“เจฟ ซาเตอร์” อัปเดตชีวิตหลังออกจากค่ายเก่า บอกเปรียบเทียบกับตอนนี้ไม่ได้ เพราะคนละไดเรกชั่น ยอมรับมีความยาก แต่ได้เป็นตัวเองในทุกพาร์ต ฟุ้งงานแน่นลืมวันคืน จนนับนิ้วไม่พอ ได้นอนวันละ 2 ชม. แต่ไม่ป่วยเพราะสุขภาพจิตดี
ถึงแม้จะออกจากค่ายเก่า อย่าง Be On Cloud มาได้ 2 เดือนแล้ว แต่ความฮอตหนุ่ม “เจฟ วรกมล ชาเตอร์” ก็ยังคงติดลมบนเหมือนเดิม เพราะหลังจากย้ายไปอยู่ในสังกัด Studio On Saturn ที่เป็นค่ายของตัวเองแล้ว งานก็ยังแน่นจนแทบไม่มีเวลาพัก โดยล่าสุดวันนี้ (25 เม.ย.) ได้เจอหนุ่มเจฟ ในงานแถลงข่าว ทิศทางธุรกิจกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ปี 2566 ก็เลยขออัปเดตชีวิต หลังออกมาดูแลตัวเองสักหน่อย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่า ไม่ถือว่าเป็นอิสระซะทีเดียว เพราะมีทาง Warner Music เข้ามาช่วยดูแลเรื่องงานให้อยู่
“จริงๆ ตอนนี้ก็ได้ร่วมทำงานกับ Warner Music ครับ แล้วก็โคกันกับ Studio On Saturn ช่วยกันดูแล ก็สนุกมาก ช่วงนี้ก็มีโปรเจกต์ที่น่าตื่นเต้นมากๆ ครับ พอออกมาดูแลตัว ไม่มีค่ายซัปพอร์ต ผมว่ามันยากขึ้นตรงที่ว่า เรามีคนน้อย สตูฯ ผมมีคนน้อยมากๆ แต่ดีที่มี Warner Music คอยช่วยเรื่องการดูแลต่างๆ สิ่งที่ยากคือพอมันต้องมาเบสจากผมคนเดียว เวลามันน้อยลง ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด ในแต่ละตารางงานที่มันผ่านไป ก็ยากเรื่องไทม์ไลน์นี่แหละ โดนตามเดโม่เพลงทุกวันเลยครับ ถ้าพี่ๆ ที่ Warner Music ฟังอยู่ ก็เห็นใจผมด้วย (หัวเราะ)
ถามว่ายากกว่าการที่มีค่ายคอยป้อนงานไหม มันแตกต่างมากกว่า มันเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะตัว Warner Music ก็คอยช่วยหางาน ช่วยซัปพอร์ตเราอยู่ตลอด แต่ก็จะมีฝั่งเราด้วย ที่ซัปพอร์ตตัวเราเอง ไปหาไดเรกชั่นของเรา ตอนนี้ออกมาดูแลตัวเองได้ 2 เดือนแล้วครับ มันเป็นไดเรกชั่นที่ต่างกันมากกว่า มันไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ แต่สำหรับผมรู้สึกว่ามันยากมากๆ ที่จะทำด้วยตัวคนเดียว แต่ในขณะเดียวกันมันสนุกตรงที่ว่า เราได้เป็นตัวเองในทุกๆ พาร์ตที่เราไป คือผมไม่เชิงอิสระขนาดนั้น เพราะเรายังทำงานร่วมกับ Warner Music แต่ความอิสระในการทำงานมันเต็มร้อยเลย เขาซัปพอร์ตเราในการที่เราอยากจะทำอะไร”
การจัดสรรชีวิตยังไม่ตัวลง แทบไม่มีเวลาพักผ่อน
“ไม่ลง (หัวเราะ) ยากมาก ชีวิตตอนนี้คือ…ด้วยการที่มันต้องทำเพลงในเวลาเดียวกัน แล้วก็จะมีโปรเจกต์การแสดงบ้าง คอนเสิร์ตบ้าง แล้วคอนเสิร์ตผมก็ไม่อยากให้เพลงมันเหมือนกันทุกคอนเสิร์ต เพราะตัวผมเองก็เบื่อด้วย ผมขี้เบื่อไง ก็อยากจะทำให้ทุกโชว์มันแตกต่าง คนดูจะได้รู้สึกว่า ทุกครั้งที่มาดูมันมีอะไรแปลกไป เพราะฉะนั้นการบริหารไทม์ไลน์ พังยับเยินอยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนอน พยายามจะนอนให้ครบ แล้วเราค่อยมาเวิร์กเรื่องอื่นกัน แต่ดีที่มีคนคอยช่วยเสมอ ทั้งคนในสตูดิโอเอง และคนที่ Warner Music เองก็ช่วยกัน เรียกว่าการใช้ชีวิตกับการพักผ่อน ไม่สอดคล้องกันเลยครับ (หัวเราะ)
ทำงานเยอะจนลืมวันลืมคืน ไม่ค่อยได้นอนมาทั้งเดือน
“เนี่ยผมยังไม่รู้เลย วันนี้อะไรในสัปดาห์ คือพอเรารู้แค่วันที่ 25 วันที่ 26 เราจะลืมไปว่าวันนี้วันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ถามว่าทำงานติดกันนานเท่าไหร่แล้ว ที่ไม่ค่อยได้นอน ผมว่าเดือนนี้ทั้งเดือนครับ เพราะว่าช่วงนี้มันเป็นช่วงที่ ต่อให้อยู่บ้านเราก็ต้องทำอัลบั้มไปด้วย เพราะมันเป็นไทม์ไลน์ก็ค่อนข้างรัดมากๆ”
มีอยู่กี่งานนับนิ้วไม่พอ ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน
“คือนับนิ้วมันไม่พอ เพราะว่ามันมีงานเพลง มีงานโชว์ แล้วก็มีงานแสดง ซึ่งมันคนละพาร์ตกัน พอมันเอามารวมกันแล้ว มันก็เลยหลายอย่าง แต่ถามว่าแน่นไปถึงปีหน้าไหม ผมไม่แน่ใจเลย ผมไม่รู้เลย (หัวเราะ) คือผมใช้ชีวิตวันต่อวัน ผมจะรู้แค่ว่าพรุ่งนี้ผมทำอะไร (มีคนดูแลคิวให้ไหม?) ก็มี เขาจะค่อยๆ หยอดมา ว่าอยากให้แจ้งคิวยังไง จะเป็นอาทิตย์หรือเป็นวันๆ ก็เลยบอกว่าแจ้งเป็นวันๆ แต่แจ้งตอนกลางคืนด้วย เพราะว่าเดี๋ยวผมรับไม่ไหว”
งานแน่นแต่ไม่ส่งผลเรื่องสุขภาพ เพราะสุขภาพจิตดี
“ไม่ค่อยเท่าไหร่ คือเรื่องสุขภาพ มันเป็นเรื่องเบสจากสุขภาพจิตมากกว่า ถ้าสุขภาพจิตเราดี มันจะช่วยเรื่องสุขภาพกายเราเอง แต่ที่สำคัญที่สุดคือการนอน ก็กินได้นอนหลับ แต่ก็มีบางครั้งที่เราลืมกินข้าวไปเลย ตอนเช้าตื่นมา แล้วพอเริ่มทำงานปุ๊บ คือผมจะเป็นคนไม่กินข้าวก่อนทำงานเลย มันกินไม่ค่อยลง มันไปโฟกัสกับงาน มันก็เลยลืมไปถึงเย็น (เครียดกับงานไปไหม?) ไม่เครียด แต่ผมโฟกัสมาก มันสนุกกับการทำงานจนมันลืม ส่วนเรื่องนอน พยายามจะนอนให้ได้ 8 ชั่วโมง แต่มันได้ 2 บางทีก็ 4-5 (หัวเราะ)”
ไม่ลืมสิ้นเดือนนี้มีคอนเสิร์ตใหญ่ เตรียมโชว์ไว้แล้ว
“ไม่ลืมครับ สิ่งที่สปอยล์ได้ คือมันจะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว (เดี๋ยวนอนโชว์?) ก็อย่างที่บอกว่า 2 ชั่วโมง มันก็ต้องมีการแน็ปบนสเตจกันบ้าง (หัวเราะ)”