลย เรื่องเคป๊อป แล้วนี่จะมีศิลปินเกาหลีอีกก็จะถามเขาเหมือนกัน เขาจะถามว่าคนนี้ได้ คนนี้ไม่ได้ บางทีเป็นดารานักแสดงด้วย เราบางทีไม่รู้จัก เหมือนพูดกับหนัง เขารู้จักทุกคน เขาช่วยหาข้อมูล และช่วยดูด้วยว่าเขาจะมีเรื่องต่อไปอะไร ถามว่าเขาประเมินตรงไหม ตรงนะ เฉียบ ก็มีหลายคนเหมือนกัน ที่เราไม่เชื่อเขาแล้วพลาดไป คนอื่นเอาไปแทน คว้าไม่ทัน เพราะเรามัวแต่งงๆ ว่าดีไม่ดี แต่คนอื่นคว้าไปแล้ว หนุนก็จะบอกว่าแม่ เข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงตัดสินใจช้า (หัวเราะ) แต่เดี๋ยวเขาจะไปทำกับกลุ่มเขาเองแล้วค่ะ ไปเติบโตด้วยตัวเอง ถามว่าทำไมไม่ดึงมาช่วย ก็ให้เขาช่วยบางอย่างเหมือนกัน”

ชี้ “น้องหนุน ศุภรา วงษ์กระจ่าง” เล่นละคร กดดันแน่นอน แต่ชอบการแสดงทั้งคู่
“หนุนตอนได้รับเลือกเล่นนางนาก สะใภ้พระโขนง เราก็แทบไม่ได้ไปกองกับเขาเลย ไปครั้งเดียวเอง แล้วเขาก็ไปกับพี่ที่ดูแลเขา นอกจากเขามาบอก มาปรึกษว่าโอ้ย ไม่กินแล้วเดี๋ยวน้ำหนักขึ้น เราก็ให้กำลังใจเขา เขาก็มีความกดดัน แต่พอเข้าไปอยู่กับทีมเวิร์คพ้อยท์ เขามีการฝึกซ้อมอ่านบท เขาก็โอเค เขาก็มีความมุ่งมั่นว่าจะทำให้ได้

เราคิดว่าเขากดดันนะ เราก็บอกเขาว่าต้องตั้งใจทำงาน ถ้าตั้งใจทำงาน สิ่งที่ตั้งใจจะทำให้เห็นผล ต้องขยันซ้อม ต้องมุ่งมั่น น้องหนุนคิดว่ารักการแสดง จริงๆ เขาชอบการแสดงทั้งคู่ เราจะบอกเขาว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ให้เป็นบทเรียนให้เราเรียนรู้ เพราะทุกชีวิตมีเรื่องราวด้วยกันทั้งนั้น เราไม่รู้หรอกเรื่องคนอื่นเป็นยังไง แต่เรื่องของเราในเมื่อได้ผลกระทบเป็นแบบนี้อย่าไปเสียใจ คิดซะว่าทุกอย่างคือบทเรียน จะสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง เขาก็ผ่อนคลาย แต่ก็ระมัดระวังตัวเอง เขากลายเป็นคนที่นิ่งขึ้น โตขึ้น เราคิดว่าทุกความทุกข์ที่เข้ามามันให้อะไรกับเรา อย่าคิดว่าชีวิตจะมีแต่ความสุขความสุขอยู่ที่ตัวเรา แค่ทำสิ่งที่เราชอบ แม้ไม่ได้ส่งผล 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามีความสุขมันก็มีความสุขแล้ว แต่ถ้าอะไรที่เป็นความทุกข์เข้ามา ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เราได้รับความสุขในอนาคตแล้วกัน เพราะความทุกข์คือสิ่งที่เราต้องเผชิญ

ไม่ถึงขนาดจับเข่าคุยกัน ก็คุยกันมากกว่าถ้าใครติดต่อมาจะเล่นไหม แต่ไม่ได้นั่งคุยกันจริงๆ จังๆ เขาก็อยากทำอะไรบางอย่างเหมือนกันควบคู่กันไปด้วย ปัจจุบันเราทำอะไรหลายๆ อย่างได้ เขาจะรู้จักอะไรหลายอย่างเยอะ เขามีรุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นเพื่อนที่จะทำมาด้วยกัน มีคอนเนกชั่นตัวเอง เราก็มองอยู่ตรงนี้ เราไม่ได้ขายงานแทนลูก แต่จะช่วยกันมากกว่า อะไรที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เขาก็จะบอก”

แจงกรณีคนมองสวยระดับนางเอก บอกมีคนสวยกว่าเยอะ อยากให้เติบโตแข็งแรง ดูแลตัวเองได้
มีคนสวยกว่าน้องเยอะค่ะ หนุน-หนังคิดว่าอยากให้เติบโตแข็งแรง ดูแลตัวเองได้ ทำทุกวันให้มีคุณค่า มีความหมาย ช่วยเหลือคนอื่นได้บ้างตามอัธยาศัย”







กำลังโหลดความคิดเห็น