“ฟลุค เกริกพล” เผยไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ “น้องอชิ” ลูกชายอยู่บ่อยๆ และได้เจอกับ “น้องมิย่า” รวมทั้งครอบครัว “พีท-เจ็ง” ตลอด บอกลูกสองคนคบกันอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ไม่มีปัญหา แต่แอบห่วงหากวันหนึ่งลูกชายต้องอกหักจะเสียใจหนัก ไม่อยากให้อินหรือเว่อร์วังอลังการเกินไป เผยอยากให้ลูกชายรับงานในวงการบ้าง เพราะที่ผ่านมาปฏิเสธตลอด
เริ่มที่จะเห็นภาพของ “น้องอชิ อชิรวัตติ์ มัสยวาณิช” ลูกชายสุดที่รักของ “ฟลุค เกริกพล มัสยวาณิช” กับ “น้องมิย่า พิชชา ทองเจือ” ลูกสาวของ “พีท ทองเจือ” ในช็อตสวีตหวานออกมาบ่อยขึ้น ล่าสุดมีภาพคุณพ่อของทั้งคู่ไปร่วมแจมด้วยอยู่บ่อยๆ ซึ่งคุณพ่อฟลุคเผยถึงเรื่องนี้ในงานแถลงข่าวเปิดตัวธุรกิจ BNFC FINANCE : ศูนย์แบรนด์เนมแลกเงิน เจ้าแรกในประเทศไทย! ณ Spaces Empire Tower ชั้น M ว่าได้ไปปาร์ตี้กับลูกๆ หลายครั้งแล้ว และการคบหาก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ด้วย
"ผมก็ไปหลายครั้งแล้วนะ แต่ไม่ใช่ปาร์ตี้ ส่วนใหญ่จะชวนลูกไปทานข้าวมากกว่า แล้วพอดีมันมีงานปาร์ตี้ขึ้นมาก็เลยชวนๆ กันไปแค่นั้นเอง จริงๆ ผมไม่ได้ไปคนเดียวนะ พี่พีท (ทองเจือ) กับพี่เจ็ง (ภรรยาพีท) ก็ไปนะ
มีคนชมว่าหน้าวัยเดียวกับลูกก็ขอบคุณมากเลย รู้สึกดีใจครับว่าอายุใกล้ๆ กับน้องไบร์ท (วชิรวิชญ์ ชีวอารี) และน้องอชิเลยทีเดียว จริงๆ ก็ห่างไม่เยอะนะ 20 ปีนิดๆ เอง ที่เราดูหน้ากลมกลืนไปกับวัยเขาได้ อาจจะเป็นเพราะว่าวันนั้นแต่งตัวใส่เสื้อยืด ไม่ได้แต่งตัวให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากนัก เราไปเที่ยวเนอะ"
บอกลูกๆ คบกันในสายตาผู้ใหญ่ ไร้ปัญหา
"จริงๆ วันนั้นมันเป็นน้องอชิกับครอบครัวของน้องมิย่านะ และมีน้องไบร์ทไปงานเหมือนกัน ก็เลยมาถ่ายรูปกันเฉยๆ มีหลายคนที่ไปงานนั้น เวลาไปทานข้าวไปกันทั้งสองครอบครัวใหญ่เลยไหมก็ไม่นะ นานๆ ทีจะเป็นสองครอบครัวมาเจอกัน อย่างเช่นตอนปีใหม่ พอดีงานนี้ผมชวนมาแล้วมันมีที่พอดีเขาอยู่ด้วยกัน แล้วอยากมาก็เลยต้อนรับแค่นั้นเอง
การคบกันของลูกๆ อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ไม่ได้มีปัญหาอะไร น้องเขาก็น่ารักกันดีครับ เขาก็ยังเด็กกันอยู่ ก็เป็นเพื่อนกันที่ปรารถนาดีต่อกัน ใช้เวลาด้วยกันก็โอเค ผมก็ดูแลปกตินะ พ่อก็ชวนลูกไปทานข้าวบ่อย จริงๆ เราไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้ลงรูป อชิเขาก็ปกติ ไม่ได้เขินอะไร ไม่มีปัญหาอะไร"
เผยลูกชายไม่ค่อยมาปรึกษาเรื่องความรัก แต่ห่วง อยากให้รักแบบพอดีๆ
"น้อยมากเลย อชิเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเลย พูดน้อย ไม่ค่อยได้ปรึกษาอะไรมากมาย เขาคงคิดเองแหละ หรือว่าคงคุยกับเพื่อนกลุ่มของเขามากกว่า ส่วนกับแม่ของเขา ผมคิดว่าอชิคงไม่ได้ปรึกษาขนาดนั้น เราเองก็ไม่ได้รู้เรื่องความชอบลูกขนาดนั้น เพราะว่าอชิเขาค่อนข้างเด็กถ้าเทียบกับอายุของเขา ถ้าเทียบกับผมตอนเด็กๆ เขาเด็กกว่า ตอนนั้นที่ผมอายุ 20 ผมก็น่าจะเล่นละครไป 4 เรื่องแล้ว เคยได้โทรทัศน์ทองคำแล้ว ผมทำงานเป็นเรื่องเป็นราวแล้วตั้งแต่เด็กๆ แต่น้องอชิยังเพิ่งเรียนอย่างเดียว ดังนั้นมันก็ต่างกันพอสมควรเรื่องความเป็นผู้ใหญ่นะ ความรับผิดชอบมันจะต่างกันเยอะ
ถามว่าห่วงเรื่องอะไรที่สุดเวลาลูกมีความรัก เรื่องความพอดีครับ อยากให้ทุกอย่างมันมีแต่ความพอดี รักกัน เป็นห่วงกันแบบพอดีๆ ไม่อยากให้อินหรือเว่อร์วังอลังการเกินไป เพราะว่ามันก็ไม่ดีเนอะอะไรที่มันเว่อร์เกินไปมันก็ไม่ดี ผมก็ไม่ค่อยได้แนะนำอะไร เราพยายามให้เขาเห็นจากตัวอย่างของเราว่าเรารักกันดีที่บ้านเป็นยังไงมีความสุขกำลังดี เพราะเราเห็นข่าวหลายๆ อันเวลามันเว่อร์ไปมันก็ไม่ดี เราก็อยากให้ลูกเราพอดีๆ"
เผยเวลาไปเที่ยวอยากไปกับลูกด้วย เพราะจะได้เป็นเกราะให้ได้
"ลูกเรามีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว เพราะลูกเราเป็นคนที่อบอุ่นมาก อชิได้รับความรักจากทั้งสองบ้าน ทั้งบ้านผม คุณลี (นาตาลี เจียรวนนท์) แล้วก็บ้านคุณโบ (ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์) คุณแบงค์ อชิก็ยังเป็นหลานคนแรกอีก คืออชิได้รับความรักจนอชิร้อน ดังนั้นขาดความอบอุ่นไม่มี มันมีแต่ร้อน ดังนั้นผมว่ามันมีภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เขารู้ว่าทุกคนรักเขา มันไม่เกิดอะไรที่ไม่ดีหรอก เราก็แค่ไม่อยากให้เขาเสียใจ
แต่เวลาเขาไปเที่ยวกันก็จะห่วงเขาเหมือนกันด้วยความที่พ่อแม่มีชื่อเสียงเนอะ เวลาไปเที่ยวเราถึงพยายามจะไปด้วย เพราะว่าเวลาเราเข้าไปคือเหมือนศาลพระภูมิอยู่แล้ว ทุกคนไหว้เราหมดเลย ผมงงมากเลย ผมเข้าไปทุกคนไหว้ผมหมดเลย คือถ้าเราไปเที่ยวกับลูก ก็จะรู้สึกว่ามันจะปลอดภัยหน่อย ทุกคนก็เห็นเราเป็นพระมั้ง ยกมือไหว้ตลอดเลย (หัวเราะ)”
รับเป็นห่วง กลัวลูกชายจะอกหัก เพราะไม่เคยเจอมาก่อน
"เราก็รู้สึกว่ามันเป็นช่วงวัยของเขา แล้วการที่เขาได้เรียนรู้คบใครสักคน แล้วน่ารักดี ผมว่ามันก็ดี ถามว่าหวงไหม จะเป็นห่วงมากกว่าครับ เพราะสังคมปัจจุบันเราก็ไม่รู้ว่าอะไรเข้ามายังไงด้วย ต้องการอะไร เราก็เลยไม่ได้ห่วง เพราะว่าเป็นน้องมิย่าไง เรารู้จักคุณพ่อคุณแม่ รู้จักที่มาที่ไปของเขา เราก็ปลอดภัย แต่ถามว่าลูกเรามีภูมิคุ้มกันสแกนคนได้ไหม คิดว่าน่าจะไม่มี (หัวเราะ) เพราะว่ามันก็ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ จริงๆ เราก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่สำหรับคนที่เรารู้สึกว่าเราปลอดภัยก็สบายใจ
กลัวลูกจะอกหัก ผิดหวังเหมือนกัน เพราะว่ามันต้องมีเกิดขึ้นอยู่แล้วแหละ สักวันหนึ่งมันก็ต้องเกิด เขาคงรู้อยู่แล้วว่าเขามีคนรักเยอะ มันคงจะมีจังหวะหนึ่งที่อาจจะต้องสะดุด ไม่ได้หมายความว่าต้องเกิดขึ้นกับน้องมิย่า แต่ว่ามันต้องมีสักวันแหละ ผมคิดว่าเขาต้องตั้งรับได้ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของมนุษย์ที่ต้องได้ มันเป็นสิ่งที่คนเราต้องเรียนรู้กันไป อายุยังน้อยก็ต้องเจอ คงไม่ได้โชคดีชีวิตนี้เจอแล้วก็จบเลย ยากไปนะ จะเฮงอะไรขนาดนั้น"
บอก “อชิ” ยังไม่อินกับงานในวงการ ปฎิเสธไปทุกอัน
"จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าซะทีเดียวนะ หลายๆ คนก็ถามมาเมื่อไหร่น้องอชิจะมารับงาน ตอนนี้อชิเขาเรียนหนังสืออยู่ แต่ว่าเขาเรียนออนไลน์นะ ก็สามารถรับงานได้ แต่ว่าอยากให้ทำอะไรหลายๆ อย่างให้เสร็จก่อน เช่น ตอนนี้เขากำลังจะไปดัดฟันให้เรียบร้อย แล้วก็รอให้เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เพื่อจะพาน้องไปเทรนนิ่งต่างๆ ก็รอให้พร้อมใช้ก่อน
แต่เขาก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ (หัวเราะ) ต้องค่อยๆ บิวต์ก่อน อชิเขานิ่งมาก ยากมาก มีคนติดต่อมาเยอะพอสมควร ก็ยังติดต่อมาได้นะครับ ผมจะพิจารณาเป็นเคสๆ ไป มีติดต่อมาเยอะมาก แต่ว่าก็ไม่เคยรับ จนเขาคงท้อ พออชิเห็นก็จะบอกไม่คุ้ม โอเคไม่คุ้มก็ไม่คุ้ม ไม่รู้จะเถียงยังไงที่เขาบอกไม่คุ้ม ผมก็พยายามช่วยแล้ว เขาก็ยังบอกว่าอชิมองแล้วว่าไม่คุ้ม ไม่ทำ
คุ้มของเขาคือยังไงก็ไม่รู้ ลองติดต่อมาเยอะๆ พอแล้วเขาคงเอาเองแหละ (หัวเราะ) ผมก็ไม่รู้จริงๆ ก็พยายามเต็มที่แล้ว เขาติดต่อมาเราก็ปฏิเสธเรื่อยๆ ก็มีติดต่อมาเราก็คิดดูจากค่าเหนื่อย เราก็พิจารณาให้เรียบร้อยแล้วส่งไป อชิก็บอกว่าไม่คุ้ม แบรนด์เขาก็ยังไม่รู้ว่าอชิรับหรือไม่รับยังไง เดี๋ยวลองดู ลองติดต่อมาได้ครับ ไม่เป็นไร
ผมก็เป็นผู้จัดการให้ลูกได้ ดูแลได้ ส่วนลูกจะรับไหม ก็ขออนุญาตโทษทีไว้ก่อน ยังไม่ชัวร์ คือเขาโตแล้ว เราคิดว่าเป็นสิ่งที่เขาควรจะตัดสินใจด้วยตัวเอง เราก็พยายามสอนเขา อชิควรจะรับบ้างนะลูก คิดว่าเขาจะพร้อมเมื่อไหร่เหรอ ต้องเดือดร้อนมั้ง (หัวเราะ) เขาไม่เดือดร้อนไง ก็เลยไม่รับสักที ผมเดาว่าต้องเดือดร้อน หรือว่าต้องอยากได้อะไรสักอย่างที่พ่อไม่ให้ คนเรามันต้องมีแรงบันดาลใจก่อน สมมติอยากจะไปสักที่หนึ่งแล้วพ่อไม่อนุมัติ หรือว่าอยากจะได้อะไรสักอย่างแล้วพ่อแม่ไม่ให้ มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ชีวิตต้องหาเอง เดี๋ยวมันก็ต้องมี สักวันต้องอยากได้"
บอกตนยังงงว่าลูกชายโพสต์น้อย แต่คนดูเยอะมาก
"เราดูเอ็นเกจเมนต์ในไอจีเขา ผมงงมากเลยว่าอชิไม่โพสต์อะไรเลย เดือนหนึ่งโพสต์หนึ่งครั้ง บางไลก์มันมีไลก์เท่ากับจำนวนคนฟอลโลว์ แล้วเอ็นเกจเมนต์เยอะเป็นหลักล้าน ผมงงว่าเอ็นเกจเมนต์ เขาเยอะกว่าผมประมาณ 20 เท่า ก็แปลว่าคนเข้ามาดู มาส่องตลอด ถามว่ามันเวิร์กไหม มันก็เวิร์ก เรารู้เลยว่าแปลว่าเป็นคนที่น่าจะไปได้นะโฆษณาหรืออะไรก็ว่าไปหลายทาง มันอยู่ที่แบรนด์จะเข้าใจไหมรวมไปถึงตัวอชิจะรับไหม คือเขาโพสต์น้อยมากจริงๆ จนผมต้องบอกว่า อชินี่เราไปญี่ปุ่นโพสต์ครั้งเดียวเหรอ เขาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ก็เสียดายโอกาสและเงินที่จะเข้ามานะ แต่ก็ไม่แน่ เพราะเราก็ไม่รู้ว่ามันอาจจะทำถูกก็ได้ ก็โฮลด์ไว้แล้วทีเดียว แทนที่จะออกมาเรื่อยๆ มันก็อาจจะเป็นวิธีคิดที่ถูก เพราะว่าเรายังไม่ค่อยเจอเอ็นเกจเมนต์ขนาดนี้กับฟอลโลเวอร์ที่ไม่ถึงล้าน แต่คนไลก์ครึ่งล้าน แต่โพสต์น้อย ก็ไม่เข้าใจเขาจริงๆ"