xs
xsm
sm
md
lg

รีวิว 1 ปีที่อยู่ด้วยกันมา! LAZ1 หลังหมดสัญญา และเส้นทางต่อไป...

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา สำหรับ LAZ1 จากเด็กฝึกที่ต้องมาเป็นผู้แข่งขันในรายการ LAZ iCON จนได้ผู้ชนะทั้ง 5 คน และได้เซ็นสัญญาทำเพลงกับช่องวัน 31 และพวกเขาทั้ง 5 คนนั้น “ต้าห์อู๋-พิทยา แซ่ฉั่ว, ออฟโรด-กันตภณ จินดาทวีผล, ไดร์ม่อน-ณรกร ณิชกุลธนโชติ, เจลเลอร์-กฤติมุก จันทร์ชื่น” และ “เป็นต่อ-จีรภัทร พิมานพรหม” ก็ได้เดินทางมาถึงวันที่ต้องหมดสัญญา โดยที่ผ่านมา 1 ปี ถือได้ว่าเป็นวงน้องใหม่ที่สร้างกระแส T-PoP ให้กับวงการเพลงบ้านเราได้เป็นอย่างดี

และในเมื่อครบ 1 ปีทุกคนก็อยากจะรีวิวในสิ่งที่ผ่านมา รวมไปถึงสิ่งทาต่อจากนี้ที่ทั้ง 5 คนยืนยันว่า LAZ1 จะไม่ได้เป็นตำนาน แต่จะอยู่ในความทรงจำของ “ชีแสง” (ชื่อแฟนคลับ LAZ1) ตลอดไป รวมไปถึงเส้นทางของแต่ละคนจะเดินต่อไปทางไหน

Q : ระยะเวลา 1 ปีที่อยู่ด้วยกันมา?
ไดร์ม่อน : ก็มีทุกอารมณ์ครับ แต่จะเป็นอารมณ์ตลกซะส่วนใหญ่ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
ต้าห์อู๋ : การทำงานด้วยกันมันมีหลายอารมณ์อยู่แล้วครับ ประทับใจ ดีใจ เสียใจ ไม่เข้าใจกัน แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปด้วยดี จนมาเป็นพวกเราในวันนี้ จริงๆ ส่วนใหญ่ก็ตลก ถ้าถามว่ามีความเหนื่อยไหม มันก็มีอยู่แล้ว แต่มันคุ้มค่าที่ได้ทำสิ่งที่เรารัก เราก็จะมีคำที่ว่า ‘แล้วใครไม่เหนื่อยมาก’ เป็นแรงบันดาลใจของพวกเรา
เจลเลอร์ : เวลามีอะไรไม่เข้าใจกัน เราก็จะปรับความเข้าใจกัน

Q : เราจัดการกับตรงนั้นยังไง ในช่วงที่อาจจะไม่เข้าใจกัน?
ไดร์ม่อน : เราก็จะแยกออกจากกันก่อน ค่อยกลับมาคุยกันว่าทำไมถึงคิดแบบนี้ แล้วก็หาจุดตรงกลางมาเชื่อม ก็น่าจะเข้าใจกันมากขึ้น
เป็นต่อ : ด้วยความที่แต่ละคนทำงานด้วยกันมา ก็จะรู้ว่าแต่ละคนเป็นยังไง ร้อนยังไง เย็นยังไง หรือว่าในด้านไหนที่เขาเด่นหน่อย เก่งกว่า ก็จะรับฟังและมองเห็นตรงนั้นมากขึ้น สมมติอย่างต้าห์อู๋ ถ้าใครเห็นก็รู้ว่าร้องเพลงเก่งมาก พอยิ่งอยู่ด้วยกันก็จะยิ่งเห็นรายละเอียดในการร้องเพลง ในการทำงานอยู่แล้ว ถ้าสมมติมีปัญหาเกี่ยวกับการร้องเพลงเรารู้อยู่แล้วว่าเขาเก่งเราก็จะฟัง ถ้าเรื่องเต้นก็ต้องพี่เจลเลอร์ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องมาคุยกันอยู่ดีว่าตกลงมันเป็นยังไง มาหาตรงกลางร่วมกันอยู่ดี พวกเราเรียนรู้ที่จะผ่อน หย่อน อย่างต่ออยู่กับพี่อู๋มานานก็จะเห็นว่าเขาหย่อนลงแล้ว
ต้าห์อู๋ : ต่างคนต่างความคิดอยู่แล้ว คนนึงมีหลายความคิดได้ไม่ว่าจะถูกจะผิด เมื่อก่อนผมเป็นคนที่มีแพชชั่นมากๆ เราอยากให้งานของเราออกมาดี จนเอาความคาดหวังของเราไปตั้งไว้กับคนอื่น ซึ่งคนอื่นเขาคงไม่ได้อยากให้มันออกมาเพอร์เฟคขนาดนั้น แต่ก่อนผมเป็นเด็กที่มาจากการแข่งขัน ต้องเข้าใจว่าการแข่งขันมันสูง แล้วเราเป็นเด็กฝึกด้วย แล้วเรามาในส่วนของภาพรวม แต่ก่อนจะมีความคิดฝังหัวว่ามันต้องดีที่สุด ซึ่งคำว่าดีที่สุดของเราเอาไปตั้งไว้กับคนอื่นด้วยตั้งแต่เป็นเด็กฝึกเลย เพื่อที่อยากให้ทุกอย่างมันออกมาดีที่สุด ซึ่งตอนนี้พอผ่านการทำงานมาเยอะๆ แล้ว เรารู้สึกว่าเราไม่ต้องไปตั้งความหวังกับคนอื่น เพราะบางทีความต้องการองคนอื่นอาจจะไม่เป็นแบบนั้น บางคนก็อาจจะไม่ได้อยากเป็นศิลปินที่เต้นเป๊ะ เต้นเก่ง ร้องเป๊ะ บางคนเขาอาจจะเป็นศิลปินที่มีเสน่ห์ ตอนนี้มาถึงที่ฟีลว่าสมมติเราเห็นว่ามันดี ก็แบบว่า..เรามาเก็บตรงนี้กันไหม ถ้าเพื่อนไม่อยากเก็บ เราก็จะบอกว่าไม่เป็นไร เราแค่บอกเฉยๆ แต่ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คือทำเถอะๆ ทำได้ไหม เพราะ ณ จุดนั้นเรายังไม่รู้เลยว่าถ้าเราทำไม่ดีหรือทำดีไม่มากพอ เราจะประสบความสำเร็จได้ยังไง ตอนนั้นมันแนวคิดคนละแบบกัน
เป็นต่อ : พอโตขึ้น มองโลกกว้างขึ้น เข้าใจความเป็นธรรมชาติของแต่ละคนมากขึ้นด้วย

Q : หลังจากจบการศึกษา แฟนๆ อยากให้พวกเราขยับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งที่จะเติบโตไปด้วยกัน?
เจลเลอร์ : แต่ละคนก็จะมีผลงานออกมาอยู่แล้ว ถ้าในภาพรวม 5 คน ถ้ามีโอกาสยังไงก็อยากกลับรวมกันอยู่แล้วครับ

Q : จะเป็นตำนานเลยไหมหรือยังมีต่อไป?
เป็นต่อ : เราสร้างตำนานในทุกๆ วันอยู่แล้ว (หัวเราะ) ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรืออยู่กี่คนเราสร้างตำนานได้อยู่แล้ว ไม่อยากพูดแค่ว่า LAZ1 จะเป็นตำนานไปแล้ว แต่ว่าตำนานอยู่ตรงนี้ เราสามารถเป็นตำนานที่เราเดินไปพร้อมทุกคนได้
ต้าห์อู๋ : เป็นภาพจำดีกว่าครับ เหมือนฟีลว่าเราเข้ามาตรงนี้แล้วมาเป็น LAZ1 แล้ว ก็ต่อไปก็ยังเป็น ‘ต้าห์อู๋ LAZ1’ ถึงแม้ว่าเราจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ทุกคนรับทราบว่าเราคือ LAZ1

Q : เส้นทางในอนาคตของแต่ละคน?
ไดร์ม่อน : ของผมมีซีรีส์เรื่อง ‘Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน’ คุณบอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) กำกับครับ เป็นการเอา 3 เวทีมารวมกัน ทั้ง The STAR IDOL , The Golden Song และ LAZ iCON ในวงเราก็มีพี่ออฟโรด เล่นด้วย เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ของช่องวันครับ (ยิ้ม) พอผมได้มาลองงานด้านการแสดงผมชอบนะ เพราะผมชอบดูหนังอยู่แล้ว เวลาแสดงเหมือนผมได้ไปเป็นตัวละครนั้นๆ จริงๆ ก็สนุกดีจริงครับ
ต้าห์อู๋ : ก็อยากให้รอดูผลงานในอนาคตครับ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่สามารถบอกได้ แต่ว่าเดี๋ยวจะมีผลงานกับ ออฟโรด ส่วนตัวออฟโรดก็มีซีรีส์ ‘Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน’ ด้วย แล้วก็มีหนังเรื่อง ‘เธอกับฉันกับฉัน’ ของ GDH ด้วยครับ
เจลเลอร์ : ของผมก็เป็นงานด้านเพลง กำลังอยู่ในขั้นตอนครับ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมาตอนไหนยังไง แต่ก็อยากให้ทุกคนรอติดตามครับ ผมเองก็ยังต้องใช้เวลาในการค้นหาตัวเองว่ามันต้องไปทางไหนถึงจะดีที่สุด
เป็นต่อ : ของเป็นต่อก็ไปในด้านการแสดงมากขึ้นเหมือนกันครับ ตอนนี้มีเปิดกล้องไปแล้วกับซีรีส์วายเรื่องแรก เล่นกับ พี่ตั้ว (เสฎฐวุฒิ อนุสิทธิ์) ชื่อเรื่อง ‘ใครในกระจก’ ก็ใกล้จะปิดกล้องแล้วครับ แล้วก็มีอีกเรื่องนึงที่ใกล้จะเปิดกล้องของ GMMTV ครับ เรื่อง ‘เพราะเธอคือรักแรก’ เป็นซีรีส์ที่เรียกว่าอบอุ่นหัวใจ อยากให้ทุกคนติดตามนะครับ

Q : อยากขอบคุณอะไรแฟนๆ ที่ติดตามพวกเรามาตั้งแต่แรก?
ไดร์ม่อน : ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ที่อยู่ซัพพอร์ตพวกเรามาตลอด อยากจะบอกว่าในช่วงระยะเวลาจนมาถึงตอนนี้ผมสนุกๆ มากๆ เลยครับ แล้วก็อยากให้ทุกคนติดตามไปตลอดนะครับ
ต้าห์อู๋ : ฝากรักและเอ็นดูพวกเราแบบนี้ต่อไปด้วยนะครับ ก็หวังว่าเราจะได้เรียก ‘ชีแสง’ (ชื่อแฟนคลับ LAZ1) บ่อยๆ อย่างที่เคยบอกไว้ว่าชีแสงก็ไม่เคยหายไป ตราบใดเท่าที่ LAZ1 ก็ไม่เคยหายไปเหมือนกัน
เจลเลอร์ : ฝากซัพพอร์ตเส้นทางแต่ละเส้นทางของพวกเราครับ อยากให้ไปเจอกันที่ตามงาน พวกเราก็อยากเจอชีแสงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นงานของใครก็แล้วแต่ แล้วเจอกันนะครับ
เป็นต่อ : คิดถึงมาก อยากให้ทุกคนรักพวกเราต่อไปแบบนี้ แล้วก็รักตัวเองมากๆ ด้วย อย่าลืมดูแลสุขภาพ ไว้เจอกันนะครับ ฝากติดตามผลงานของเราด้วยนะครับ

หมายเหตุ : วันที่สัมภาษณ์ “ออฟโรด” ลาป่วย 1 วัน















กำลังโหลดความคิดเห็น