xs
xsm
sm
md
lg

“ดีเจแมน-ใบเตย” ร่ำไห้! กลัวถูกจับไม่มีโอกาสพูด วอนสังคมเชื่อใจ ทำอาชีพสุจริต ไม่เกี่ยวข้อง Forex-3D (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ดีเจแมน-ใบเตย” ร่ำไห้แจงคดี Forex-3D ขึ้นศาลพรุ่งนี้ไม่รู้จะเกิดอะไร แต่ขอพูดความจริง วอนสังคมเชื่อใจ ทำแต่อาชีพสุจริต แจงชัดเส้นทางการเงินจาก “อภิรักษ์” คือการเช่าพระ-ขายกระเป๋าแบรนด์เนม ต่อสู้มาตลอด กลัวถูกจับแล้วไม่มีโอกาสพูด ทำใจไม่รอดก็คือไม่รอด



หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง Forex-3D จนต้องเข้าไปให้ปากคำกับดีเอสไออยู่หลายรอบ ล่าสุดวันนี้ (9 เม.ย. 66) “ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน”และ “ใบเตย สุธีวัน กุญชร”พร้อมกับ “ทนายอมร กุศล”และ “ลุกซ์ ชาญวิทย์ ทวีสิน”น้องชายของใบเตย ก็ได้ออกมาเปิดใจเคลียร์กับสื่อก่อนจะขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ 10 เม.ย. 66 เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับ Forex-3D

ดีเจแมน : “อันดับแรกต้องย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไปเป็นในฐานะพยาน เริ่มต้นรู้จักกับอภิรักษ์เพราะไปเป็นดีเจอยู่ที่คลื่นหนึ่ง แล้วน้องเขาก็เข้ามาหาเพื่อมาคุย มาเป็นแฟนคลับแล้วก็เอาพระมาให้ แล้วก็ทักมาเรื่อยๆ ซึ่งเราก็อยู่ในวงการพระเครื่อง ก็เลยมีการเช่าหาพระเครื่องกัน อันนี้ก็คือเส้นทางการเงินที่ทุกคนสงสัย แต่ที่เรายังพูดไม่ได้ตอนนั้น เพราะมันยังไม่ตกผลึก จากเมื่อ 2 ปีที่แล้วไม่มีอะไร แต่วันนี้เราถูกเรียกกลับมา ในสิ่งที่เขาสงสัยเราก็ชี้แจงได้หมดทุกประเด็น เส้นทางการเงินคือการเช่าพระ 4 องค์ ราคา 10 กว่าล้าน ประมาณ 13 ล้านในระยะเวลา 4 ปี มีขุนแผนพรายกุมาร 2 องค์ หลวงปู่ทิม แล้วก็สมเด็จวัดระฆัง เขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน มีรูปมีหลักฐานการโอนทุกอย่างเรียบร้อย (พระที่เช่ามาตอนนี้อยู่ไหน?) อยู่กับอภิรักษ์ ตอนนี้ไม่ทราบแต่เห็นล่าสุดก็ยังเห็นอยู่ตอนที่เขาโดนจับก็ยังเห็นอยู่นะ”

“ในส่วนที่มีรูปถ่าย ไปกินข้าว ไปต่างประเทศด้วยกัน คืออภิรักษ์เขาจะมาหาเรา ไลน์มาว่าขอมาอยู่ด้วยได้ไหม ภาพแรกคือบนดาดฟ้าโรงแรมแห่งหนึ่ง เราไปกินข้าวแล้วเขาขอตามมา และรูปที่คนสงสัยที่สุด คือรูปประชุมที่บอกว่าเกี่ยวกับ Forex-3D ความจริงมันเป็นการประชุมเรื่องถั่งเช่า ซึ่งเราก็เขียนแคปชั่นไว้แล้ว ว่ายาที่ดีของประชาชน ส่วนอีกหนึ่งรูปที่นั่งใส่เสื้อแขนสั้นบนทำงาน คือเราเป็นคนทำมูลนิธิมานานก่อนที่จะรู้จักอภิรักษ์ มีมูลนิธิเด็กพิการซ้ำซ้อน ที่เราทำมาตั้งแต่อายุ 20 เป็นมูลนิธิของครอบครัว ซึ่งอภิรักษ์เขาอยากมีมูลนิธิเหมือนกัน เขาก็ชวนทำมูลนิธิตามรอยพ่อ”

ใบเตย : “ของเตยรู้จักในฐานะเพื่อนแฟน ต้องแยกก่อนว่าจะอธิบายในมุมของ Forex-3D เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา คนที่เขามารู้จัก Forex-3D จะแบ่งเป็น 4 กรณี คือผู้เสียหาย, การเป็นพาร์ทเนอร์, ผู้มารับผลประโยชน์จากตัวซีอีโอหรือ Forex-3D และการเป็นเพื่อนซีอีโอ ตัวพี่แมนเป็นผู้ลงทุน ก็ต้องเป็นผู้เสียหายด้วย แต่ด้วยที่เขาเริ่มจากความเป็นพี่น้อง เป็นแฟนคลับ พอเกิดเรื่องเราก็ไม่ได้ไปเอาผิดหรือไปแจ้งเป็นผู้เสียหาย เหมือนเรายังรักษาความสัมพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมามาเราไม่เคยรู้มาก่อน ว่าเขาทำสิ่งผิดกฎหมาย และมีมูลค่าความเสียหาย มีผู้เสียหายมากขนาดนี้”

ดีเจแมน : “เราไม่เคยคิดที่จะทำร้ายใคร ไม่เคยชวนใคร เราไม่ว่าสิ่งที่อภิรักษ์ทำหลังจากที่โดนจับหรือหนีไป มันคือสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล เราไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไร ในช่วงเวลาทีมาเจอกัน ถ้าย้อนกลับไปได้เราก็ต้องขอโทษ แต่หลายคนบอกว่า 2 ปีที่แล้วทำไมไม่ออกมาช่วยเหลือประชาชน ผมออกมาช่วยตลอดนะ ผมให้การเป็นประโยชน์กับดีเอสไออย่างมาก แต่เราไม่ได้ออกสื่อ”

ใบเตย : “สิ่งที่อยากเคลียร์มากๆ คือเราได้เห็นคอมเมนต์มาตลอด มีคนเข้าใจผิดเยอะมาก ทุกคนเข้าใจว่าเราคือคนในบริษัทนั้น ยังย้ำคำเดิมว่าเตยกับพี่แมน ไม่มีชื่อในบริษัท ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เลยกับ Forex-3D และเราไม่มีการดาวน์ไลน์ ไม่มีผู้เสียหายสักคนจากทางเรา เพราะเราไม่ได้ชักชวนใครแม้แต่หนึ่งคน การันตีได้เลยว่าถ้าตรงนี้ให้เอาหลักฐานพยานทุกอย่างมาโชว์ต่อหน้าสื่อเลย ว่าได้รับการเชิญชวนจากเรา”

ดีเจแมน : “ย้อนไปอีกเรื่องคืองานแต่งงาน ที่บอกว่ามีเงินเข้า ตอนนี้เอกสารต่างๆ มันไปถึงชั้นอัยการแล้ว เราแจงได้หมดว่ามันคือเงินอะไร เรามีเอกสารหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร และพยานบุคคลทั้งหมด และนอกจากเรื่องงานแต่ง บ้านเรา รถเรา เรายังผ่อนไฟแนนซ์เหมือนคนปกติ 9 เดือนที่ผ่านมาเราเดือนร้อนมาก วันนี้อยากมาพูด ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้มันคือระบบกล่าวหา เราอยากได้ความยุติธรรมในการต่อสู้ ขอให้อ่านสำนวนที่เราส่งไปอย่างละเอียด”

ใบเตย : “ในเรื่องเงินของเตย ต้องอธิบายก่อนว่าในวันแรกที่เราแจ้งไปว่าไม่เกี่ยวข้องทางเรื่องการเงินเลย สิ่งแรกก็คือเรื่องจริง เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินจากบริษัท Forex-3D โดยตรง คือบริษัท Forex-3D เนี่ย มีบัญชีที่คนลงทุน เงินของผู้เสียหาย เงินกำไรหรือผลประโยชน์ใดๆ จะอยู่ในบริษัทมี ดี เพย์ จำกัด เราไม่มีเงินอะไรใดๆ จากตรงนั้นเลยแม้แต่บาทเดียว เส้นทางทางการเงินที่ทางดีเอสไอได้ชี้แจงเรามา คือเส้นทางการเงินของบุคคลจากทางซีอีโออภิรักษ์ค่ะ”

ลุกซ์ : “ซึ่งของพี่เตยปรากฎเป็นเงิน 990,000 บาท มี 3 รายการ”

ใบเตย : “ตรงนี้เตยก็ได้ยื่นพยานหลักฐานกับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด มีทั้งพยานบุคคล และพยานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ว่าตรงนี้คือค่าอะไรบ้าง เราได้ทำการซื้อขายกระเป๋าจากทางซีอีโอที่เขาโอนเงินมาให้เรา และซื้อสินค้าชิ้นนี้ให้ภรรยาเขา เส้นทางการเงินของใบเตยมีแค่นี้ค่ะ ยอดใหญ่สุดคือค่ากระเป๋าราคา 550,000 ยอดรองลงมาเป็นเหมือนการไปเที่ยวกันจะมีการโอนซื้อตั๋วเครื่องบินต่างๆ และยอดสุดท้ายก็คือเป็นยอดที่ใบเตยโอนคืนกับภรรยา ซีอีโออภิรักษ์ในวันที่เราไปเที่ยวกัน แล้วเขาได้รูดบัตรเครดิตซื้อของก่อนให้เราค่ะ แค่นั้นเลยค่ะ”

ดีเจแมน : “ส่วนรูปถ่ายที่ไปต่างประเทศด้วยกัน คือถ้ามองกว้างๆ จะเห็นว่าอภิรักษ์เขาถ่ายรูปกับนักแสดงหรือคนมีชื่อเสียงหลายคน ไปดูได้ แต่มันเป็นเราที่อยู่ในข่าวเยอะหน่อย”

ใบเตย : “ในโซเชียลจะบอกว่าเรารวยผิดปกติ ไปเมืองนอกกัน มีเงิน แต่สิ่งที่เราชี้แจงกับกระบวนการยุติธรรม คือเราไปเมืองนอกตั้งแต่ปี 2013 แล้ว ที่เรามีกำลังใจในตัวเองพอสมควร ที่จะเที่ยวกันมา ตั้งแต่ก่อนจะมี Forex-3D ก่อนจะมารู้จักอภิรักษ์อีก อยากบอกกับสังคมว่าทุกคนเห็นหนูมาตั้งแต่ 14 ปีที่แล้ว ออกซิงเกิ้ลแรกจนถึงวันนี้ ในวันที่เราโดนชี้แจงข้อกล่าวหา 19 สิงหาคมที่ผ่านมา วันนั้นคือวันที่หนูหมดสัญญากับค่ายอาร์เอสแบบเป๊ะๆ หนูบอกได้เลยว่าเส้นทางทางการเงินของหนู อยู่กับที่นี่มา 17 ปี มีทุกอย่างที่เป็นหลักฐาน รายได้อยู่ที่นี่ทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เงินของเตยจะมาจาก Forex-3D วันนี้เสียใจมาก หนูทำงานเหนื่อยมาก มีคอนเสิร์ตทุกวัน ทุกอย่างของเราสุจริตมากๆ แต่วันนี้เราได้ข้อหาฉ้อโกงประชาชน หนูผิดหวังในตัวเองมากๆ ก็อยากให้ทุกคนเชื่อใจและรับฟังความจริงจากฝั่งเราทั้งหมดค่ะ”

ดีเจแมน : “ถามว่าแนวโน้มจะไปทางไหนเราไม่รู้เลย แต่ 2 วันที่แล้วมีน้องโทร.มา ว่าเตรียมหลักทรัพย์ด้วย คือเขาอาจจะพูดแบบนี้กับทุกคน แต่เรารู้สึกว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ขอให้ได้พูดความจริง ว่าเราโดนกล่าวหา เราต้องการโอกาสในการต่อสู้ครับ เราไม่เคยหนีเลย เราไปตามเวลาตลอด เราให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่เคยวิ่งเต้นอะไร เราอยากรู้เหมือนกันว่าความจริงมันจะปกป้องเราไหม วันนี้ที่เราเงียบเพราะเราไม่รู้ว่าทางกฎหมายมันจะมีอะไรหรือเปล่า แต่พอเรามั่นใจแล้ว ว่าเรื่องที่เขาสงสัยเรามีแค่นี้ เราก็อยากจะให้ประชาชนรู้ด้วยว่ามันเป็นแบบนี้นะ บ้านเราก็กู้เหมือนคนปกติ เราผ่อน เราเป็นหนี้เหมือนทุกคน สเตทเม้นท์ทุกอย่างเราตรวจได้หมด”

ใบเตย : “คือในส่วนของคอนเทนท์ที่ผ่านมาที่เป็นข่าวเยอะมากๆ เอาจริงๆ ตรงนี้ใบเตยไม่ได้ติดใจอะไรเลยเพราะว่าถ้าได้ดูรายการเต็มๆ ทุกคนก็จะ ได้เห็นและใบเตยก็จะพูดทุกรายการว่าในช่วงโควิดใบเตยต้องขยันมากกว่าคนอื่นเยอะมากเพราะอย่างแรก ณ วันนั้นศิลปินนักร้องเราไม่ได้มีงานเลย อย่างที่สองใบเตยตั้งท้องใบเตยกำลังมีเวทมนต์ หนูขยันกับชีวิตจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้องเพลงมีอาชีพเดียวมาตลอด จนมามีสามอาชีพเป็นแม่ค้าออนไลน์ เป็นยูทูปเบอร์และการได้รับงานที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนแปลง เป็นมนุษย์คอนเทนท์ ทุกคนจะสังเกตุเห็นได้เลยว่ามันเกิดมาช่วงโควิด เพราะทุกคนไม่สามารถออกนอกบ้านได้เลย นั่นคือสิ่งที่เราทำและช่วยหารายได้ให้เราในช่วงนั้น มันแค่นี้เลยค่ะ”

ดีเจแมน : “แล้วสิ่งที่เรามีเนี่ยก็เกิดหลังจากที่อภิรักษ์โดนจับไปนานมากก็อยากจะให้ดูตรงนี้ด้วย เราก็มาขอความยุติธรรม”

ตอนนี้มีความกังวล กลัวไม่มีโอกาสจะได้พูด
ดีเจแมน : “เราเห็นในหลายๆ ครั้งว่าการที่โดนกล่าวหาแล้ว สมมุติถ้าท่านสั่งฟ้องแล้วเราจะไม่ได้ประกันตัว ในสิ่งที่เราสู้มาตลอด เรากลัวแค่นี้เอง ว่าเราอยากได้ความยุติธรรม ให้เราได้มาสู้ไม่ว่าจะถึงศาลหรืออะไร ได้ประกันตัวออกมาสู้ข้างนอก สมมุติว่าถ้าถึงขั้นตรงนั้นนะ เราขอแค่ความยุติธรรม อันนี้คือเคสที่มันเลวร้ายที่สุด คือเราอยากต่อสู้เพราะเราสู้มาตลอดหลักฐานทั้งหมดที่เราขอไปก็ยังไม่ครบ”

ทนายอมร : “คือในส่วนทางด้านของกฎหมายทำไมแมนกับเตยไม่ได้ตอบคำถามสื่อตั้งแต่ต้น เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างเราต้องแสวงหาหลักฐานก่อน เมื่อเรามีในมือแล้วเราถึงกล้าที่จะมาตอบ เหมือนวันนี้น้องก็พร้อมที่ให้ข้อเท็จจริง ส่วนผมก็มีหน้าที่ในการแสวงหาพยานหลักฐานแล้วนำเข้าสู่สำนวน ส่วนผู้รับผิดชอบไม่ว่ากระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนไหนเราเคารพทั้งหมดจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเราก็พร้อมที่จะยืนยัน ข้อเท็จจริงตัวนี้ตลอดไปแม้นว่าจะเป็นถึงศาลหรือไม่ถึงศาลก็แล้วแต่ผมทนายและทีมงานทุกคนเชื่อมั่นในหลักฐานว่าน้องทั้งสองคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องครับ”

ก่อนที่จะมาให้สัมภาษณ์ ไปอัดรายการมีการร้องไห้ เพราะเครียดมาก
ดีเจแมน : “เครียดสิครับ”

ใบเตย : “จริงๆ แล้วตัวใบเตยเอง ในการเจอเรื่องนี้ในครอบครัวทุกคนได้รับเอฟเฟกต์มากๆ แต่ใบเตยไปว่าตัวใบเตยเองมากสุด ด้วยความที่เราเป็นแม่คน ด้วยความที่เราเป็นคนรักการทำงานมาก เราเป็นศิลปินลูกทุ่งมาตั้งแต่ค่าตัว 5,000 จนมาถึงวันนี้ได้ สิ่งที่หนูกลัวที่สุดคือหนูกลัวจะไม่ได้ร้องเพลง (เสียงสั่น) หนูกลัวจะไม่ได้ทำงาน หนูเป็นนักร้องที่มีคอนเสิร์ตทุกวันทุกปี แล้ว ณ วันนี้ 7 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น หนูไม่ได้ทำในสิ่งที่หนูรักเลยสักวัน มันเสียใจมากในฐานะคนขยันทำงานคนนึง และคนที่อยากทำในสิ่งที่รัก หนูต้องบอกเลยว่าหลายเรื่องราว”

“ตั้งแต่วันที่ 19 ที่ผ่านมาชี้แจงข้อกล่าวหา เราโดนกล่าวหา ชีวิตหนูไม่เคยมีข่าวดีเลยสักวัน คนรอบตัวหนูทุกๆ อย่างทยอยโดนจับกันไปหมด (ร้องไห้) หนูมีความเสียใจหลายๆ เรื่องมากๆ และสิ่งที่อยากให้ทุกคนรู้ อยากให้แฟนคลับหรือทุกคนได้ทราบมากๆ เลยก็คือ ณ วันนี้ใบเตยอยากให้ทุกคนมองใบเตยกับพี่แมนว่าสุดท้ายเราสองคนไม่ได้เป็นคนโลภเลย ในเรื่องนี้เราสองคนไม่ได้เป็นคนที่หวังอยากจะรวย อยากจะมีเงินในทางการทำงาน หรืออะไรก็ตามที่เป็นสิ่งทุจริตผิดกฎหมาย เพราะเราสองคนทำงานในวงการมา เราได้เงินมาจากความสุจริตทั้งหมดค่ะ ซึ่งเราก็มีหลักฐานตรงนี้ทุกอย่าง”

เครียด ไร้งาน ไร้เพื่อน โดนสังคมประนามเป็นอาชญากร
ดีเจแมน : “คือเรารู้ว่าบริบทของแต่ละท่านแตกต่างกัน แต่แค่มันทำให้เรารู้สึกว่าใจเสีย เพราะผมเชื่อว่าหลายคนเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้เราเป็นชุดสุดท้ายเรายังเครียด ไร้งานและโดนสังคมประนาม คือข่าวเวลามันออกไปต้องบอกว่ามันรุนแรงนะในการใช้ชีวิต ยามในหมู่บ้านยังขับจักรยานมาเลยบอกว่า เจ้านายยังอยู่เหรอ คือเวลากระจายออกไป มันรุนแรงนะ ต้องบอกเลยว่าทุกอย่างมันดูว่าเราเป็นอาชญากรรม อาชญากร งานเราหาย เพื่อนเราหายไป”

“ต้องบอกเลยว่ามันหนักมากๆ สำหรับ 9 เดือนนี้ แต่ความหนักหน่วงตรงนี้เรามองถึงลูก ภรรยา ครอบครัว พ่อแม่ พี่ เราอยู่วงการบันเทิงมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย เรามีอาชีพ ที่เรารับอยู่วันนึงทุกคนมองเราผิดพลาดหรือแย่ไป เราต้องโดนแคนเซิลหนัง 3 เรื่อง ละคร 4 เรื่อง พิธีกร โอเคไม่เป็นไร เรารู้สึกว่า 9 เดือนที่ผ่านมาในเมื่อเรายังต้องพิสูจน์ความจริงเราก็ไม่โกรธอะไร เราก็หาอย่างอื่นทำขายของขายพระเครื่องเป็นอาชีพของเราไป ก็คือทำงานไป แต่มันเจ็บตรงที่มันตื่นมาวันนี้เราไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ เราโดนกดดันในทุกๆ ด้าน คือเรา โดนกดดันทางด้านสังคมและหลายๆ อย่าง ซึ่งไม่มีใครรู้เบื้องลึกหรอกว่าเราเจออะไรบ้าง มันหนักหน่วงมากจริงๆ ที่เราจะก้าวต่อไปในแต่ละก้าว รับโทรศัพท์แต่ละวันเราต้องเจอเรื่องอะไรบ้างมันเลวร้ายมาก”

ห่วงที่สุดคือลูกสาว
ดีเจแมน : “ที่สุด คือน้องเวทมนต์ เราทำรายการให้เขาคือ เมจิก สตอรี่ รู้เลยว่าผลกระทบแรกก็คือเรื่องสปอนเซอร์ สองกระจิตกระใจในการที่จะพาลูกไปถ่ายอะไร เรากลัวเราแคร์หลายอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา สายตาคนอื่น คอมเมนต์หรือบางที่ที่เอารูปลูกเราไปลงเขียนต่างๆ มันรู้สึกหนักและแย่มากสำหรับเด็กคนนึงที่ต้องเติบโตขึ้นมา แล้วเขาเสิร์ชข่าวต่างๆ แล้วเห็นว่ากระบวนการยังไม่ได้ตัดสินอะไรเลยแต่ โอ้โห ต่างๆ นานา ก็เลยห่วงลูกเราเหมือนกันเพราะเวทมนต์ก็ 3 ขวบแล้ว”

มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ หลักฐานที่มียืนยันความบริสุทธิ์ได้
ดีเจแมน : “ผมมั่นใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะ สำหรับหลักฐานในการที่เขากล่าวหามาเราชี้แจงได้หมด”

ทนายอมร : “ตอบได้หมดทุกคำถามครับ ที่พนักงานอัยการหรือดีเอสไอสงสัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเป็นเรื่องของการใช้ดุลยพินิจของแต่ละท่าน เราก็คงต้องน้อมรับครับ แต่เราเชื่อมั่นในหลักฐานของเราครับ”

จะกอบกู้ชื่อเสียงตามกฎหมาย หลังพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ รวบรวมหลักฐานไว้ 2 ปีแล้ว
ดีเจแมน : “คำถามนี้ดีมาก ผมก็ยังคิดอยู่ ผมต้องบอกก่อนว่าหลังจากนี้สิ่งที่มันทำร้ายเรามาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคนที่พูดหรือใครก็แล้วแต่ วันนึงถ้าเราพิสูจน์แล้วว่าเรา 2 คนบริสุทธิ์ เราต้องขอใช้พื้นที่ตรงนี้ทำตามกฏหมายคืนบ้างกับสิ่งที่ผมเสียไป 9 เดือน ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอย่างนี้หรอกแต่คุณรู้ไหมว่าครอบครัวผมเจออะไรมาบ้าง คุณแม่ คุณพ่อผ่าตัดล้มในห้องน้ำ ในสิ่งที่ถูกถ่ายทอดออกไป ญาติ พี่น้อง เพื่อน ลูกผม ภรรยานอนร้องไห้ทุกคืน เมื่อผมได้รับความยุติธรรมในการพิสูจน์มาในขั้นตอนไหนก็ตามที่ผมชี้แจงไป เสร็จเรื่องนี้แล้วผมขอความยุติธรรมคืนโดยการที่ผมต้องใช้กฎหมายทำอะไรบ้างกับบางคนบางสิ่งที่ทำร้ายครอบครัวผม (มีการรวบรวมหลักฐาน?) ผมรวบรวมไว้ 2 ปีกว่าแล้ว”

ทนายอมร : “คือตอนแรกที่เข้าพบพนักงานดีเอสไอเราก็ไม่ทราบว่าเราโดนข้อหาอะไรบ้าง พอไปเจอก็ทราบแจ้งข้อกล่าวหาว่าเรื่องอะไรก็ได้ คำตอบมา เราถึงมีการขอเวลาเพื่อที่จะแสวงหาหลักฐาน บางทีการขอเลื่อนตามที่เห็นอยู่ที่เป็นข่าวสุดท้ายเราก็ครบอธิบายได้ครบทุกอย่าง”

ลุกซ์ : “ทุกครั้งที่ดีเอสไอนัด เราไปตามนัดทุกครั้ง แต่จะมีครั้งเดียวที่เราไม่ได้ไป เพราะว่าเอกสารทางธนาคารเราใช้เวลา เราก็ต้องทำการขอ เราก็อยากชี้แจงให้ทุกคนทราบเพราะบางทีคนก็สงสัยว่าเราเลื่อนเพื่ออะไร สเตทเม้นท์ถูกย้อนไปถึง 8 ปี แต่บางอัน ที่เรามีรายรับรายจ่ายเข้าออกมันอยู่ที่ 4-5 ปี ซึ่งธนาคารตามกฎแล้วเขาไม่สามารถทำให้เราได้เลยต้องใช้ระยะเวลาไปที่สำนักงานใหญ่ ก็แจ้งเป็นวิทยาทานให้คนทั่วไปด้วยเช่นกัน”

เตรียมหลักทรัพย์ สำหรับขึ้นศาลพรุ่งนี้แล้ว
ดีเจแมน : “คือมันเป็นกฎของเขาอยู่แล้ว”

ทนายอมร : “เราทราบแล้ว เพราะทางนิติกรเขาโทรมาเบื้องต้น ว่าให้เตรียมหลักทรัพย์นะ ซึ่งเราก็ได้จัดเตรียมตามที่สั่งการมา ส่วนจะมากน้อยยังไงก็แล้วแต่ถ้าเกิดมีการฟ้องจริงก็ แล้วแต่ดุลยพินิจของศาลครับ”

ดีเจแมน : “ถามว่าเตรียมเท่าไหร่ คือเราไม่รู้ไงว่ามาตรฐานจะเป็นยังไง วันนั้นมันต้องดูที่หน้างานอย่างเดียว อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องรอดู มันไม่มีอะไรที่ตายตัวไม่มีมาตรฐานอะไรวัดฃ”

ลุกซ์ : “แต่สิ่งที่อยากบอกคือว่า ถ้าสมมุติเกินจำนวนที่เรามี ถ้าสมมุติเกิดเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆ ว่าจะต้องมีการประกันตัวแล้วเรามีไม่พอ...”

ดีเจแมน : “ซึ่งถ้าเท่าคนเก่าเราไม่มีแน่นอน”

ลุกซ์ : “มันก็คงไม่สามารถที่จะประกันกันได้ อันนี้ก็คงต้องพูดตรงๆ เพราะถ้าในฐานะครอบครัวรู้สึกว่าเราไม่ได้อยากให้เกิดเลยค่ะ (ร้องไห้)”

ทนายอมร : “แต่เราเชื่อในกระบวนการยุติธรรมครับท่านให้ความเมตตา”

ลุกซ์ : “เพราะว่าเลเวลที่พี่แมนกับพี่ใบเตยเจอมา มันมีตัวอย่างมาอยู่แล้ว และในตัวอย่างนั้นเราพูดกันตรงๆ ว่าไม่มีใครรอด เพราะฉะนั้นวันนี้เราเลยรู้สึกว่าถึงเวลาอาจจะเป็นเวลาเหมาะสมที่เราควรจะได้พูดอะไรบ้าง เพราะก่อนหน้านี้อย่างที่เรียนแจ้งไปตั้งแต่ตอนแรก ว่าเราอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมสำนวนทั้งหมดเรายังพูดไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่ว่ามาพูดวันนี้เพื่อที่จะให้พรุ่งนี้เกิดปรากฏการณ์หรืออะไรก็ตาม เพราะวันนี้มันก็วันอาทิตย์แล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว แต่พูดวันนี้ลุกซ์บอกพี่เตยกับพี่แมนด้วยความเป็นคนในครอบครัวว่าพูดเถอะ ให้คนที่เขายังเชื่อเรายังรักเราได้ยิน เพราะก่อนหน้านี้เราไม่ได้พูดเลย ลุกซ์เป็นคนที่อยากให้เขาพูดมาตลอดเพราะเขาไม่เคยได้สู้ด้วยตัวเอง เขาสู้ด้วยทนาย เขาสู้ด้วยการทำงานกับดีเอสไอกับอัยการให้เราต้องส่งสำนวนกันมาตลอด แต่เรื่องนี้มันมีผู้เสียหายที่เป็นประชาชน มีคนที่คอยรับฟังข่าว มีคนที่ทั้งเกลียดทั้งอยากด่าทั้งหมั่นไส้และมีทั้งคนที่รักอยากเข้าใจ วันนี้ลุกซ์ขอแค่ให้พี่เตยกับพี่แมน และพูดให้กับคนที่เขาพร้อมจะเข้าใจได้ฟังแค่นั้นเองค่ะ ไม่ได้มีเคลือบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น”

ทำใจถ้าไม่รอดก็คือไม่รอด
ลุกซ์ : “ตามกระบวนการถ้าไม่รอดก็คือไม่รอด แค่นั้นเองค่ะ ก็ต้องทำใจ เราคุยกันอยู่เสมอเราสร้างความเข้มแข็งในบ้านกันมาตลอด (กอดใบเตยร้องไห้)”

ดีเจแมน : “แต่เราก็ขอว่าหลักฐานทั้งหมดมันมีอยู่แค่นี้ทั้งที่ทุกคนทราบ แล้วก็ระบบกล่าวหาอันนี้เราต้องขอความยุติธรรมนะครับ เราก็อยากจะเป็นตัวอย่างไม่ใช่แค่ดารา ทุกคนควรจะมีสิทธิ์ได้ต่อสู้ในกระบวนการตามกฏหมายอย่างยุติธรรมเท่านั้นเองครับ ถามว่ามีระยะเวลากำหนดไหม ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ เราก็อยากให้มันสิ้นสุดให้เร็วที่สุด แต่กระบวนการยุติธรรมมันก็ต้องเดินไปตามขั้นตอน ซึ่งมันมีไทม์ไลน์ของมันแต่ 9 เดือนนี้เราก็แย่มากแล้ว ก็อยากให้มันจบ”

ทนายอมร : “คือการสู้คดีของเรา รอให้การโดยชัดแจ้งตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน อัยการ เราไม่ใช่ปฏิเสธลอยๆ นะครับ เรามีหลักฐานทุกอย่างในสิ่งที่เขาสงสัยทั้งหมดครับ ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละท่านนะครับ แต่ผมเชื่อในกระบวนการยุติธรรมมาก สิ่งที่น้องเขาทำมามันเป็นขั้นเป็นตอนมาตลอด มีที่อยู่ที่แน่นอนไม่มีเจตนาที่จะหลบหนี แต่ข่าวที่ออกไปก็คือสร้างว่าไปแล้วบินไปแล้วแต่จริงๆ อยู่บ้าน ก่อนหน้านั้นนะครับ แต่จริงๆ คือเราพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองต่อศาลต่อทุกๆ คนแต่ขอโอกาสเท่านั้นเอง”













กำลังโหลดความคิดเห็น