“รัศมีแข” เผยเป็นโรค “ไม่รังเกียจตนเหรอ?” แพนิกคนแตะต้องเนื้อตัว จากอดีตที่โดนทำร้าย ถูกรังเกียจสีผิว ขอบคุณเพื่อนดาราให้อุ้มลูก ตอนนี้ใช้เด็กบำบัดแทนพึ่งจิตแพทย์ ลั่นผุดเพจเกี่ยวกับคนผิวสีในเมืองไทย ไว้แชร์เรื่องราวกันและกัน
หลังจากที่ “รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น” ออกมาเผยเรื่องราวของตัวเอง เล่าตอนเด็กโดนทำร้าย ถูกรังเกียจจากสีผิว และขอเรียกโรคนี้ว่า “โรคไม่รังเกียจเราเหรอ” ที่ทำให้เจ้าตัวแพนิกทุกครั้งที่มีคนมาแตะต้องเนื้อตัวตนเอง รวมทั้งขอบคุณเพื่อนดาราที่ให้อุ้มลูก ตอนนี้ใช้เด็กบำบัดแทนการพึ่งจิตแพทย์
โดยรัศมีแขได้เผยถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง โดยเผยว่าอาการนี้เป็นตั้งแต่ตอนที่ตนเองอยู่เมืองนอกแล้ว เป็นปมในใจหนัก และเร็วๆ นี้จะตั้งเพจเพื่อคนผิวสีในประเทศไทย
“จริงๆ 1-2 วันนี้คุยกับพี่หอม (ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์) ถึงเรื่องนี้ เราก็บอกกับพี่หอมตรงๆ ว่าเราไม่อยากเก็บไว้แล้วนะ เราไม่อยากแบกความรู้สึกนั้น เราเป็นคนที่โดนทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก บวกกับเราเป็นผิวสี เราก็จะถูกมองว่าน่ารังเกียจ บางทีก็มีคำถาม เขาจะพูดว่ารู้จักใครบ้างไหม แนะนำให้รู้จักทีสิ ขอขาวๆ สะอาดอะไรแบบนี้ พอสิ่งทุกอย่างพวกนี้มันมารวมกันทำให้เราเกิดอาการแพนิก เวลาเพื่อนในวงการแรกมาจับมือ หรือพี่ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) มาหอมเนี่ย แรกๆ เราจะแพนิก จะออกอาการเลย
มันไม่ใช่กลัวเขารังเกียจครับ มันจะมีเอ๊ะว่าเขาไม่รังเกียจเราเหรอ แล้วเราก็จะคิดแบบนี้ไปทั้งวัน จนต้องมีการพูดคุยกัน ประมาณว่าพี่เกด ไอรักยูนะ ประมาณนี้ มันถึงจะโอเคขึ้น แต่สิ่งที่มันมาช่วยทำให้เรารู้สึกว่าอาการนี้มันดีขึ้น เมื่อเราไปเจอลูกดารา ลูกเพื่อนๆ ที่น่ารักๆ เราอยากเล่นนะ แต่เราก็จะยังไงดี ก็ได้แต่ยืนมอง ก็จะเป็นเพื่อนๆ เอาลูกมาให้อุ้ม หรือล่าสุดคุณกรณ์ (กรณ์ ณรงค์เดช) กับพี่ริต้า (ศรีริต้า เจนเซ่น) ก็เอาลูกมาให้อุ้ม เราก็อุ้มลูกเขาด้วยความแพนิก ถ้าเป็นความรู้สึกเราคือเขาต้องรังเกียจเราสิ เพราะเราโดนแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
อาการนี้เป็นตั้งแต่อยู่เมืองนอกเลยครับ จริงๆ ก็ติดตัวมาตลอด เราก็คิดว่ามาอยู่ตรงนี้แล้วคงไม่มีอะไรแล้วมั้ง สุดท้ายมันยังมีอาการนี้อยู่ จริงๆ เราอยากบอกว่าคนที่บูลลี่คนหรือทำร้ายคนอื่น อย่าคิดว่าต่อไปคนๆ นั้นจะประสบความสำเร็จแล้วหรือมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้วมันจะหายนะ มันไม่หาย สิ่งที่เราเล่าไม่ได้อยากให้คนมาสงสาร แต่เราอยากให้คนกลับไปคิดมากกว่าว่าเวลาเรากระทำอะไรกับคนอื่นไว้ มันเป็นแผลนะ บางทีเขาใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไร แต่ลึกๆ ข้างในมันมี สำหรับแขมันก็แอบน่ากลัวเหมือนกัน”
รับเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะแบลงก์ไปเลย
“หน้าหนูจะเหวอเลย ในหัวหนูจะแบลงก์ไปหมดเลย แล้วหนูจะมีความคิดว่าจริงเหรอๆ อยู่ตลอด มันเกิดขึ้นตอนอยู่กับทุกคน แต่เด็กมันช่วยได้มาก มันเหมือนปลดล็อก เราถึงอยากขอบคุณพ่อๆ แม่ๆ ทุกคน เวลาไปไหนเขาก็จะเรียกบอกแขมาอุ้มหลานหน่อย จริงๆ เราเป็นคนอยากอุ้มนะ แต่เราจะไม่พูด เพราะความรู้สึกตรงนี้เราโกหกไม่ได้ แต่พอเราได้อุ้มเด็ก เรารู้สึกว่าไม่อยากแก่เลย อยากมีชีวิตยาวๆ อยากเป็นลุงของหลานๆ ถามว่าเรารู้ได้ไงว่ามีอาการแบบนี้ แขถามตัวเองว่าจะเอายังไงดี และแขก็ไปคุยกับพี่หอม ไปสารภาพกับพี่หอมว่าหนูมีอาการประมาณนี้เวลามีคนมาจับตัว พี่หอมก็บอกว่าเข้าใจ คนมันโดนมาเยอะ มันมีปม เพราะพี่หอมจะรู้ว่าเห็นแขแบบนี้ แขเป็นคนที่เซนซิทีฟมากถึงมากที่สุด”
ใช้เด็กบำบัดไม่ต้องพึ่งจิตแพทย์
“ยังครับ ก็บำบัดด้วยตัวเอง บำบัดด้วยเด็กๆ นี่แหละ (หัวเราะ) ช่วยเราได้มาก เอาจริงๆ เราโตมาโดยที่ไม่ได้รับความรัก คนอาจจะไม่รู้ว่าแขเคยโดนบูลลี่ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่คนนอก แต่เป็นคนในครอบครัวด้วย เราก็เป็นคนที่ไม่ได้รับความรักมาตลอด แล้วพอวันนึงเรามานั่งเลี้ยงลูกเพื่อน ก็รู้สึกว่าทำไมรักขนาดนี้ ถึงได้รู้ว่าเวลารักมันเป็นอย่างนี้นี่เอง มันมีความสุข แล้วก็คิดว่าฉันไม่อยากตาย ไม่อยากป่วย ไม่อยากเป็นอะไร อยากดูแลตัวเอง อยากอยู่ดูเขาไปนานๆ เรารู้สึกว่าเรามีค่า เราไม่ได้เกิดมาแล้วคิดแค่ว่ากูมีชีวิตอยู่ทำไม หรือกูจะช้อปปิ้งอะไร ไม่ เรารู้สึกว่าชีวิตมันมีค่ามากขึ้น รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้น
ตอนนี้ยังปลดล็อกไม่หมดครับ ก็ต้องค่อยๆ ไปเรื่อยๆ สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันเกิดขึ้นไปแล้ว แผลที่โดนบาดไปแล้ว อย่างน้อยมันก็ยังเหลือแผลเป็น จะให้หายไปหมดก็คงไม่ได้ ก็ยังมีอาการอยู่บ้าง ยังมีตื่นเต้นนิดหน่อย”
สามีรู้อาการนี้
“รู้ค่ะ เขาก็ถามว่าเธอรู้สึกยังไงเวลาฉันกอด ฉันก็รู้สึกดีสิ เพื่อนๆ ในวงการจะรู้ดีว่าเวลาเจอใครแขจะเข้าไปกอด มันเป็นความรู้สึกว่าไอเลิฟยูนะ ไม่ได้อยากให้กำลังใจคนที่เจอ เพราะยังไงมันก็ต้องไฟต์สู้ชีวิตต่อไป คนเราไม่ได้น่ารักทุกคน แต่สำหรับคนที่คิดจะไปทำอะไรคนอื่น เราอยากให้รู้ว่า วันนึงพอเขารวยขึ้น เขามีชีวิตที่ดีขึ้น เขาไปอยู่ไกลขึ้นแล้วสิ่งพวกนี้มันจะหายไป มันไม่ได้หาย เหมือนบางคนที่โดนลวนลามเหมือนกัน บางคนบอกก็เห็นยังใช้ชีวิตปกติ แต่ลึกๆ ข้างในมันจะนึกถึงอยู่ตลอดเวลา ใครที่ทำไว้ ขอโทษวันนี้ก็ยังไม่สายนะ
ยังไม่มีใครมาขอโทษค่ะ เพราะแขบล็อกไปแล้ว (หัวเราะ) ตัวหนักๆ เราก็จะบอกว่าไม่ยุ่งกันนะ เราก็แลกกันว่าโอเคฉันจะไม่เล่าเรื่องคุณนะ แต่คุณต้องเลิกยุ่งกับฉัน เอาจริงๆ ตอนนี้แขกำลังทำเพจอยู่ ชื่อเพจ black light เป็นเพจเกี่ยวกับคนผิวสีในไทย ตอนนี้มีเพจแล้ว แต่ยังไม่ได้เขียนเรื่องราวลงไป อย่างแขไปเดินแบบล่าสุด แขเจอน้องอายุ 14 แขเดินเข้าไปเลย ถามว่าเป็นยังไง โดนไหม เขาก็บอกว่าโดนครับพี่ แล้วทำยังไง เป็นยังไง แขถามเลย สุดท้ายแม่เขาก็มาขอบคุณ เขาไปเล่าให้แม่เขาฟัง แล้วแม่เขาบอกว่าขอบคุณมากนะคะที่คุยกับน้อง”
ดีใจได้แชร์ความรู้สึกกัน
“ดีใจ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามีชื่อเสียง แต่นอกจากชื่อเสียงที่ทำให้เราสุขสบายขึ้นแล้ว อะไรที่มันเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้าง เราก็อยากทำ แล้วพอวันนึงแค่เราเดินเข้าไปคุย มันรู้สึกดี และเปลี่ยนแปลงอะไรให้ใครหลายๆ คน ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจหรอกที่ว่าดาราเป็นคนของประชาชน มันคืออะไร แต่ทุกวันนี้เรารู้แล้วว่ามันมีหน้าที่ของมัน ซึ่งสามารถทำได้ดีด้วย และน้อยคนที่จะมีโอกาสทำอย่างนี้ ดังนั้นเราก็ใช้ชื่อเสียงที่เรามีตรงนี้ ทำให้เป็นประโยชน์ สำหรับเพจก็จะเริ่มเขียนเรื่องราวต่างๆ และรับฟังมากขึ้น จริงๆ มีหลายเคสเลยนะ คือลูกไม่ได้เป็นคนดำหรอก แต่ลูกตีเทนนิส ลูกก็อยากเลิกตีเทนนิส ทั้งๆ ที่เล่นเก่งมาก เพราะเวลาเดินไปไหนคนจะถามว่าใช่แม่ลูกกันเหรอ ทั้งๆ ที่เด็กเขารักกีฬานี้มาก แต่แค่เขาไปตีกลางแดด แล้วผิวเขาผิดสีไป เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะ”