xs
xsm
sm
md
lg

“อัค อัครัฐ” ไม่ต่อสัญญาช่องวัน รับจดทะเบียนสมรสกับสาวนอกวงการเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อัค อัครัฐ” เปิดใจครั้งแรก! หลังตัดสินใจไม่ต่อสัญญาช่องวัน หลังจากเซ็นมานาน 12 ปี รับบทใหม่เป็นนักแสดงอิสระ ยอมรับช่วงแรกมีเคว้ง แต่พอเริ่มปรับตัวได้ก็พร้อมเริ่มงานกับทุกช่อง ยืนยันว่าจากกันด้วยดี พร้อมแจงมีข่าวดี หลังซุ่มจดทะเบียนสมรสกับสาวนอกวงการเมื่อ 5 ปีก่อน


“อัค อัครัฐ นิมิตชัย” นักแสดงหนุ่มจากรั้วช่องวัน ที่ตอนนี้เป็นอดีตไปแล้ว เพราะเจ้าตัวได้ตัดสินใจไม่ขอต่อสัญญาจากต้นสังกัดเดิมที่เซ็นมายาวนานกว่า 12 ปี และตอนนี้ก็เป็นนักแสดงอิสระแบบเต็มตัวพร้อมจะลุยงานใหม่ๆ กับค่ายใหม่ๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็มีคำถามตามมาว่าจบกันด้วยดีไหม? รวมไปถึงข่าวดีที่อยากให้หลายคนร่วมแสดงความยินดีเพราะตอนนี้เจ้าตัวไม่โสด แถมมีทะเบียนสมรสแล้ว

“ตอนนี้ออกมาเป็นฟรีแลนซ์แล้ว แต่ยังมีละครอยู่กับช่องวัน 2 เรื่อง เรื่อง ไมค์ม่วนป่วนรัก กับ วีไอพี รักซ่อนชู้ ซึ่งสัญญาหมดไปเมื่อ เดือน ม.ค.ปี 66 เป็นสัญญาฉบับที่ 2 เพราะจากฉบับแรก 7 ปี ถัดมาฉบับที่ 2 เซ็น 5 ปีอยู่กับช่องวันมา 12 ปี ยาวนานมาก 1 ใน 5 ของชีวิต ซึ่งสาเหตุที่ไม่ต่อ ก็อยากลองออกมาผจญภัย จริงๆ อยู่กับช่องวันมา 12 ปี ทางช่องก็มีละครให้เรื่อยๆ ได้ทำงานกับผู้กำกับหลายท่าน ทั้งผู้กำกับในและผู้กำกับนอกที่เคยทำงานกับช่องวัน ก็รู้สึกว่าแต่ละท่านมีลายเซ็นต์ไม่เหมือนกัน เวลาเราได้เจออะไรที่ไม่เคยเจอ เราสนุก เราตื่นเต้น ว้าวไปกับวิธีการใหม่ๆ เวลาเราอยู่ที่จุดเดิมนานๆ วิธีการเล่นหรือทำงานมันจะซึมติดตัวเราไปแบบไม่รู้ตัว เลยอยากลองไปทำงานข้างนอกบ้าง ท้าทายความสามารถเรามากกว่าเดิม อาจจะเป็นหนังหรือซีรีส์ต่างๆ”

“ยืนยันจบด้วยดีครับ มันครบรอบสัญญาพอดี ก่อนออกมาก็ได้มีการนัดคุยกับผู้ใหญ่ในช่องหลายๆ ท่าน รวมถึงพี่บอย ถกลเกียรติ เราก็ไปแจ้งให้เขาทราบว่าหมดสัญญารอบนี้และไม่ได้ต่อ เขาก็มีความเป็นห่วงว่าออกไปอยู่นอกบ้านแล้วจะดีมั้ย โอเคมั้ย แนวผู้ใหญ่เป็นห่วง แต่พอเรายืนยันกับเขาไป เขาก็เข้าใจ”

“ซึ่งพอเรามาดูแลตัวเอง แรกๆ ก็เคว้งนะ พอมีบ้าน ทุกอย่างก็ดูเป็นที่เป็นทาง เขาก็มีกับข้าวช้อนส้อมวางไว้ให้ แต่พอออกไปข้างนอก มันไม่มี เราก็ต้องไปผจญภัยข้างอนก เราก็ไม่รู้ว่าโอกาสที่จะเข้ามาในงานต่อๆไปมันจะไปในทิศทางไหน แต่ก็เป็นอีกก้าวนึงที่ทำให้เราโตขึ้น ทุกอย่างต้องขวนขวายด้วยตัวเอง ต้องใช้ศักยภาพที่มี แพสชั่นทางการแสดงพิสูจน์ไป เพราะพอโตขึ้น มันก็รู้สึกว่าอยากลองทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น อยากลองพิสูจน์ตัวเองว่าถ้าไม่มีใครคอยมาป้อน มันจะรอดมั้ย สุดท้ายทุกคนก็มีเส้นทางในชีวิตแตกต่างกันไป สำหรับเราเราแค่มาถึงจุดหนึ่ง เป็นจุดที่เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะลองออกไป”

“ก็ต้องขอบคุณช่องวัน เท่าที่เราได้รับฟีดแบ็ก เขาก็ได้เห็นตั้งแต่ช่วงตะวันตัดบูรพา ยกเครดิตให้พี่โขม ผู้กำกับด้วย หลังจากเรื่องนั้นก็ทำให้คนเห็นเราในฐานะนักแสดงมากขึ้น และช่องวันก็ให้โอกาสเล่นบท แจ็ค เรื่องบ่วงเสน่หา อันนั้นก็ไกลตัวและเป็นอะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยได้ลอง พอเล่นแล้วคนเชื่อคนอิน ในฐานะนักแสดงเราก็ดีใจนะ อย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คนเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นบทดีหรือบทร้ายก็ไล่มาเรื่อยๆ จนถึง นางสาวไม่จำกัดนามสกุลและเรื่องอื่นๆ ช่องก็ให้โอกาสเรามาเรื่อยๆ ก็ดีใจที่คนดูเห็นและรับรู้ได้ถึงความตั้งใจในการทำงานของผม”

“ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากครับ อยากเล่นบทที่ท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆ บทที่แปลกใหม่ แต่เราก็ต้องทำบทที่เราเคยเล่นให้มันใหม่เองก็เป็นหน้าที่ของเราแต่อย่างน้อยถ้าเราได้เจอบทใหม่ๆ มันก็คงเหมือนเราอ่านหนังสือเล่มใหม่ๆ ทุกอย่างก็เปิดโลกเราได้หมด เหมือนออกมาในห้องหนังสือที่ใหญ่ขึ้น เพราะเราพอเป็นนักอิสระ เราก็เปิดรับทุกค่าย ซึ่งถ้ามีค่ายไหนที่พอจะเห็นศักยภาพของเรา เราก็พร้อมจะร่วมงานด้วยครับ”

“อีกอย่าง เราก็ไม่อยากจำกัดตัวเองที่งานแสดงอย่างเดียว งานพิธีกรก็เคยได้ลองทำ ก็อยากทำพิธีกร ที่ออกมาส่วนนึงก็เป็นความหลากหลายในอาชีพในสายงาน ถ้าถามแพลนในชีวิต หลักๆ เราก็อยากเก็บเงินซื้อบ้าน ถ้าอยู่ที่เดิมในแง่ของรายได้หรือความฝัน มันยังพาให้เราไปถึงตรงนั้นไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเราลองออกมาข้างนอกดีกว่า และในแง่ของชีวิตครอบครัวจริงๆ ผมกับแฟนก็จดทะเบียนสมรสไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ใช้คำว่าครอบครัวมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่อาจจะไม่ได้ลงในโซเซียลหรือประกาศอะไรออกไป ด้วยความที่เราทั้งคู่เป็นคนไม่ได้ประกาศชีวิตส่วนตัวมาก ถ้ามีโอกาสพูดก็จะพูด จริงๆ วิธีปฏิบัติต่อกันก็ไม่ได้ต่างจากเดิม แต่ในแง่ของครอบครัวก็ต้องมองไปทีละสเต็ป ก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เป็นความฝันเล็กๆของเรา 2 คน แต่เรื่องลูกก็อาจจะไม่มี ความฝันชีวิตคู่ก็คือมีบ้านแล้วก็ไปเที่ยวกัน”

“เพราะก่อนจะตัดสินใจ ทุกอย่างมันก็ผ่านการคิดมาระดับนึงเพราะมันเป็นก้าวที่เอาง่ายๆ คือออกมาเป็นฟรีแลนซ์ก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน ถามว่าเสี่ยงมั้ยก็เสี่ยง แต่ถ้าเราคิดว่าเป็นคนจริงตั้งใจจริง เราน่าจะอยู่ได้ อันนั้นเป็นพาร์ตของตัวเองนะครับ แต่พาร์ตข้างนอกมันเป็นโอกาสที่จะเข้ามาซึ่งอันนั้นเราคอนโทรลไม่ได้ อันนั้นก็เป็นจังหวะของชีวิต สุดท้ายเราก็คือมนุษย์มันต้องพยายามเอาตัวรอดกันไป ถ้าไม่พยายามดิ้นรนมันก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”





กำลังโหลดความคิดเห็น