“พชร์ อานนท์” ไม่ตอแxล เน้นหนังเอาเงิน ไม่เอารางวัล รางวัลมีเยอะแล้ว ได้มาก็ภูมิใจแค่แป๊บเดียว ลั่นหนังแมสให้รางวัลสุพรรณหงส์ หนังอินดี้ให้รางวัลสุพรรณห่าน แยกให้ชัดเจน แนะโรงหนังฉายให้เลย 5 โรง 5 ภูมิภาค หนึ่งอาทิตย์ ถ้าหนังไม่ทำเงิน ก็ไม่ต้องเรียกร้องอะไรอีก บอกตนไม่ขอเข้าร่วมสมาคมฯ เกี่ยวกับหนังใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่อยากปวดหัว ส่วนที่บอกอุตสาหกรรมหนังจะตาย ก็เห็นไม่ตายสักที เปิดกล้องหนังกันเยอะแยะ ลั่นต้องมีสิทธิ์พูด เป็นผกก.เหมือนกัน
กำลังเป็นข้อพิพาทอย่างหนักในวงการภาพยนตร์บ้านเรา กับแฮชแท็ก #แบนสุพรรณหงส์ เพราะหลังจากที่มีการตั้งกฎใหม่ขึ้นมาจนมองว่าไม่มีความเป็นธรรม ตัดสิทธิ์ภาพยนตร์รายเล็กไม่ให้เข้าชิง ทำเหล่าบรรดาผู้กำกับและคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ลุกขึ้นมาต่อต้านทันที ซึ่งหนึ่งในผู้กำกับเบอร์ต้นๆ อย่าง “พชร์ อานนท์”ที่ตอนนี้ภาพยนตร์เรื่องล่าสุด เสือเผ่น ๑ กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 6 เม.ย. นี้ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้เช่นกัน โดยบอกว่า ตนอยากให้มีการแบ่งแยกประเภทของภาพยนตร์ให้ชัดเจน และขอให้ 2 ค่ายโรงหนังยักษ์ใหญ่อย่าง เอสเอฟ ซีเนม่า และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ลองจับมือกัน ให้หนังเล็กๆ ฉาย 5 โรง 5 ภูมิภาคตามที่ขอ แต่ถ้าสุดท้ายไม่ทำเงิน ก็อย่ามาเรียกร้องอะไรอีก
“เราเคยประกาศแล้วว่าเราจะไม่ลงแพลตฟอร์ม เพราะคนก็จะดูแต่แพลตฟอร์ม ไม่ยอมไปดูในโรงหนัง หนังไทยมีปัญหาอยู่ทุกวันก็แบบนี้แหละ แต่ไม่เกี่ยวกับสุพรรณหงส์ เพราะเรากับสุพรรณหงส์ไม่คุยกันมาตั้งนานแล้ว ไม่ได้ไม่คุย คือเราไม่ได้ทำหนังเพื่อรางวัลไง เราทำหนังเอาเงิน เอาตลาด เพราะรางวัลเรามีเยอะแล้ว อ้าว ไม่ได้ตอแหล นี่เรื่องจริง (หัวเราะ)ถามว่าในฐานะผู้กำกับเรามองปัญหาตอนนี้ยังไง มันก็เป็นไก่เกิดก่อนไข่ ไข่เกิดก่อนไก่อะไรแบบนี้แหละ เพราะมันมีหนังสองแบบไง หนังอินดี้กับหนังใหญ่ เราก็คิดว่ามันน่าจะจัดรางวัลหนังใหญ่ หนังแมส ค่ายใหญ่ๆ ไปเลย
กับหนังอินดี้ มันน่าจะแบ่งกันให้ถูกต้องไปเลย เพราะถ้าพูดถึงการลงทุนกับการแข่งขันมันแตกต่างกันแน่นอน เพราะอย่างพี่มาก จัดแสงอะไรสวยมาก แต่พี่มากไม่ได้รางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยม ได้อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเราก็คิดว่ามันน่าจะแบ่งชัดกันไปเลย เพราะหนังอีกแบบนึง อย่ามาด่ากูนะ หนังอีกแบบบางคนยังไม่รู้เลยว่าฉายกันเมื่อไหร่ ก็แยกกันไปเลย อย่างหนังแมสค่ายใหญ่ก็เป็นสุพรรณหงส์ หนังอินดี้ก็เป็นสุพรรณห่าน มันก็เป็นต้องแยกกันชัดเจน”
บอกขอเน้นทำหนังที่ได้เงิน เพราะรางวัลได้มาก็ภูมิใจแป๊บเดียว
“เขาก็ต้องเห็นด้วย เพราะหนังใหญ่ๆ ไม่ได้ชิงอะไรกับเขา เขาก็อยากได้ชิงกันมั้ง แต่เราไม่ชิงอะไรอยู่แล้วเพราะว่ามันไม่ใช่แล้ว เคยได้สุพรรณหงส์ไป พอไปกินเย็นตาโฟเอาสุพรรณหงส์ให้เขา เขาไม่รับ เขาจะเอาเงิน เราก็ทำหนังเอาเงินดีกว่า แต่ไม่ได้ความภูมิใจ ภูมิใจก็แป๊บเดียว เราชัดเจน ก็คิดดูหนังที่ได้รางวัล ผู้กำกับเป็นใครยังไม่รู้เลย แล้วตอนนี้ผู้กำกับคนนั้นทำงานอะไรต่อ เราก็ยังไม่รู้ อันนี้ขนาดเราคนวงในนะ เราก็ไม่ยุ่งดีกว่า แต่นี่พูดให้ฟัง ไม่งั้นก็จะหนังใหญ่หนังเล็กแบ่งให้ถูกไปเลย
เราก็เน้นทำหนังแมส เอาใจคนดู คงไม่เอาใจผู้กำกับ เพราะคนที่เสียเงินเข้าไปดูก็คือคนดู ไม่ใช่ว่าผู้กำกับมีอะไรก็โชว์หมด โชว์ไปโชว์มาคนอาจจะไม่ชอบ เขาก็ต้องเข้าไปดูหนังตัวเองอะไรแบบนี้ จริงๆโรงหนังเขาก็ให้โรงนะ เขาไม่ได้กีดกัน แต่สมมุติว่าหนังเรื่องนี้ให้โรง 12 โรง แล้วฉายไปสองวันไม่มีคนดูเลย เขาจะเปิดแอร์ทิ้งเพื่ออะไร เราต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย เขาต้องมีการลงทุน ไม่ได้เกี่ยวว่าเราทำหนังให้เมเจอร์หรือไม่ทำ เพราะเราก็ไม่ได้ทำหนังให้เมเจอร์มาสองปีแล้ว แต่พูดตามความจริง ว่ามีหนังเรื่องหนึ่งอินดี้ที่เขาบอกกัน สมมติเมเจอร์ให้ 5 โรง แล้วดูสิว่ามันจะทำเงินไหม ถ้ามันไม่ทำเงิน เพราะฉะนั้นก็อย่าด่าโรงหนัง
โรงหนังให้เลยอยากได้ใช่ไหม 5 โรง 5 ภูมิภาค ให้เลย สปอร์ตเลย ดูว่าจะมีคนเข้าไปดูไหม อันนี้เราพูดกันแบบธุรกิจ คนทำมาหากิน แฟร์ๆ ถ้าไม่มีคนเข้าไปดูคุณต้องยอมรับนะ อย่าไปเรียกร้องอีกว่าโรงหนังไม่ร่วมมือ โรงหนังไม่ให้โอกาส อยากให้เอสเอฟหรือเมเจอร์ให้โอกาสกับคนทำหนังเล็กๆ สมมติมีหนังสักเรื่องหนึ่ง หนังอินดี้ก็ให้เลย 5 โรง 5 ภูมิภาค ฉายไปเลยอาทิตย์หนึ่ง แล้วดูว่าถ้าหนังไม่ทำเงิน ไม่มีคนดู ก็อย่าเรียกร้องอะไรอีก ก็ขอร้องให้เกิดขึ้นจริงไง ให้เมเจอร์กับเอสเอฟร่วมมือกัน มันจะได้เลิกทะเลาะกัน ไม่อย่างงั้นมันก็จะเรียกร้องกันอยู่นั่นแหละ มึงไม่ให้โรงกู กูจะฉายยังไง มึงถอดออกโน่นนี้ แต่มึงไม่ได้ดูว่าคนมาดูหรือเปล่า”
บอกตนไม่ขอเข้าร่วมสมาคมฯ เกี่ยวกับหนังใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่อยากปวดหัว
“หนังเทศไปว่าเขาไม่ได้อยู่แล้ว มันไม่ใช่หนังที่เราทำเอง เราไม่สามารถบังคับเขาได้อยู่แล้ว เขาซื้อเข้ามาฉายกัน เขามีค่ายใหญ่ เราก็ต้องฉายตามที่เขาบอกมา เพราะรัฐบาลเราไม่ยุ่ง ถามว่าเราคิดยังไงที่ผู้กำกับคนอื่นออกมาพูดเรื่องนี้ เราก็พูดความจริง ผู้กำกับคนอื่นก็เรื่องของคนอื่น ทำไมคนอื่น แสดงความคิดเห็นได้ แล้วกูแสดงความคิดเห็นไม่ได้ เพราะกูก็ผู้กำกับเหมือนกัน (ยิ้ม)กับสมาคมผู้กำกับ เราไม่ได้ยุ่งเลย ไม่ได้ยุ่งกับสมาคมสมาพันธ์อะไรทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่อยากปวดหัว
แต่ถามว่าอุตสาหกรรมหนังจะไปรอดไหม มันต้องไปรอดสิ ไม่งั้นไม่เปิดกล้องเปิดอะไรกันเยอะแยะไปหมดหรอก แต่ที่คนมองว่าอีกหน่อยอุตสาหกรรมหนังจะตาย ก็เห็นพูดแบบนี้มาหลายปี ไม่เห็นมันจะตายสักที คือทำไมคนถึงไม่ออกมาดูหนัง ก็บอกแล้วไงว่ามันมีพวกสตรีมมิ่งอะไรเข้ามาและ ที่สำคัญคือคนอาจจะเบื่อหนัง เพราะเขามีอะไรทำมากกว่าดูหนัง เราก็พูดกันเป็นกลางๆ อยากให้เมเจอร์กับเอสเอฟให้ไปเลยหนังเล็กๆ 5 โรง 5 ภูมิภาค”
บอกถ้าโรงหนัง 2 ค่ายใหญ่จับมือกันได้จริง ก็คงจะจบปัญหานี้ได้
“มันแล้วแต่ การดูหนังมันเป็นรสนิยมของคนดู อินดี้เขาก็กลุ่มหนึ่ง มันเป็นกลุ่มๆ เพราะฉะนั้นเราต้องยอมรับด้วยว่าอินดี้ก็กลุ่มหนึ่ง แมสก็กลุ่มหนึ่ง เห็นทะเลาะกันไงเราถึงพูด เชือดไก่ให้ลิงดูไปเลย ให้ไปเลย 5 โรง 5 ภูมิภาค ให้ทางโรงหนังคอยแจ้งไปเลย แจ้งไปทางสมาคมผู้กำกับว่าวันนี้ได้เท่าไหร่ และดูยอดสรุปออกมาว่าถ้ามันไม่ได้เงินก็ต้องยอมรับกันนะว่าคนมันไม่ดู ไม่ใช่ว่าคนอยากจะดู
ถามว่าความสำเร็จของหนังมันวัดจากรายได้ไหม ไม่รู้ ก็สังเกตดูคนที่ได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เป็นใครยังไม่รู้เลย ทำงานอะไรต่อเราก็ยังไม่รู้ เพราะเราก็อยู่วงการมานานแล้ว อันนี้เราไม่ได้ไปว่าเขานะ เราก็แค่อธิบายให้ฟังว่ามันต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย จะหยุดได้ก็ต้องให้เอสเอฟกับเมเจอร์ให้ความร่วมมือ ให้เราเป็นตัวกลางประสานเหรอ ไม่มีใครบอกให้เป็นนี่ แค่พูดนี่เขาก็ด่ากูแล้วนะ แต่เราก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราต้องพิสูจน์และหาข้อเท็จจริงว่าถ้าเขาให้ 5 โรง 5 ภูมิภาคอย่างที่เขาบอกกัน แล้วคุณจะยอมรับไหมถ้าหนังมันไม่ทำรายได้ มันเป็นปัญหาที่คาราคาซังมานานแล้ว มันต้องเคลียร์ ไม่อย่างนั้นก็จะเรียกร้องกันอยู่นั่นแหละ จะเอานู่นจะเอานี่”
เผยตนเองก็เคยถูกเมเจอร์ตัดรอบฉายทิ้งเหมือนกัน เพราะหนังไม่ทำเงิน
“ต้องแยกกัน มันคนละตลาด เราเอาพวกแม่ค้าในตลาดไปดูหนังอินดี้เรื่องหนึ่งสิ เขาก็ไม่ดู เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องเรียกร้องแบบสมควรที่มันจะเป็น ไม่ใช่เรียกร้องกันแบบกูจะเอาให้ได้ ก็มันไม่มีคนดู เราจะฉายไปทำไมโรงหนังเขาคิดแบบนั้น แต่เราคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แฟร์ๆ เลย เอสเอฟกับเมเจอร์ก็ทุ่มเลย ยอมเสียเงิน เสียเวลาแป๊บหนึ่งว่าจะมีคนดูไหม ถ้าทำแบบนั้นแล้วไม่มีคนดูก็อย่าเรียกร้องอะไรอีก เพราะเขาก็ทำธุรกิจ เขาก็อยากลงทุนไง เขาลงทุนไป เขาก็อยากได้เงินคืน เราต้องเข้าใจเขาด้วย
เราเองก็เคยถูกลดรอบ หนังไม่ทำเงินเขาก็ตัด แต่พูดไปก็เท่านั้น เราเข้าใจ เพราะเขาต้องตัด เขาจะฉายให้เปลืองแอร์ทำไม โรงหนังฉายให้คนดูสองคนแล้วเปิดแอร์ รอบหนึ่งตั้งเท่าไหร่ เราจะมาตีโพยตีพายเรื่องอะไรล่ะ ก็หนังเราไม่ทำเงิน แต่เสือเผ่นจะทำเงินแน่นอน (ยิ้ม) ฉายเฉพาะในเครือเมเจอร์อย่างเดียว เพราะเมเจอร์ตั้งใจทำให้เป็นเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแฟนๆ เมเจอร์ต้อนรับวันสงกรานต์ เดี๋ยวเมเจอร์เขาจะมีหนังเฉพาะของเมเจอร์เยอะขึ้น เพราะเขาต้องการจะตอบแทนแฟนคลับเขา ตอนนี้โรงหนังเมเจอร์มีทั่วประเทศแล้ว อย่างอาตมาฟ้าผ่าก็เป็นหนังของเมเจอร์เหมือนกัน แต่ก็ฉายเอสเอฟด้วย แต่หนังเรื่องนี้เขาสร้างมาแบบเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแฟนๆ เมเจอร์ แฟนคลับเมเจอร์จะได้ดู”
บอกถ้าหนังไม่ทำเงิน ก็ต้องยอมรับความจริงกันบ้าง
“เราก็ต้องเดินสายกลางกันบ้าง ไม่ใช่จะเอาแต่ใจตัวเอง เราก็ต้องยอมรับ ยอมฟังว่าอันนี้มันถูก อันนี้มันผิด อันนี้มันใช่ อันนี้มันไม่ใช่ หนังของเราที่ไม่ทำเงินก็มี แต่ส่วนใหญ่มันก็ได้เงินนะ แต่มันจะได้เยอะหรือได้น้อยมากกว่า แต่ไม่ถึงกับขาดทุน เพราะเป็นหนังที่เราลงทุนน้อย แต่เราทำสนุก เราก็ไม่ได้ว่าหนังเราดีนะ แต่ก็ไปดูกันหน่อย (หัวเราะ)
เข้าวันที่ 6 เม.ย. อยู่ถึงเลยสงกรานต์ไป ก็ช่วยๆ กันดูหน่อย เราก็เข้าใจทั้งสองฝ่ายแหละ เราเข้าใจว่าหนังแมสกับหนังไม่แมสเนี่ย คนจะเลือกดูเขาก็ต้องเลือกดูหนังแมสอยู่แล้ว เพราะมันเป็นอะไรที่ถูกใจตลาด ฉะนั้นก็ต้องเข้าใจ และหนังเรื่องเสือเผ่นเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะเมเจอร์เท่านั้น เพราะเมเจอร์สร้างมาเพื่อให้แฟนๆ ของเมเจอร์ ก็ไปดูกัน อย่าไปโรงผิด ไปเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์เท่านั้น”