“เก่ง ธชย” จบสัมพันธ์ “นุกเกอร์” ไม่สามารถพัฒนาต่อได้ บอกคนรอบข้างอีกฝ่ายมีผล รักในที่แจ้งไม่เวิร์กขอกลับมาโฟกัสงาน เลือกความรักจากคนหมู่มากดีกว่า งงใจเปิดตัวแล้วโดนบูลลี่ ทั้งที่รณรงค์ว่าทุกคนเท่าเทียม
หลังจากที่นักร้องเสียงดี “เก่ง ธชย ประทุมวรรณ” เดินหน้าจีบพระเอกหมอลำ อย่าง “นุกเกอร์ กฤษกร บุญมา” และก็ดูไปได้สวย แต่ล่าสุดวันนี้ (4 เม.ย.) รักเหมือนจะถึงทางตัน เพราะเก่งได้ออกมาอัปเดตให้ฟัง ในงาน Miss Sexy Thailand 2023 มิสเซ็กซี่ไทยแลนด์ รอบ FINAL ว่าตอนนี้โสดมาสักพักแล้ว เนื่องจากไม่สามารถพัฒนาต่อได้ เพราะองค์ประกอบหลายอย่าง รวมถึงคนรอบข้างของอีกฝ่ายด้วย
“ตอนนี้ก็โสดแล้วครับ โสดมาสักพักแล้ว โฟกัสงานดีกว่า แค่เอาเวลาไปยุ่งกับงาน ก็ปวดหัวแล้วตอนนี้ เพราะเป็นช่วงหน้างาน เดี๋ยวเดือนนี้ก็มีไปต่างประเทศอีก เริ่มมีทัวร์ต่างประเทศเข้ามาแล้ว โฟกัสงานดีกว่า ที่ไม่สามารถพัฒนาต่อได้ เพราะผมว่าองค์ประกอบ พอมันเป็นความรักที่อยู่ในที่แจ้ง ปัจจัยมันเยอะกว่ารักทั่วไปมากเลย มันเยอะกว่าที่คิด ดังนั้นก็คือยอมเลือกรักหมู่มาก ถ้าเราเลือกรักหมู่มาก จะไม่ได้รักจากคนคนเดียว ถ้าเรารักจากคนคนเดียว จะไม่ได้รักจากคนหมู่มาก ผมขอได้รักจากคนหมู่มากดีกว่า โฟกัสงานเป็นหลัก”
คนรอบข้างของอีกฝ่าย มีผลต่อความสัมพันธ์
“คนรอบข้างเราน่ะ คือพอมันเป็นเรื่องของคนสองคน มันรอบข้างอีกคนหนึ่งด้วย มันไม่ใช่แค่รอบข้างเราอย่างเดียว สำหรับเก่งก็คือเรียนรู้ไว้เพื่อจะเป็นบทเรียน แต่ผม 30 กว่า ผมก็โตแล้วนะ แต่ทุกคนพยายามทำเหมือนเรายังไม่โต แต่เราก็พยายามจะเรียนรู้ไป (คนรอบข้างเรามีผล?) ใช่ครับ ก็เป็นเรื่องแอนตี้ ซึ่งมันก็เอฟเฟกต์กับงานเรา จากที่มันไม่เคยมี มันเป็นคอนเมนต์ลบ ที่ทำให้มีผลกับงานของเรา
ต้องแยกก่อนระหว่างเรื่องชีวิตส่วนตัว คือเราคุยกันเรื่องความรักถูกไหม แต่เรื่องบทบาทหน้าที่ของเก่งในสังคม เราก็ต้องเป็นแบบอย่าง เป็นอินสไปเรชั่น แล้วพอเราชั่งน้ำหนักดูแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันเริ่มมีเอฟเฟกต์กับงานของเราแล้ว ต่อให้เราพูดว่าเรื่องความรักที่มันไม่มีพรมแดน แต่ท้ายที่สุดมันก็มีส่วนกับภาพลักษณ์อยู่ดี ดังนั้นเราขอโฟกัสงาน แล้วมุ่งไปที่ภาพลักษณ์ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนดีกว่า ถ้าเราไปโฟกัสเรื่องความรัก มันจะเละเทะไปหมดเลย
ต่อให้บอกว่าเป็นเรื่องของคนสองคน แต่คำพูดของคนอื่นมันมีปัญหากับเราอยู่แล้วครับ คือมันทำให้เขวอยู่แล้ว มันไม่ได้เหมือนรักทั่วไป ที่เราคุยกันสองคนได้ อันนี้รักของเรามันเป็นเรื่องของคนอื่นด้วย พอเราโตกว่า เราก็ตัดสินใจว่ามันเป็นช้อยส์ที่ดีที่สุด เรารู้ว่าเวลามันมีค่า เราว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งคู่ครับ ไม่เสียงานด้วย เพราะมันเป็นโดมิโนไปเรื่องอื่นด้วยครับ”
ไม่ทันได้ช่วยกันแก้ปัญหา ทุกอย่างก็จบลงก่อน
“ไม่ทันได้สู้หรอก (หัวเราะ) ยังไม่ถึงจุดนั้น รอบนี้มันเหมือนสึนามิอยู่นะ มันมาเรียบๆ แต่ก็หลายตู้มอยู่ ตั้งแต่เข้าวงการ ผมมีความรักไม่กี่ครั้งที่เป็นข่าว แต่ครั้งนี้มันยังเป็นรักที่ยังไม่ได้ลึกมาก แต่ต้องบอกว่าความสัมพันธ์ตอนนี้ ไม่ใช่คนไม่คุยกันหรือเกลียดกัน เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มีงานอะไรก็ยังให้คำแนะนำกันได้ ยังคุยกันได้อยู่ครับ แต่มันไม่ได้ไปไกลกว่านั้น”
รักครั้งนี้ทำให้โดนบูลลี่ภาพลักษณ์ แล้วยังส่งผลกับงาน
“มันกระทบกับภาพลักษณ์ของเราครับ จากเมื่อก่อนคนเอาอินสไปเรชั่นจากเรา เรื่องความเป็นไทย เป็นเรื่องที่คนยกย่อง แต่คนตอนนี้คนเอาข่าวนี้ เอาเรื่องรักครั้งนี้ มาเป็นเรื่องบูลลี่แทน กลายเป็นเหยียดเรื่องเพศ แล้วพาลไปเรื่องอื่นด้วย มันคือเอฟเฟกต์ที่เกิดขึ้นกับงาน”
ไม่เข้าใจเปิดตัวแล้วโดนบูลลี่ ทั้งๆ ที่พยายามรณรงค์ว่าทุกคนเท่าเทียมกัน
“อยากเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนเหมือนกันเรื่องความเท่าเทียม แต่เราโดนแล้ว (หัวเราะ) ทุกคนพยายามรณรงค์ว่าทุกอย่างมันเท่าเทียมหมด แต่ท้ายที่สุดพอคนเผชิญหน้าที่เราเอง เราก็รู้สึกว่าถ้าเลือกได้ เราก็ขอเลือกนำเสนอในสิ่งที่คนอยากมองมากกว่า เพราะเรื่องนี้มันไม่น่าจะเวิร์กแล้ว แล้วยังพาลไปเรื่องอื่นครับ
ทุกคนพยายามรณรงค์ แต่พอผมเปิดก็เข้ามาด่า ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าเราควรจะทำยังไงกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น แล้วพอคนเคยมุมนี้แล้ว เราทำอะไรเขาก็จะอคติ ดังนั้นจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอมีผลงานต่อไป ก็จะมีคอมเมนต์แบบนี้โผล่มาบ้าง แต่ผมก็นิดหนึ่งนะ ไม่อยากให้เหยียดกันขนาดนั้นกับเรื่องนี้ เราอยากให้มองสิ่งที่เราทำมากกว่า แต่ถามว่าท้อจนจะไม่ทำงานแล้วไหม มันก็ไม่ใช่ เก่งเชื่อว่าตอนที่เราไปแข่ง เราก็ทำเต็มที่ด้วยตัวเองนะ ครั้งนี้เราก็จะผ่านไปให้ได้ครับ แต่ถ้ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปอีกสัก 10 ปี เขาอาจจะรับได้จริงๆ ก็ได้”
อนาคตจะกล้าเปิดตัวแฟนอีกไหมก็ต้องลองดู
“ก็ต้องลองดู (หัวเราะ) ว่าคราวน่าจะยังไง ถ้าในวงการก็ต้องเปิดเผยนะ แต่ไลฟ์สไตล์ผม เป็นคนที่ไม่ชอบมีความรักอยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนที่บ้างาน”
ไม่เสียน้ำตากับรักครั้งนี้ แต่เครียดเวลาอ่านคอมเมนต์ ไม่ถึงขึ้นเอามาแต่งเพลง เพราะไม่ได้ให้ค่า
“ไม่มี ร้องไห้ทำไม ถ้ามันไม่หนักมาก แต่ครั้งนี้ยังไม่ร้อง มันแค่เครียด อ่านคอมเมนต์แล้วมันหายใจไม่ออก มันอยู่กับเราทั้งวัน พยายามที่จะไม่อ่าน แต่ก็อยากรู้ (หัวเราะ) สไลด์ดูเลื่อนๆ แล้วประหลาดมากเลย คอมเมนต์ในยุคปัจจุบัน เหมือนพยายามยังไงก็ได้ต้องให้เราเห็น มาทุกช่องทาง แต่ก็ปล่อยไปครับ มันไม่ได้กระทบกับงานจ้าง มีเรื่องแบบนี้มาบ้างก็ดีครับ จะได้มีแรงบันดาลใจในการเขียนเพลง (เอาคอมเมนต์ที่ด่ามาเขียน?) โอ้โห ไม่ได้มีประโยชน์ขนาดนั้น (หัวเราะ)”