เป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อยจากกรณีที่นายทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้ไปให้สัมภาษณ์กับนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา โดยช่วงหนึ่งเจ้าตัวได้เล่าถึงเหตุการณ์การเสียชีวิตของบิดาตนเองนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์
ทั้งนี้เจ้าตัวระบุว่าตอนที่่พ่อเสียชีวิตนั้นเป็นช่วงรัฐประหารรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ขณะนั้น ตนอยู่ที่บอสตัน จึงได้นั่งเครื่องบินไทยคู่ฟ้ากลับมาไทย แล้วโดนกักตัวที่กองทัพอากาศจนทำให้ไปงานศพพ่อ 2 คืนแรก ไม่ทัน นอกจากนี้ยังโดนอายัดบัญชีทำให้ไม่มีเงินไปจัดงานศพ จนเรื่องดังกล่าวดูเหมือนจะเรียกคะแนนสงสารพร้อมๆ กับสร้างความรู้สึกเกลียดชังคู่ต่อสู้ทางการเมืองให้กับแฟนคลับได้อย่างมากมาย
อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปอ่านบทสัมภาษณ์ของเจ้าตัวในอดีตก็พบว่าไม่ตรงกับคำพูดที่นายพิธาเล่าสักเท่าไหร่ ล่าสุดก็เลยมีหลายคนออกมาตั้งข้อสังเกตถึงข้อเท็จจริงต่อเรื่องดังกล่าวมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นนายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทยฯ ที่มีการโพสต์เฟซบุ๊กตั้งข้อสงสัยถึงเที่ยวบินที่ยนายพิธาบินกลับว่ามีการใช้เส้นสายอะไรหรือไม่? เพราะเที่ยวบินดังกล่าวเป็นเที่ยวบิน “ไทยคู่ฟ้า” ที่เป็นเครื่องบินของรัฐบาลและเป็นเที่ยวบินนำคณะรัฐมนตรียุคนายทักษิณไปประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์ก แต่ทำไมเจ้าตัวที่ไม่ได้มีตำแหน่งหรือบทบาทอะไรเลยถึงได้ร่วมบินกลับมาได้ (คลิกอ่านต้นโพสต์)
นอกจากนี้ทางด้าน พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี หรือ เสธ.นิด อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกับนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ บิดาของนายพิธา ก็ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Vachara Riddhagni ระบุว่าตนเองมีโอกาสไปงานศพของบิดานายพิธาในคืนแรกก็ยังเจอกับนายพิธาอยู่เลย
ส่วนเรื่องที่ว่า "ต้องวิ่งวุ่นหาเงินจัดงาน" นั้น เรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะว่าอีกฝ่ายมาจากตระกูลที่ร่ำรวย แถมผู้ตายยังมีบริษัทให้บริหารกว่า 10 บริษัทอีกต่างหาก
ข้อพิจารณาเพิ่มเติมการให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นักการเมือง ในคำให้สัมภาษณ์กับนายสรยุทธ ๒ เรื่องที่เขากุขึ้นมา
๑. ถูกควบคุมตัวที่กองทัพอากาศ ดอนเมือง จนมางานศพไม่ทันแท้จริงแล้ว เขาถูกกักตัวที่ กองทัพอากาศเพราะวันนั้น คมช.ยึดอำนาจแล้วและตัวเขาเองก็ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก ๒๕๕๒ ว่า “ถูกกักตัวเพียง ๔-๕ ชั่วโมงเท่านั้นเพราะว่าเหตุการณ์กำลังตึงเครียด(ระวังกองทัพอากาศอาจจะฟ้องหมิ่นประมาทให้ร้ายกองทัพอากาศได้นะ)”
แต่มาให้สัมภาษณ์ปีนี้ว่า “ถูกกักตัวจนมางานศพพ่อไม่ทัน” งานสวดศพคุณพงษ์ศักดิ์นั้น คืนแรกผมก็ไปและได้เจอนายพิธาด้วย”
คุณพ่อเขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เคยทำงานด้วยกันที่ อตก.และ พูดคุยกันบ่อย พี่ชายหรือลุงนายพิธารู้ดีเพราะเป็นเพื่อนรุ่นที่สนิทกันพอควร
แม้ก่อนเสียชีวิตนั้นผมแนะนำว่าคุณพงษ์ศักดิ์ว่า ควรจะไปโรงพยาบาลศิริราช เพราะเกิดอาการไอต่อเนื่องไม่ทราบสาเหตุ
ผมแนะนำเพราะคิดว่าต้องมีการวินิจฉัยอย่างละเอียดด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ประจำห้องแลป ยังคุยกันอยู่ก่อนตายครับ
๒. นายพิธากุเรื่องให้เป็นดราม่าว่า “ต้องวิ่งหาเงินทำศพพ่อ” ไร้สาระจริง อยากสร้างดราม่าเพื่อให้คนสงสาร
คุณพงษ์ศักดิ์เป็นนักธุรกิจฐานะเศรษฐี อีกทั้งตระกูลนี้มีฐานะร่ำรวยจากเป็นผู้นำเข้าเชือกมะนิลาผู้เดียวในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพามีห้างในสำเพ็ง
ก่อนคุณพงษ์ศักดิ์เสียชีวิตคุณพงษ์ศักดิ์บริหารกิจการกว่า ๑๐ กว่าบริษัท นายพิธา มาสร้างดราม่าเขาไม่มีเงินเพราะถูกควบคุม
คสช.ไม่เคยควบคุมการเงินของตระกูลนี้เลยครับ (ผมต้องรู้ครับเพราะลุงของพิธามีโยงใยกับเพื่อนทหารหลายคนและคงต้องแจ้งให้พวกเราทราบและบุคคลในตระกูลนี้ไม่มีใครถูก คสช.ควบคุมตัวแม้นายผดุง ก็ตาม (ลองตรวจสอบดู) (คลิกไปที่โพสต์)