xs
xsm
sm
md
lg

“โอม ภวัต” ลั่นไม่ต้องรีบให้อภัย สิ่งที่เจอตอนนี้สมควรได้รับ! ละอายกับสิ่งที่ทำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“โอม ภวัต” เสียใจถูกปลดพรีเซ็นเตอร์ เผยทักแชตขอโทษเพื่อนที่เคยแกล้งอีกรอบ เพื่อนอ่านแต่ไม่ตอบ รับอดีตเล่นจนเลยเถิด เพื่อนเกิดบาดแผลในใจ ไม่ลืมเหตุการณ์เป็นบาดแผลในใจตนเหมือนกัน ลั่นละอายกับสิ่งที่ทำทุกๆ ครั้งที่ลืมตาตื่น ไม่ต้องรีบให้อภัย สิ่งที่เจอผมสมควรได้รับมัน

กลายเป็นดรามาใหญ่โต สำหรับกรณีที่ “โอม ภวัต จิตต์สว่างดี” โดนแฉว่าเคยบลูลี่และแกล้งเพื่อนที่เป็นเด็กพิเศษสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น แม้เจ้าตัวจะชี้แจงและพร้อมเผยว่าได้ขอโทษเพื่อนคู่กรณีไปแล้ว แต่ต่อมา ดรามาก็ระอุ หลังถูกแบรนด์ดังถอดพรีเซ็นเตอร์ จนต้นสังกัดอย่างจีเอ็มเอ็ม ทีวี ประกาศฟ้องแบรนด์ดัง เพื่อทวงความเป็นธรรมให้โอม โดยมองว่าเจ้าตัวไม่ได้ทำผิดกฎหมาย อีกทั้งเรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องราวในอดีต

ล่าสุดหนุ่มโอมได้มาเปิดใจต่อหน้าสื่อเป็นครั้งแรกในงานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง รักแรกโคตรลืมยาก ณ ลานอินฟินิซิตี้ฮอลล์ ชั้น 5 Paragon Cineplex, Siam Paragon บอกขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด

“สำหรับกรณีนี้ผมขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ขอโทษจริงๆ อีกหนึ่งครั้งครับ เรื่องราวเป็นตอนสมัยที่ผมเรียนมัธยมต้น และตอนนั้นผมก็ได้รับการลงโทษอย่างเต็มที่ที่สุดจากทางโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่มีกรณีนี้ขึ้นมาผมก็ได้ทำการทักไปติดต่อกับเพื่อนๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์อีกรอบหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย เขาก็อ่านแชตผมครับ แต่ไม่ได้ตอบ

จริงๆ ตอนนั้นด้วยความที่กับกลุ่มเพื่อนๆ ก็มีความคึกคะนอง แล้วก็เหมือนเล่นกัน จนบางทีอาจจะเลยเถิดกันไป จนทำให้เพื่อนมีบาดแผลในใจ หรือว่าทำให้เพื่อนได้รับผลกระทบ หรือรู้สึกไม่ดี ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้น ก็ตอนสมัยเด็ก แล้วผมก็โดนทำการลงโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พอหลังจากที่โดนทำการลงโทษ ผมก็ทำการขอโทษเพื่อนต่อหน้า แม้กระทั้งโดนลงโทษจากครู รวมถึงกลุ่มเพื่อนๆ ที่เล่นด้วยกัน แล้วก็มีการที่ผู้ปกครองของผมโทร.ไปขอโทษผู้ปกครองของฝั่งเพื่อนคู่กรณีด้วยครับ”

บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น
“ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นจนถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ผมจะไม่ลืมเลยครับ คือจริงๆ ก็เป็นบาดแผลในจิตใจของผมเหมือนกัน ผมก็มีความละอายใจตัวเองที่ผมทำอะไรแบบนั้นลงไปตั้งแต่สมัยนั้นจนมาถึงวันนี้พอเรื่องราวเกิดขึ้นอีก ผมก็ต้องขอโทษอีกทีจริงๆ จากใจครับ (ยกมือไหว้) ที่เรื่องราวในอดีตมันสร้างบาดแผลให้กับเพื่อน รวมถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้เรื่องราวจากครั้งนี้ ผมเรียนรู้ถึงไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนปกติหรือไม่ปกติ หรืออะไรก็ตามแต่ไม่มีใครควรโดนแกล้ง เราควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราไม่ควรทำแบบนี้

ซึ่งเป็นสิ่งที่สอนผมมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ว่าผมต้องไม่ทำแบบนั้นอีก ทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น ทำให้ผมมองโลกกว้างขึ้น และก็รู้สึกผิดมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ และอีกอย่างนึงคือผมไม่ทราบจริงๆ ว่าเพื่อนเป็นเพื่อนพิเศษ หรือว่าอะไรยังไงไหม และผมบอกตรงนี้ว่าผมไม่มีเจตนาที่จะทำร้าย หรือทำให้เกิดบาดแผลทางจิตใจเกี่ยวกับเพื่อนที่เป็นเด็กพิเศษ หรืออะไรก็ตามแต่จริงๆ ครับ”

ยอมรับเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพื่อนคู่กรณีก็ให้อภัยนานแล้ว
“ก็เครียดครับ คือแรกสุดพอเกิดเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมา สิ่งที่ผมทำคือผมวิเคราะห์ก่อนว่า เรื่องราวเป็นอะไรยังไง เสร็จปุ๊บพอผมรู้ตัวว่าผิดจริงๆ ผมก็เลือกที่จะทำการบอกกล่าวให้คนที่อยู่ในโซเชียลมีเดียของผม เพื่อแถลงเรื่องราวทั้งหมดทางโซเชียลมีเดียของผม รวมถึงไปขอโทษเพื่อนที่เป็นคู่กรณี โดยตรงอีกรอบหนึ่งครับ

ถามว่าพอโพสต์ไปแล้วคิดว่าเรื่องมันจะโอเคขึ้นไหม คือวันนั้นผมไม่รู้จริงๆ ว่ามันโอเคขึ้นหรือไม่โอเค แต่ในเจตนาของผมแค่ต้องการขอโทษและรู้สึกผิดและสำนึกกับสิ่งที่ผมได้ทำลงไปจริงๆ รวมไปถึงที่บ้านก็ทักไปขอโทษเพื่อนอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงคนรอบข้างตัวไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในปัจจุบัน หรือว่าพ่อแม่ที่ได้รับผลกระทบหรือว่าเสียใจกับเรื่องนี้ ผมก็มีเจตนาที่จะขอโทษจริงๆ จากใจ ซึ่งจริงๆ เรื่องราวมันจบไปตั้งแต่ผมอยู่มัธยมต้นแล้วครับ เพื่อนให้อภัยผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ สัญญาจะไม่กลับไปเป็นเด็กเกเรแบบเดิมอีก
“ผมถือว่ามันเป็นบทลงโทษที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับผมครับ ตลอดเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมไม่ได้อยู่เฉยๆ ผมรู้สึกผิดและรู้สึกละอายใจต่อตัวเองในทุกๆ วันที่ผมต้องตื่นขึ้นมา พูดตรงๆ ถ้าย้อนเวลาไปได้ผมคงไม่ทำ จนถึงวันนี้ผมย้อนไปแก้อดีตไม่ได้ ได้แต่ทำปัจจุบันให้มันดีขึ้น

ก็ส่งผลกับสภาพจิตนิดนึงครับ มีความเครียดเกิดขึ้นจริงๆ ไม่อยากไปไหนเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าสิ่งที่สอนผมและเตือนความจำผมเลยคือมันเป็นเรื่องที่น่าละอาย จริงๆ ไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว แต่ในเมื่อตอนเด็กผมพลาด ผมทำเพื่อนรู้สึกไม่ดี แล้วผมทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนเลย รวมไปถึงสัญญาและปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมจะไม่กลับไปเป็นเด็กโอมคนนั้นที่นิสัยไม่ดีอีก

ผมขอโทษตรงนี้อีกครั้งหนึ่งครับ และทุกคนไม่ต้องรีบให้โอกาส ไม่ต้องรีบให้อภัยผมก็ได้ จริงๆ สิ่งที่ผมเจอผมควรจะได้รับมัน เพราะว่าผมนิสัยไม่ดีเองตอนเด็ก มันเป็นบทลงโทษของผมจริงๆ จากนี้ผมขอสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก และจะไม่ให้เกิดขึ้น รวมถึงอยากให้ยกเคสของผมเป็นเคสกรณีศึกษาเลย ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ก็ตาม เรื่องที่ไม่ดีไม่ควรเกิดขึ้นเลย ทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนเป็นเพื่อนกัน”

ขอโทษแฟนๆ ที่ทำให้ผิดหวัง จากนี้ขอทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
“ก็ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ขอโทษทุกคนที่ได้รับผมกระทบ ขอโทษแฟนๆ ที่ทำให้ผิดหวังและเสียใจในตัวผม รวมถึงขอโทษไปถึงเพื่อนคู่กรณี ผมอาจจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ณ ช่วงเวลาที่ผ่านมา หรือใดๆ ก็ตาม ผมขอพูดว่าผมย้อนอดีตกลับไปไม่ได้จริงๆ สิ่งที่ผมทำได้คือผมเรียนรู้ จากความผิดพลาดในตัวผม และทำตัวเองให้ดีขึ่นต่อไปในอนาคต และผมสัญญาว่าจะไม่กลับไปทำตัวแบบนั้นอีก และฝากขอบคุณกำลังใจด้วยครับ และขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ผิดหวังและเสียใจในตัวผมครับ

ถามว่าท้อไหม ก็มีท้อครับ คือจากใจเราด้วยความที่รู้สึกผิดมากๆ ผมแค่ไม่รู้จะขอโทษยังไง หนึ่งคือเราขอโทษเพื่อนคู่กรณีไปโดยตรงแล้ว สองผมลงข้อความในโซเชียลมีเดียส่วนตัวผมเพื่อที่จะขอโทษทุกๆ คนที่ผ่านมาเห็นแล้วอีกทีนึง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะขอโทษยังไง ก็เลยท้อ เครียด แต่ว่าสิ่งที่ผมทำได้ในทุกๆ วันที่ผ่านมา คือผมต้องทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายมาในแต่ละวันให้ดีที่สุด ปรับปรุงตัวและสำนึกในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นแล้วจริงๆ สำนึกจริงๆ ไม่ให้มันเกิดซ้ำอีกครับ ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ

ตกใจและเสียใจถูกปลดพรีเซ็นเตอร์เซ่นข่าวในอดีต
“เรื่องของรายละเอียดของเรื่องราวที่ทางค่ายประกาศไป อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ เป็นเรื่องของทางค่ายกับทางฝั่งนั้น แล้วก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ถ้ามีอะไรอัปเดตเดี๋ยวให้ทางค่ายออกมาชี้แจงเพิ่มเติมจะดีกว่าครับ แต่ก็ตกใจมากครับ แล้วก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ให้ทางค่ายเป็นคนดำเนินการดีกว่าครับ แต่หนึ่งเลยคือผมละอายใจมากๆ จริงๆ และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าย้อนไปได้ ผมคงเสียใจมากๆ ถ้ารู้ว่าสิ่งที่ผมได้ทำไปตอนสมัยเรียน มันทำให้เป็นบาดแผลที่อยู่ฝังลึกจิตใจของเพื่อนมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ และเรียนรู้ในตลอดเวลาที่ผ่านมา

จริงๆ แล้วหลังจากที่ตอนม.ต้นจบเรื่อง ผมโดนลงโทษ ผู้ปกครองผมได้โทร.ไปขอโทษ หรือผมจะโดนฟาด โดนไม้เรียว จริงๆ ตอนนั้นมันหนักมากสำหรับผมแล้วนะ เพราะว่านึกภาพมันคือขั้นสุดของโรงเรียนแล้ว และผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะต้องโดนแบบนั้น จนผมเห็นพ่อแม่รู้สึกแย่มากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็ปฏิญาณตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าผมจะดีขึ้น พยายามให้ตัวเองดีขึ้นในทุกๆ วัน จะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจอีก หรือแม้กระทั่งเพื่อนหรือคนรอบตัวที่เราเจตนาทำให้เขามีบาดแผล แต่บางทีผมก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเป็นกาย วาจา หรือจิตใจ ยังไงผมก็ต้องขอโทษไว้ตรงนี้จริงๆ ครับ

ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องนี้ทางค่ายไม่เคยนิ่งเฉยเลยตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง ทางผู้ใหญ่เรียกผมเข้าไปสอบถามเรื่องราวทั้งหมด แล้วก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านมาแล้ว และผมได้รับการลงโทษทุกอย่างแล้ว ถือให้ผมเป็นบทเรียน ผมโดนตำหนิ โดนสั่งสอน โดนว่ากล่าวตักเตือน อบรมว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดีจริงๆ ทั้งหมดทั้งมวลใดๆ ก็ตาม เพื่อย้ำเตือนผมอีกหนึ่งครั้ง คือไม่มีใครนิ่งเฉย นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ ค่ายรวมถึงตัวผมเองหรือแม้แต่ครอบครัวของผมด้วยซ้ำครับ”





กำลังโหลดความคิดเห็น