“อิงฟ้า” เผยโปรเจกต์ภาพยนตร์ PROJECT D แค่เลื่อนการถ่ายทำ ไม่ใช่ยกเลิก บอกเข้าใจ “พีพี” อาจจะยังไม่พร้อม เพราะบทเรื่องนี้ดรามาหนักจริงๆ เผยขอต่างคนต่างอยู่กับ “รัก สุลักษมิ์” ยอมรับเสียความรู้สึกที่อีกฝ่ายเอาไปพูดไม่ดี พร้อมยันไม่เคยรับงานกินข้าวแน่นอน
มีข่าวให้ได้ติดตามตลอดจริงๆ สำหรับสาว “อิงฟ้า วราหะ” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ที่ล่าสุดภาพยนตร์ PROJECT D ที่เจ้าตัวร่วมแสดงกับหนุ่มหน้าหวาน “พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” แต่การถ่ายทำก็มีอันต้องเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนดตามที่ทางพีพีและผู้กำกับได้ออกมาแถลงชี้แจงไปก่อนหน้านี้ โดยสาวอิฟ้าก็ยอมรับว่าเสียดาย แต่แค่เลื่อนการถ่ายทำ ไม่ใช่เลิกทำ
“จริงๆ มีการเวิร์กช็อปกันหลายครั้งว่าเราจะไปในทิศทางไหน คือจริงๆ มองว่าเคมีมันเข้ากัน แต่บทในเรื่องนี้มันค่อนข้างที่จะโหดมากๆ จริงๆ ในหลายๆ อย่าง ก็มีการคุยกันว่าเรื่องนี้พร้อม เรื่องนี้ไม่พร้อม ส่วนตัวเรา ตัวละครก็ไม่ได้ปรับอะไรมากมายอยู่แล้ว แต่มันจะเป็นเรื่องของอินเนอร์มากกว่า ก็คือสามารถรอได้ ที่เลื่อนไปก็มองว่าทุกอย่างมันจะมีช่วงเวลาและความเหมาะสมค่ะ คือหนังไม่ได้ยกเลิกค่ะ แค่เลื่อนเวลาในการถ่ายทำไป
ไม่ใช่แคนเซิลไปเลยนะคะ จริงๆ ก็มีการพูดคุยว่าอาจจะเป็นสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า แต่ก็ต้องมาคุยกันอีกที กับน้องพีพี จริงๆ เข้าใจเขานะ เวลาเราเวิร์กช็อปด้วยกันเราก็มีการคุยกัน ก็เห็นความพยายามของเขา เขาก็เป็นคนที่ทุ่มเทเหมือนกัน แต่เราเข้าใจว่าความพร้อมของคนเรามันหลายอย่าง”
บอกถึงหยุดถ่าย ก็ยังมีงานต้องทำอยู่ดี
“บทมันโหดมาก มันหนักค่ะ จริงๆ เรื่องนี้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการมาจิ้นกัน น่ารักๆ หรือเป็นหนังรักหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย มันเป็นดรามาโหดมากจริงๆ มีการเวิร์กช็อปกันก่อนเป็นเดือนกว่าๆ เลย ถามว่าพอมันเลื่อนแล้วมันกระทบกับคิวงานเราไหม ให้พูดตามความจริงก็มีนิดหน่อยค่ะ เพราะว่าคิวที่เราเตรียมที่จะไปถ่ายมันก็ประมาณเดือนนึง เพราะมันค่อนข้างกะทันหัน คิวงานเราที่เราไม่ได้รับไว้ในตอนแรกมันก็เสียงานไปบ้าง
แต่ว่าก็โอเคค่ะ เราเข้าใจว่ามันไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้พักนะคะ เพราะว่าที่เราดีลไว้ตอนแรกว่าเราจะไปถ่ายหนัง ก็เปลี่ยนมาซ้อมโชว์รอบไฟนอลของน้องมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 แทน เตรียมตัวจะไปออนทัวร์อเมริกาด้วย ไปคอนเสิร์ตที่อเมริกากับชาล็อต ออสติน ค่ะ ถามว่าเตรียมตัวยังไงบ้าง คือจริงๆ เรามีความเป็นศิลปินอยู่แล้ว ในเรื่องการร้องเพลงขึ้นคอนเสิร์ต เราก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องห่วง อาจจะมีเล็กน้อยเรื่องของการสื่อสารในเรื่องของภาษา ในส่วนของตัวโชว์จริงๆ ก็เตรียมพร้อมแล้วค่ะ คือหนูกับน้องร้องเพลงขึ้นคอนเสิร์ตด้วยกันบ่อย ความตื่นเต้นก็อาจจะแทบไม่มีอยู่แล้ว เรื่องโชว์ก็คงจะเป็นฟีลที่เราจะจอยๆ สนุกๆ มากกว่า“
ไม่กดดันต้องเป็นกรรมการในห้องดำ เพราะทุกคนฝากความหวังไว้
“ก็ไม่รู้ หนูก็ดูตลอด อาจจะด้วยคนฝากความหวังให้เราช่วยดู ช่วยสแกน เขาไว้ใจเราในเรื่องของโซเชียล ในเรื่องการทำงานต่างๆ เขาก็ให้เราช่วยดู ว่าเด็กคนนี้ทำงานกับเราได้ไหม โซเชียลกระแสเป็นยังไง เราก็ดูตลอดว่ากระแสไปในทิศทางไหน คนนี้ต้องปรับอะไร คนนี้มีแววยังไง เราก็จะดูตลอดค่ะ
หนูไม่กดดันค่ะ แต่เห็นใจน้องๆ มากกว่า เวลาที่เราอยู่ในจุดนั้น ที่ได้นึกถึงตัวเองตอนปีที่แล้ว เราก็คงไม่อยากเจอคำถามอะไรที่มันโหดมาก แต่จริงๆ เราพยายามจะให้น้องๆ ดึงศักยภาพของตัวเองออกมา บางคนไม่กล้าที่จะพูด บางคนยังตื่นเต้นอยู่ ก็อยากจะให้น้องๆ ผ่อนคลายให้คำแนะนำที่ตรงจุดกระชับเวลาให้มากที่สุด”
ดีใจได้เคลียร์กับ “มีนา ริณา ฉัตรอมรชัย” ต่อหน้าเรียบร้อย
“คิดไว้อยู่แล้ว เพราะว่าแฟนคลับน้องเขาก็ค่อนข้างเยอะ แต่ส่วนตัวหนู จริงๆ มองว่ามันไม่ได้มีอะไรหรอก บางคนสื่อไปอีกแบบ ตีความไปอีกแบบมากมายหลากหลายความคิด พอได้พูดคุย ถึงได้บอกว่าเวลามีปัญหาอะไรเคลียร์กันต่อหน้า คุยกันต่อหน้า มันถึงจะชัดเจน จริงๆ เห็นว่าเขาจะร้องไห้ตั้งแต่บอสพูดแล้ว แต่เขาก็พยายามจะข่มไว้ แต่ถ้าร้องไห้เราก็อยากให้เขาร้องนะ
คือบางทีถ้ามันแข็งเกินไป ผู้ใหญ่นั่งอยู่ด้วย ถ้าเราเซนซิทีฟ เราอยากร้องก็ร้องเลย มันก็ไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอ แต่เท่าที่ดูวันรุ่งขึ้นน้องเขาก็ดูสดใสขึ้นเลย คือจริงๆ หนูก็พอจะมองน้องออกว่าเขาเป็นคนแบบไหน เขาอาจจะเป็นคนที่แบบว่าคาแรกเตอร์การพูดเขานั่นแหละค่ะ ที่มันจะต้องปรับจริงๆ อาจจะไม่ได้มีอะไรหรอก”
ขอต่างคนต่างอยู่กับ “รัก สุลักษมิ์ ศิริภัทรพงศ์”
“จริงๆ หนูว่าเขาก็คงไม่ได้มีอะไรหรอก คือตอนประกวดเราก็ไม่ได้มีอะไรคุยกันเท่าไหร่ หลังจากการจบการประกวดไปก็คือแยกย้าย เขาไปทางของเขา เรามาสายของเรา จริงๆ มันมีกระทบกระทั่งจิตใจเราบ้างเล็กน้อย มันจะมาจากคำพูดของคนอื่นที่มาเล่าให้เราฟังว่าเขามีการพูดถึงเราในลักษณะนี้ๆ นะ เราก็รู้สึกว่ามันไม่จริงหรอก บางทีอาจจะคิดกันไปเอง ซึ่งมีโอกาสได้เจอเขาเมื่อไม่นานมานี้ เขาบอกว่าขอโทษนะแม่ที่เคยพูดถึงแม่ไม่ดี เราก็สะกิดในใจ อ้าวสรุปเคยพูดไม่ดีเหรอ แต่เราก็ไม่ได้อะไร เราก็โอเค เพราะอย่างน้อยเขาก็กล้าที่จะเดินมาขอโทษเรา เราก็โอเค
แต่พอไม่นานมันก็มาเกิดเหตุการณ์ในไลฟ์สดนี้ขึ้น การที่เราเป็นคนในองค์กรแล้วเราแนะนำน้อง เรารู้สึกว่าการให้กำลังใจหรือการพูดคุย พูดเล่นมันอาจต้องดูในเรื่องของความเหมาะสม จริงๆ เราไม่ได้ถือหรอกนะ เราอยากจะให้ดูเรื่องของกาลเวลา เราแค่มองว่าตัวน้องมีนา เขาสามารถไปได้ไกลมากกว่านี้ แล้วเขากำลังอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ เราอยากให้เขาปรับให้ถูกจุด แต่ถ้าเกิดไปเพิ่มความมั่นใจให้น้องในทางที่ผิด เราก็จะปรับให้เขาไม่เดินตามรอยไป เพราะว่าเราคิดว่าเขาไปได้ไกลกว่านี้เท่านั้นเอง เราก็เลยเสียความรู้สึก มันไม่ใช่แค่เกิดเรื่องนี้มา แต่มันมีสตอรี่ของมัน
ถามว่าเขายังติดใจเรื่องหนูอยู่ไหม หนูก็ไม่รู้นะว่าติดใจไหม แต่เขาก็ไม่ได้ขอโทษหนู เพราะหลังจากเกิดเรื่องเขาก็หายไปเลย ในทวิตเตอร์เขาบล็อกหนูค่ะ ถามว่าเกาเหลากันไหม คือตอนสำหรับหนูไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด แต่ก็แค่ต่างคนต่างอยู่ เราก็ทำงานของเรา แค่เคารพซึ่งกันและกัน แฟนคลับไม่ปะทะกันผ่านโซเชียลหรอก แฟนคลับเขาก็รักที่เขาเป็นเขา แฟนคลับเราก็รักที่เราเป็นเรา เราก็เคารพความคิด”
ยืนยันไม่เคยรับงานกินข้าว
“ไม่มีเลย หนูรู้สึกว่ามันไร้สาระมาก ทางเพจที่ทำหนูรู้สึกว่ามันเป็นเพจขยะ ถ้าคนเชื่อก็แล้วแต่วิจารณญาณไป จริงๆ เราไม่จำเป็นจะต้องออกมาพูดก็ได้ เพราะหนูรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา”