“ณวัฒน์” ลั่นอย่ามาพูดถึงประชาธิปไตยในกรณี “เฌอเอม” เพราะนี่คือเรื่องธุรกิจ บอกไม่เคยรู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายนับถือศาสนาคริสต์ ในบัตรประชาชนระบุศาสนา ที่พูดเพราะต้องการสอนเฌอเอมในฐานะที่มีสิทธิ์คว้ามงฯ มากที่สุด การอยู่ในคนหมู่มากควรต้องทำยังไง ซัดไม่น่ารักทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง อยู่ในวงการมานานไม่เคยเจอเด็กแบบนี้ วอนใครเคร่งศาสนาช่วยอย่าออกมาประกวดนางงามเลยในชาตินี้
เป็นอีกประเด็นเดือดในเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 เมื่อ “เฌอเอม ชญาธนุส” มิสแกรนด์ลำพูน 2023 ปฏิเสธการทำกิจกรรมดูดวงกับ “แพม เปรมิกา”มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017 ด้วยเหตุผลว่านับถือศาสนาคริสต์ ไม่สะดวก และขออนุญาตคืนไมค์
ด้าน “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล”เจ้าของเวที ก็สวนกลับ พร้อมไลฟ์เดือดบอกว่า หาคนพร้อมใช้ ที่ไม่มีเงื่อนไข และอีกต่างๆ นานามากมาย ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นต่างและสนับสนุนบอสณวัฒน์ แต่จนท้ายที่สุดแล้ว เฌอเอม ก็ได้ออกมาโพสต์โซเชียลกราบขอโทษณวัฒน์ ที่แสดงกิริยาไม่น่ารักและไม่ควบคุมอารมณ์ของตัวเอง พร้อมบอกอีกว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
ล่าสุด ณวัฒน์ ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้งกับสื่อมวลชนว่า…
“มันไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตย แต่นี่มันคือธุรกิจที่เรามีข้อตกลงเหมือนกัน อันนี้เป็นการยืนยันสำหรับข้อกำหนดบางข้อ ซึ่งอันนี้มันคือมาตรฐานของมิสแกรนด์ฯ น้องอ่านและเซ็นทุกข้อ หากขาดกิจกรรม 2 ครั้ง เราสามารถปลดได้ นี่คือระเบียบการของมิสแกรนด์ฯ ทั้งหมด คำว่าประชาธิปไตยคือเราต้องมีสิทธิ์ที่เหมือนคนอื่น
เรื่องต่อไปก็คือน้องนับถือศาสนาคริสต์ อันนี้ผมต้องยอมรับว่าผมไม่ทราบ แล้ววันที่ผมประกาศว่ามีเกมนี้ออกมา เนื่องจากว่าเราต้องการที่จะทำกิจกรรมเพื่อเสริมคนดูทางบ้านโดยปกติอยู่แล้ว และงานมันจะหมดอีเวนต์แล้วเราก็เลยขออีกรอบหนึ่ง ซึ่งเราเลือก แพม เปมิกา เพราะเขามีความสนุกเรื่องนี้มีพรสวรรค์เรื่องนี้ ก็เลยบอกกล่าวให้กับผู้เข้าประกวดทุกคนเรียบร้อย สามารถดูได้จากไลน์กลุ่ม และการโพสต์ให้ทุกคนเข้า
แต่น้องบอกไม่ทราบ แสดงว่าน้องบกพร่องในการอ่านรายละเอียดเพราะใน Facebook และ LINE กลุ่มนางงาม ผมก็เป็นคนแจ้ง ต้องยืนยันว่าเราเป็นคนทำงานมีระบบ ซึ่งในไลน์กรุ๊ปอยู่ทั้งหมด 97 คน ในภาวะฉุกเฉินถ้ามีขอแก้ไขหรือมีอะไรสามารถแจ้งผมโดยตรงได้”
เล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุ เห็นอาการ ท่าทางของ “เฌอเอม” ไม่ดีตั้งแต่เดินมาแล้ว
“ผมเองมีการแจ้งไปอย่างชัดเจนอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราต้องการอะไรเราก็จะมีการแจ้งทุกอย่าง เราทำงานเป็นขั้นตอนทั้งหมดและในกลุ่มด้อมน้องรู้เรื่องนี้ทั้งหมดและระดมโหวต พอไลฟ์สดเฌอเอมยังไม่มา ผมเลยสังเกตสีหน้าว่าเดินมาแล้วหน้าหงิก และไม่สนใจใคร ผมก็โฟกัสไปแล้วตรงนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นเราก็ให้ผู้ช่วยเข้าไปถามว่าหนูเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นแหละ ผมก็กลับมานั่งที่เดิม ผู้ช่วยผมถึงจะส่งสัญญาณว่าเหมือนน้องจะไม่อยากทำกิจกรรมนี้ และคนดูเยอะมากวันนั้นในไลฟ์สด
พอถึงเวลาน้องเข้ามาผมก็เริ่มต้นจากการถามน้องว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ซึ่งผมต้องบอกถึงคนที่เป็นคนขยี้โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้เรื่องไม่ว่าจะเป็นอาจารย์อะไรก็แล้วแต่ ให้ใช้เวลาดูคลิปตั้งแต่ต้นก่อนที่จะใช้วิจารณญาณในการเขียน ซึ่งหลังจากที่ตัวเองบอกว่าตัวเองเป็นคริสต์ ผมเลยเอะใจว่าทำไมไม่แจ้งผมก่อนหน้านี้ และที่บอกว่าน้องแจ้งทีมงานไปแล้ว แต่ทำไมเขาไม่แจ้งผม ซึ่งเราก็มีไลน์กันตั้งแต่มาแจ้งก่อนงาน”
สอน “เฌอเอม” ในฐานะที่มีสิทธิ์คว้ามงฯ มากที่สุดการอยู่ในคนหมู่มากควรต้องทำยังไง
“ซึ่งผมก็ตกใจและอธิบายให้ฟังว่าการที่ผมอธิบายมันเป็นความรู้สึกเป็นเรื่องของกฎหมาย จงอย่ามาก้าวก่ายในเรื่องที่เราพูด ซึ่งผมบอกว่าถ้าเป็นผม ผมไปได้ทุกศาสนา ผมให้เกียรติทุกที่ และผมก็สอนน้องว่าการที่เราอยู่กับคนหมู่มากมันต้องทำยังไง และต้องยอมรับว่าเพื่อน 30 คนก็เลือกน้อง
น้องมีสิทธิ์คว้ามงฯ มากที่สุดคนนึง เราจึงต้องการความเคลียร์ว่าจะมาทำงานบริษัทเราใช่ไหม งั้นเราขอนำเสนอความคิดของเราว่ามันเป็นแบบนี้ แล้วผมไม่ได้บอกเลยว่าต้องทำแบบนี้หรือเป็นการบังคับว่าต้องทำแบบนี้ ถ้าน้องเกิดได้เป็นนักแสดงต้องบวงสรวง หรือต้องไปทำงานกับสปอนเซอร์ในเรื่องของความเชื่อ มันก็จะเป็นปัญหา ไม่ว่างานที่รับไว้มันจะทำไม่ได้ ผมก็เลยถามว่าถ้าจะอยู่ในวงการบันเทิงมันจะต้องคิดอีกแบบหนึ่งว่าอะไรที่มันเป็นการทำเพื่องาน หรือว่าน้องอยากเป็นนักการเมืองก็ต้องทำงานตามกฏหมาย
คือเราก็มองภาพรวม แล้วเราก็บอกว่าถ้าเราทำไม่ได้ และไม่รู้จะไปทางไหนดีแค่นั้นเอง แล้วก็ไปบดขยี้หาว่าไม่ถูกต้องไม่อะไรใดๆ ทั้งสิ้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าอันนี้เป็นความคิดของผมว่าทำไมผมจะไม่ถูกต้อง เพราะว่าผมกำลังสอนคน เพราะว่าเขาอยากเดินตามความฝันแต่ว่ามันจะทำยังไงเขาจะรู้จักวางตัวให้มันเป็นไปได้”
ลั่นที่ตนพูดเช่นนั้นกับ “เฌอเอม” ไม่ได้เป็นการละเมิดศาสนาแต่อย่างใด ตนให้สิทธิ์เลือกจะไม่ทำแล้ว แต่กลับทุบจนกลายเป็นประเด็นขึ้นมา
“ผมไม่ได้มองว่าใครละเมิดศาสนาหรือกฎใดๆ ทั้งสิ้น ผมยินดีและประโยคสุดท้ายก่อนที่น้องจะวางไมค์ผมพูดว่าอะไรไปย้อนดู ซึ่งคนที่พิมพ์ด่าเราว่าผมรู้สึกว่าผมเสียดายกับคำว่าคุณวุฒิที่อยู่ข้างหน้า เพราะว่าศาสนาไหนก็แล้วแต่ ผมก็ยังพูดว่าถ้าอย่างนั้นไม่ต้องดูก็ได้ กลับไปย้อนดูได้ รบกวนช่วยฟังผมด้วย เพราะผมยังพูดว่าไม่ต้องดูก็ได้
ถ้าเป็นคนเข้าใจที่ผมพูดอย่างนั้น จะบอกว่าหนูขอไม่ดู หนูขอโทษพี่ณวัฒน์ด้วยนะคะ หนูขอโทษคนดูด้วยนะคะ และทุกอย่างจะจบลง แต่หนูไม่จบน้องบอกว่าหนูขอใช้สิทธิ์ในการให้เพื่อนออกมาแทนซึ่งผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเกณฑ์ ถ้าน้องจะมาเพิ่มกติกาเองมันก็เป็นไปไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิ์เหมือนกันทุกคน จะไปเรียกคนอื่นมาพูดไม่ได้ ผมก็เลยบอกว่ามันไม่ได้จริงๆ ก็เลยไปเปรียบเทียบว่าถ้าวันนึงวันใดหนูไม่อยากประกวด และหนูเรียกเพื่อนมาเดินแทนมันก็ทำไม่ได้
และที่สำคัญที่สุดคุณเป็นผู้ถามเราเป็นโจทย์ถ้าทำไม่ได้ไม่เป็นไร มีสิทธิ์ที่จะเลือกที่จะไม่ถามแต่คุณยังเลือกที่จะอยากทำแต่ให้เพื่อนมาช่วยทำมันไม่น่ารัก และยังไม่จบเท่านั้นยังไม่พออาจจะเข้าใจ เขายังบอกว่าขอหนูพูดกับแฟนคลับได้ไหม แต่อันนี้มันไม่ใช่ทอล์กโชว์สำหรับทุกคน เขาก็ยังพูดต่ออีกว่าขอหนูพูดหน่อย อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายผมเลยมองว่าทำไมต้องทุบหลังให้ผมหลังแอ่นขนาดนี้”
รู้สึกผิดหวังอยู่ในวงการมาไม่เคยเจอเด็กแบบนี้ คิดแต่จะต่อต้าน แหกกฎตลอด ทำตัวไม่น่ารักขอโทษสักคำวันนั้นยังไม่มี
“ผมอยู่ในวงการมาผมไม่เคยเจอเด็กต่อต้านหรือปฏิเสธหรือพยายามกระแทกแหกกฎได้เยอะขนาดนี้ ผมเลยบอกว่าไม่ได้ครับทุกคนต้องเสมอภาค ถ้าอยากพูดก็ไปพูดในด้อมแต่จะมาพูดตอนนี้ทางแฟนคลับคนอื่นจะมารับรู้อะไรได้ยังไง ผมก็รู้สึกผิดหวังและรู้สึกว่าถ้าขอโทษมันก็คือจบ ขอโทษสักคำก็ไม่มีก้มหัวสักครั้งก็ไม่มี ไหว้สักทีก็ไม่ได้ เชิดหน้า รุ่นพี่ 2017 ผู้บริหารบริษัทเต็มไปหมด ที่โกรธคือมารยาทและการต่อรองที่มีควรจะต่อรอง ทำไม่ได้ก็จบ
จนกลายเป็นแบบว่าคนที่ไม่รู้ไม่ได้เสพตั้งแต่ต้นจนจบมาเอาประเด็นคริสต์ดูดวงได้ไหมไปขยี้กัน มันไม่ใช่ มันไม่ใช่เรื่องที่ผมไม่อยากให้เขาดู ถ้าคริสต์ดูดวงไม่ได้ ผมสนับสนุน ไม่ต้องดู บอกผมตั้งแต่แรก ส่งไลน์มาเลย ผมยินดีที่จะปฎิบัติ ถึงตรงหน้าแล้วก็ยังมีสิทธิ์ไม่ดูก็ได้ ก็จบ ผมให้สิทธิ์วิธีการจบหลายทอดแล้วแต่ ไม่แน่ใจว่าน้องอยากมีแสงหรืออยากทะเลาะ หรืออยากเป็นประเด็น ทำไมยื้อตลอดเวลา จบก็คือจบ แล้วเวลาจบ เชิ่ด 5 เชิ่ด 10 ไม่สนใจ ไม่ไหว้ ไม่ขอโทษ เชิ่ดหน้า สะบัด 180 องศา เดินตัวตรง ไม่เหลียวแลสิ่งที่เกิดขึ้นนี่คือความไม่น่ารัก”
วอนใครเคร่งศาสนาช่วยอย่าออกมาประกวดนางงามเลยในชาตินี้ ชี้ตนไม่รู้จริงๆ ว่า “เฌอเอม” นับถือศาสนาคริสต์ เพราะในบัตรประชาชนระบุไม่นับถือศาสนา ปีก่อนๆ ที่ประกวดก็ยังร่วมกิจกรรมศาสนาพุทธ
“อย่าเอาเรื่องดูไพ่ ดูดวงแล้วมันจะผิดหรือไม่ผิด ผมเห็นด้วยนะครับ ดูไม่ได้ก็ไม่ควรดู แล้วผมจะบอกว่าทุกศาสนา ถ้าเคร่งจริงๆ กิจกรรมการประกวดก็ไม่ควรที่จะมา ผมวิงวอนเลยนะครับสำหรับคนที่เคร่งช่วยอย่าออกมาประกวดอีกเลยในชาตินี้
ผมมีคุณเทเรซ่า ผู้ช่วยผมที่เกิดมาก็เป็นคริสต์ เขาคุยกับผม เขาคุยกับบาทหลวงแล้วส่งข้อมูลมาให้ผม เขาบอกว่าถ้าพูดถึงการดูไพ่แล้วผิดไหม เขาบอกเลยว่าทุกศาสนาดูดวงผิดหมด แล้วผมก็ไม่รู้ว่าเฌอเอมไปเป็นคริสต์ตอนไหน ผมเห็นเฌอเอมประกวดเวทีที่แล้วนุ่งชุดไทย ถือดอกไม้ ถือธูปเวียนเทียน แล้วเขาก็เคยดูดวงกับแพม เปรมิกา ดูจนเกือบหมดสำรับแล้วจะรู้หรือว่าไม่เต็มใจ คนอย่างเฌอเอมไม่เต็มใจทำได้ด้วยเหรอ
ผมกลับไปดูย้อนหลัง ผมไม่มั่นใจว่าเขาศาสนาอะไร ไปถ่ายคลิปที่พระธาตุลำพูนก็ยกมือไหว้เอาไหว้เอา ผมไม่รู้เลยว่าเขาเปลี่ยนตอนไหนจริงๆ ผมถึงขั้นต้องไปหาบัตรประชาชนเขามาดู ก็เพิ่งไปเปลี่ยนมา ระบุว่าไม่บอกศาสนา ผมไม่รู้จริงเพราะที่ผมรู้จักเขา เขามีพฤติกรรมเป็นพุทธ แต่จะเป็นศาสนาอะไรไม่แปลกเลย
ผมยืนยันอีกครั้งนึงนะครับ ผมเคารพทุกศาสนา สิ่งที่ผมพูด ผมแค่รู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่เคยเห็นมาก่อนกับวันนี้ที่อยู่ๆ ก็มาเป็นแบบนี้ และเขาอยากจะมาใช้ชีวิตเป็นคนในวงการบันเทิง ผมเลยสอนในฐานะที่ผมอยู่ในวงการบันเทิงนานกว่า 25 ปี มันก็คือหนึ่งในเอ็นเตอเทนเมนต์และการแสดง ถ้าเป้าหมายคุณใหญ่จริงคุณก็ต้องทำการแสดงเพื่อให้ได้วัตถุประสงค์ที่คุณต้องการได้มา ตามหลักการพระเจ้าอยากให้คุณไปส่องแสงเพื่อให้ทุกคนมีความสุข แล้วทุกคนที่เขาจ่ายเงินเขารอความสุขจากคุณ คุณไม่ให้แสงแห่งความสุขเขาเลยเหรอ มันไม่มีอะไรที่บอกได้ชัด 100% ผมบอกเลยว่าผมไม่อยากไปยุ่งเรื่องของศาสนา
ผมต้องการพูดเพื่อสอนให้ไปสู่จุดหมายปลายทาง ที่เขาต้องไปผ่าหน้าอก ต้องทำทุกอย่างเพื่ออะไร มาถึงจุดนี้จะต้องปรับตัวแบบไหน ซึ่งเราไม่เคยบังคับ แล้วเราให้สิทธิ์คุณแล้วไม่ต้องดูก็ได้ แต่เขายังอยากได้สิทธิ์จะเรียกเพื่อน เตือนอีกครั้งนึงก็ยังจะเรียกเพื่อน เลยต้องบอกว่าถ้าประกวดให้เพื่อนเดินแทนได้ไหม เขาเลยเปลี่ยนมาขอพูด จะพูดเพื่ออะไร ก็จบแค่นี้”
รู้สึกเฉยๆ กับคำขอโทษของ “เฌอเอม” ที่ออกมาพูดทีหลังจากเกิดเรื่องดรามาแล้ว
“เฉยๆ ครับ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันที่น้องเขาพุ่งมาเลย มาพูด 5-6 นาทีแล้วก็หายไป แล้วก็มาอีกทีนึงพร้อมดอกไม้ เขาก็บอกว่าขอโทษนะคะ ที่สอนหนูหนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะปรับปรุงแล้วค่ะ เขาทำให้ทุกคนเดือดร้อนนะครับ แฟนคลับเสียใจ พีดีร้องไห้ ผมขาเจ็บ ทำให้คนไปเขียนข้อความผิดๆ ถูกๆ ผมเองก็ไม่อยากคุยอะไรกับเขาแล้ว”
ชัดเจนเรื่องนี้มีผลกับการประกวดแน่นอน พร้อมบรรยายความเงื่อนไขเยอะของ “เฌอเอม”
“มีผลอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ เราตัดทุกเรื่องออกไปที่นี่คือที่รับสมัครงาน (โอกาสได้มง?) ไม่น่าจะเหลือนะครับ มีผลต่อการเข้ารอบแน่นอน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมเพิ่งมารู้ กับล่าสุดกิจกรรมร้องเพลง น้องส่งคลิปมาประกวดร้องเพลง แล้วน้องติดเข้ารอบ 25 คน แล้วเดี๋ยวระเบียบฯ จะมาแคสติ้งร้องสด ตอนกลางคืนน้องงอแง ขอถอนตัวผมบอกไม่ได้ เราประกาศไป 3 วันแล้ว แฟนคลับน้องที่คอยดูคอยเชียร์จะรู้สึกยังไง ผมเลยส่งคนไปบอกว่าต้องขึ้นประกวดต่อ ถ้าคิดจะไม่เอา ไม่อยากร่วมอีเวนต์นี้ต้องแจ้งตั้งแต่ทีแรก อย่าส่งเทปมาประกวดพอเข้ารอบแล้วจะยกเลิก เพียงแค่ไม่มั่นใจในเสียงร้อง กลัวว่าตัวเองจะไม่เหมาะ ก็ต้องให้ขึ้นครับ ก็ร้องอย่างที่รู้ แต่ก็ยังดีกว่ามางอแง
ยังมีเรื่องไปสัมภาษณ์ บอกไม่สบาย ขอไปนั่งสัมภาษณ์เป็นกรณีพิเศษ เราก็บอกไม่ได้นะ ถ้าจะไปหนูก็ต้องยืนด้วยตัวของตัวเองเหมือนคนอื่น แล้วยังมีสัมภาษณ์แล้ว ผ่านไปคืนนึง ไปสั่งให้เขาลบข่าวเพราะคิดว่าที่พูดไปไม่ดี สิ่งที่น้องไม่ระวังคือไม่รักษาน้ำใจคนเขาบอกถ้าไม่ได้สัมภาษณ์สื่อองค์กรจะรับผิดชอบอะไรให้หนู มันมีแต่เรื่องเจ็บๆ มานับครั้งไม่ถ้วน ผมไม่รู้ว่าการมาประกวดเขาจะวางโพสิชั่นนิ่งแบบไหน คนเรามีไอคิวแล้วต้องมีอีคิว มิสแกรนด์ฯ เราเช็กทั้งไอคิวและอีคิว น้องจะทำยังไงก็ได้แต่อย่าปล่อยให้เกมมันจะไปถึงได้ที่ 1 แล้ว เขาเสียเงินกันเป็นแสนๆ เพื่อจะดันคุณโหวตคุณเป็นที่ 1 หนูปล่อยให้เขาโหวตหนูจนขึ้นเป็นที่ 1 ได้ยังไง เขาก็บอกมาว่าแล้วก่อนโหวตเคยถามหนูบ้างไหมว่าหนูอยากทำกิจกรรมไหนไหม”
ครั้งนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับตนเช่นกันปีหน้าจะรอบคอบกว่านี้
“อยากจะบอกไว้เป็นอุทาหรณ์ และปีหน้าเราจะรอบคอบกว่านี้ การดูดวงไม่ใช่ครั้งแรกของมิสแกรนด์ เขาต้องรู้ก่อนประกวดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเจอถ้าไม่จำเป็น ไม่อยากเจอ ไม่ต้องมาประกวด ฉะนั้นคนที่เครียดหรือเคร่งต้องพิจารณาตัวเองให้ดีว่าไม่ควรอยู่ในวงการบันเทิง คุณอาจจะได้รับบทบาทที่คุณไม่อยากทำก็ได้ เราก็ให้โอกาสคุณแหละ แต่ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง เราไม่รู้ น้องก็คงมั่นใจอยากจะมาประกวดเวทีเราถึงขนาดเปลี่ยนแปลงตัวเองทำศัลยกรรมมาเยอะ
ผมสนับสนุนคนที่นับถือทุกศาสนา ผมสนับสนุนให้ดำเนินไปตามครรลองที่ถูกต้อง ต้องค่อยๆ ไปไตร่ตรองด้วยตัวเองถ้าทำถูกต้องควรจะไปที่ไหน ควรจะใช้ชีวิตอยู่ตรงไหน มิฉะนั้นจะกลายเป็นขัดแย้งกับคนอื่นเปล่าๆ”
