เมื่อเร็วๆ นี้แบรนด์ Reebok ได้จัดกิจกรรมยกยิมมาอยู่ใจกลางเมืองอย่าง Central World เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มคนเมือง ที่รักในการออกกำลังกาย พร้อมเชิญมาร่วมทดสอบความเจ๋งของรองเท้า Reebok รุ่น Nano X3 ชูจุดเด่นด้วยระบบ Lift & Run Chassis พร้อมประกาศทวงบัลลังก์ผลิตภัณฑ์สินค้ากลุ่มเทรนนิ่ง ซึ่งปีนี้ยังเตรียมทุ่มงบการตลาดกว่า 18 ล้านบาท เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้มากที่สุด
คุณซาจี เทคคายิล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้านำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์แบรนด์ Reebok เผยถึงทิศทางการตลาดของแบรนด์ Reebok ในปัจจุบันว่า “ปัจจุบันผู้คนได้ให้ความสนใจในการออกกำลังกายมากขึ้น ทั้งในประเทศไทยเองหรือแม้กระทั่งต่างประเทศ เรียกได้ว่าเป็นส่วนนึงของชีวิตประจำวันแล้ว ซึ่งหลังจากผ่านช่วงวิกฤตโควิด-19 ทำให้บางท่านอาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น และริเริ่มที่จะออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่งรองเท้าคู่ใจหรือรองเท้าที่ดีคู่นึงในการออกกำลังกายที่จะช่วยซัพพอร์ทคุณนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เรามั่นใจว่าเราเป็นเจ้าหนึ่งของตลาดกลุ่มฟิตเนสเทรนนิ่ง ที่จะสามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าด้วยสินค้าของเรา ด้วยคุณภาพที่ดีที่สุดในราคาที่จับต้องได้”
โดยงานในครั้งนี้เราได้เปิดตัว Reebok Nano X3 หรือรองเท้าออกกำลังกายตัวท็อปสุดในตระกูลเทรนนิ่ง รุ่นใหม่ล่าสุด X3 มาพร้อมจุดเด่นคือระบบ Lift & Run Chassis ที่เน้นให้ความมั่นคงในการทรงตัวขณะยกน้ำหนัก โดยที่พื้นชั้นกลาง (midsole) ยังมีความพิเศษเรื่องความนุ่มและเบาลงระหว่างออกแรงวิ่ง Reebok Nano X3 ชูจุดเด่นหลักด้านความมั่นคงและความทนทาน ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ใช้ได้ในหลากหลายโอกาสมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่จะมุ่งไปในการออกกำลังที่เน้นการยึดเกาะเท่านั้น โดยรุ่นนี้จะเน้นใช้วัสดุอย่างน้อย 30% เป็นวัสดุที่ย่อยสลายง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทางรีบอคจึงได้จัดกิจกรรมยกยิมมาไว้กลางลาน Central World เพื่อสร้างแรงบันดาลใจรวมทั้งขนทัพนักกีฬากลุ่มเทรนนิ่งมากกว่า 100 ท่าน มาร่วมทดสอบความเจ๋งของรองเท้ารุ่น Nano X3 ในด่านการแข่งขัน Lift & Run Challenge ทั้งนี้ที่ผ่านมารีบอคจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากคู่ค้า “ออนแทรค” และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากยอดขายของรองเท้ากลุ่มเทรนนิ่งที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้เราก็ได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดกว่า 18 ล้านบาท เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด และคาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างน่าพอใจเมื่อเทียบกับสถานการณ์การแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงในตลาดรองเท้า และอุปกรณ์กีฬาบ้านเรา
ด้านคุณจณัญญา รักษนาเวศ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์แบรนด์ Reebok เผยถึงกลุ่มเป้าหมายของรองเท้า Nano X3 ว่า “จะเน้นกลุ่มที่ชื่นชอบในการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการยกน้ำหนัก เวทเทรนนิ่ง ที่กำลังมองหารองเท้าคู่ใจและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายในการออกกำลังของคุณได้ดียิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งกลุ่มลูกค้าที่พึ่งจะเริ่มหันมากออกกำลังกาย รองเท้า Reebok Nano X3 คู่นี้ก็จะช่วยให้คุณมั่นใจและหมดความกังวล และรีบอคมีช่องทางการจำหน่ายสินค้ามากกว่า 130 ร้านค้าทั้ง Reebok shop, Supersports รวมไปถึงคู่ค้าต่างๆทั้งหลาย และที่ขาดไม่ได้ ช่องทางการขายออนไลน์หลักของบริษัทฯ Supersports.co.th ที่มีสินค้าเทียบเท่ากับหน้าร้าน เรียกได้ว่ายกร้านไปอยู่หน้าจอมือถือกันเลยทีเดียว”
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารของแบรนด์ รีบอคได้ที่ Facebook official page, Instagram official account และ YouTube official channel และล่าสุดทางแบรนด์พึ่งได้เปิดตัว Line Official Account @reebokthailand โดยลูกค้าสามารถติดตามข่าวประชาสัมพันธ์ โปรโมชั่นและความเคลื่อนไหวของกิจกรรมต่างๆที่เราจะจัดได้ผ่านช่องทางนี้ รวมไปถึงสามารถซื้อสินค้าออนไลน์แบบมีผู้ช่วยส่วนตัวได้ที่ Line add เช่นกัน
เกี่ยวกับ Reebok
Reebok เป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษที่มีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 128 ปี โดยริเริ่มมาจากบริษัทออกแบบรองเท้าวิ่งและภายหลังได้ขยายไลน์สินค้าการผลิตในกลุ่มแฟชั่น บาสเกตบอลและสนีคเกอร์ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกประเทศไทยเราได้เน้นเจาะกลุ่มตลาดสินค้าออกกำลังกายเป็นหลักโดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนออกกำลังกายใน gym และ weight training
จุดเด่นของ Reebok จะมีรองเท้าตระกูลหลักๆอยู่ 3 กลุ่ม โดยแบ่งเป็นประเภทวิ่ง, เทรนนิ่ง และกลุ่มคลาสสิค
ตระกูลรองเท้าวิ่งของ Reebok คือ Floatride โดยจะเป็นชื่อโฟมหรือพื้นชั้นกลาง (midsole) ที่โดดเด่นในเรื่องของการเด้งคืนตัวของโฟมหรือมีการตอบสนองที่ดีมาก ทำให้รองเท้าวิ่งตระกูล Floatride เหมาะสำหรับการวิ่งทุกประเภททั้งวิ่งซ้อม ไปจนถึงวิ่งระยะไกล
ตระกูลรองเท้าประเภทเทรนนิ่งหรือออกกำลังกาย คือ Nano เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายหรือแม้กระทั่งนักกีฬาที่เคลื่อนไหวในรูปแบบที่มีแรงกระแทกสูง ต้องเน้นการยึดเกาะและมีความมั่นคง ความคล่องตัวเป็นหลัก
ในส่วนของรองเท้าลำลองทาง Reebok เองก็ได้ให้ความสำคัญ โดยมีตัวชูโรงอย่างตระกูล Classic ที่เป็นรองเท้าที่ผสมผสานความคลาสสิค วินเทจกับสปอร์ตเข้าด้วยกัน เช่น Classic Leather และ Club C ซึ่งโด่งดังมากๆ ในหลายประเทศ