อาจารย์โอเล่ ทำนายเดือนส.ค.จะเกิดการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินด้านเศรษฐกิจโลก จะสูญเสียบุคคลมีเชื่อเสียงจากนี้ไปจนถึงปี 68 ต้องระวังตัว แต่เป็นผลดีกับประเทศไทยเร็วๆ นี้จะมีข่าวดาราโดนโกงครั้งใหญ่ โดยได้คุยผ่านรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน31
จากนี้ไปจะมีอีกไหมคนที่มีชื่อเสียงในวงการจะเสียชีวิต?
“ที่เคยทำนายเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ดวงดาวล้มหายตายจาก ร่วงหล่นจากท้องนภามาสู่ดิน จะมีเหตุการณ์ประมาณนี้ในบุคคลที่มีชื่อเสียง จะยาวไปจนถึงปี 2568 จะต้องระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ เกี่ยวกับอุบัติเหตุ หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เพราะช่วงประมาณสิงหาคมอีกจะมีเกี่ยวกับบุคคลแนวหน้า บุคคลที่เป็นครูบาอาจารย์ ที่เป็นนักการเมือง ตรงนี้จะเข้มข้นขึ้นช่วงประมาณเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป (หมายถึงการจากไป?) การล้มหายตายจาก"
เหมือนอาจารย์โอเล่มองเห็นอนาคต อาจารย์รู้ได้ยังไง?
“ใช้วิจารณญาณนะครับ มันจะมีอยู่ 3 ประเด็น อันดับแรกเลย เชื่อในเซ้นส์ตัวเอง แต่จะต้องกรองก่อนจริงๆ ผมก็ไม่ได้เชื่อนะ บางทีมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ก็ได้ แต่ที่ครูบาอาจารย์เขาสอนมา นั่นคือวิชาโหราศาสตร์ด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งวิชาสถิติด้วย เมื่อมีการดลจิต ดลใจ หรือมีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ขอเอ่ยพระนามแล้วกัน มาบอกมากล่าวบ้างส่วนหนึ่ง หรืออีกส่วนหนึ่งที่เอาไปคำนวน อย่างเช่นโหราศาสตร์ช่วงนี้ ดาวพฤหัสบดีย้ายเข้ามาแล้วโดยสมบูรณ์ อีกอันหนึ่งคือช่วงพลัดเปลี่ยนของดวงเมืองด้วย นั่นคือดาวมฤตยู ราศีเมษเข้ามาสู่ราศีพฤษก ตรงนี้ย้ายมาแล้วครั้งหนึ่ง ช่วงปลายปี 2565 ล้มหายตายจากกันมาก และดวงดาวประเภทนี้มันเคยเกิดขึ้นแล้วในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีบุคคลสำคัญ มีการสูญเสีย มีอะไรชัดเจนขึ้น แน่นอนครับมันคือสถิติมันโคจรวนเวียนมา บวกกับการสัมผัสอะไรได้บางอย่างที่วัดอินทรวิหาร เมื่อปีที่แล้ว เกี่ยวกับบุคคลที่อยู่ในแนวหน้า มีชื่อเสียง ทำคุณงามความดีทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ มีความเสี่ยงสูง”
เดือน 7-8 จะเกิดวิกฤติใหญ่มากในประเทศของเรา?
“การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของระบบเศรษฐกิจขอใช้คำว่าโลกก็ได้ และเรื่องของการเงินทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ไม่เคยเกิด ไม่เคยเห็นมาก่อน เปลี่ยนแปลงในเรื่องของอัตราการแลกเปลี่ยนก็ดี สกุลเงินก็ดี ที่มันพลิกฟ้า พลิกดิน ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เดือน 7-8 เป็นต้นไป จับตาดู”
“นี่เป็นการตื่นตัวมากกว่า ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่ามันจะทำให้เศรษฐกิจเคลื่อนไหว และคึกคักขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทย ผมเชื่ออย่างหนึ่ง ประเทศไทยเรียกว่า พระสยามเทวาธิราช เทพยาดาคุ้มครองอยู่ อันนี้มันคือโอกาสของประเทศไทยอย่างหนึ่ง”
เราต้องเตรียมรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นยังไง?
“ขอแนะนำในเรื่องของการลงทุนและการใช้จ่าย ต้องวางแผนทางการเงินดีๆ บอกเลยว่าปีกระต่ายปีนี้ไม่ธรรมดา เป็นกระต่ายเต้นอย่างมโหฬารในเรื่องเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง มันอาจจะได้สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในเรื่องของระบบการเงิน แต่มันใหม่ มันอาจจะเป็นอะไรที่ยังปรับตัวไม่ทัน หรือใหม่และไม่ดีกับกลุ่มธุรกิจบางกลุ่ม”
หลังเมษาจะมีข่าวดาราโดนโกง
“ตั้งแต่หลังสงกรานต์เป็นต้นไป การลงทุน การเซ็นเอกสาร เซ็นสัญญา ในบุคคลที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะพี่ๆ ศิลปินทั้งหลายจะต้องระมัดระวัง จะมีข่าวปรากฏอย่างชัดเจนในเรื่องของการ โอ้โห..ทำไมต้องทำกับฉันอย่างนี้ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องโดนโกงอย่างนี้ล่ะ แล้วจะมีการอึกทึกครึกโครมในเรื่องของสัญญาและเอกสาร ในเรื่องของธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นมามากมาย”
หลังสงกรานต์มีข่าวดีไหม?
“ข่าวดีเรื่องของบางกลุ่ม แต่ผมจะเน้นเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจในการลงทุนเฉพาะอสังหาริมทรัพย์กระเตื้องอย่างมากมาย ใครที่ขายที่ดินต่างๆ ตรงนี้จะคึกคักมาก เกี่ยวกับเรื่องการปลูกสร้าง เกี่ยวกับเรื่องลงทุนซื้อโรงงานช่วงประมาณเดือน 6-7 ตัวนี้จะเห็นผล แล้วจะมีนิมิตใหม่เกี่ยวกับเรื่องของอาหาร ช่วงจากเดือน 7 จนถึงปลายปีจะโดดเด่น โดยเฉพาะประเทศไทยและเศรษฐกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว”
อาจารย์โอเล่ไม่พกวัตถุมงคลเลย เพราะอะไร?
“ถ้าย้อนกลับไปทางประวัติศาสตร์ในสมัยก่อนเขาไม่ได้สร้างพระไว้ห้อยคอ เขาสร้างพระไว้สืบพระพุทธศาสนา เป็นพระที่บรรจุในกรุ เป็นพระดินเผาตามกำลัง ตามแรงที่จะสร้างได้ ไปไว้ในเจดีย์ คนโบราณจะพกอย่างมากเลยนะ ตะกรุด ลูกประคำ เครื่องรางที่ไม่ต้องปลุกเสกเกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือเอามาประสิทธิเอง มีแค่นี้ แต่ค่านิยมเริ่มมาจากสมัย อันนี้ค่ดเดา สมัยพระนารายณ์ พวกกางเขนมันเป็นแฟชั่น สมัยนั้นเริ่มต้นมาฉันก็มีศาสนา ฉันจึงพกพระ นั่นคือความแพร่หลายของค่านิยมอันนี้ ทำให้คนยึดติดเครื่องรางของขลังอะไรต่างๆ
ซึ่งตรงนี้มันไม่ใช่ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงคือธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ศีลและคุณธรรมรักษาตัวเราอยู่แล้ว ผมไม่เคยพกอะไรเลย มีอยู่อย่างหนึ่งคือพระที่คุณแม่ให้ นานๆ ก็จะเอาติดตัวไว้ทีนึง เอาไว้ออกงานอะไรประมาณนี้ เพราะฉะนั้นการยึดติดวัตถุมงคลผลิตเพื่อมาสืบสานดีกว่าว่าสมัยก่อนเขาอยู่ยังไง ถ้าเราทำตัวไม่ดี พระจะช่วยเราไหม”
ดวงการเมืองจากนี้ไปจะเป็นยังไง?
“ดวงการเมืองเป็นอะไรเหมือนเศรษฐกิจเหมือนกันนะ เป็นอะไรที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่เคยพบกันมาก่อน ขอใช้คำว่าปฏิวัติระบบการเมืองไปในทางที่พัฒนาขึ้น ขอใช้คำว่าสิ่งใหม่ๆ ในเรื่องของการรับรู้ข่าวสารทางด้านการเมืองก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เราจะเข้าถึงการเมืองได้มากขึ้น เอาง่ายๆ หลังเลือกตั้งเป็นต้นไปแล้วกัน”
ผู้ชายหรือผู้หญิง?
“ถ้าเป็นกลางๆก็อยู่ที่พี่น้องประชาชนนั่นแหละ แต่ถ้าผมอ้างอิงโหราศาสตร์นะ ปีขาลปีที่แล้ว ผู้หญิงโดดเด่นมากในแวดวงการเมือง พอมาเป็นปีกระต่าย ยังต้องเป็นความอ่อนหวาน ความน่ารักอีก ขอใช้เป็นพลังแห่งความอ่อนไหวแล้วกัน แต่หนักแน่น โดดเด่น เหมือนดวงจันทร์ ถ้าจะเปรียบเปรยก็คือ ผู้หญิงจะโดดเด่นในปี 2565 ปี2566 ที่ผู้หญิงจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องของการเมือง”
อาจารย์โอเล่มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ เวลาเจอคนมาพูดว่าไม่จริงหรอก ไม่เชื่อ อาจารย์โอเล่รับกับความรู้สึกตรงนี้ยังไง?
“ตรงนั้นคือสิทธิส่วนบุคคลของเขา เขามีสิทธิเลือกที่จะเชื่อ เลือกที่จะศึกษาได้ ก็ไม่เป็นไร แต่คนที่เชื่อแล้วไม่เข้าใจอันนี้น่ากลัวกว่า หมายถึงเชื่อแล้วงมงาย เชื่อแล้วแปลความหมายไปอีกทางหนึ่ง”
เวลามีคอมเมนต์แย่ๆ มันมีคำไหนที่ติดอยู่ในใจไหม?
“อันนี้ก็เป็นสิทธิของเขานะ แล้วแต่เขาจะเขียน แต่ให้เขาดูเอาเองดีกว่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่นำเสนอ สิ่งที่เป็นไปเอาไปศึกษาแล้วสรุปเอาเองดีกว่า คอมเมนต์แย่ๆ มีอยู่ทุกที่แหละ เพียงแต่ว่าเขาจะมองยังไงก็แล้วแต่สักวันหนึ่งผมเชื่อว่าเขาคงเข้าใจ”
ตอนเด็กอาจารย์เจอผี แล้วเกือบเสียชีวิตมาแล้วด้วย?
“ปู่ ย่า ตา ยาย เล่ามาว่าสมัยก่อนกินเยอะ จำไม่ได้ว่ากี่ขวบ แต่ว่าเขาป้อนกล้วยแล้วติดคอ จนเขียวไปหมด คุณยายเป็นผู้มีพระคุณดูดจากจมูกขึ้นมา จึงรอดตายมา ในช่วงชีวิตวัยเด็กผูกพันกับสิ่งเหล่านี้ แล้วมารู้ตัวได้ยังไงว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ อย่างสมมตินั่งคุย เขาก็มานั่งคุย แต่มันไม่ใช่สมาชิกของคนในบ้าน มันเป็นใครก็ไม่รู้แล้วเราไปถามเขาว่าคนคนนี้คือใคร เขาก็บอกว่าไม่มี เป็นเด็กเพ้อเจ้อ เด็กโกหก บ้าหรือเปล่า ถ้าจำความได้น่าจะประมาณ4-5 ขวบ ยังไม่พอที่บ้านขายของชำ คุณยายมอบหมายให้ ถ้ามีคนมาซื้อของให้ไปเรียกนะ ปรากฏว่าเรียกบ่อยมากมีคนมายืนหน้าร้าน อยู่ดีๆ มีอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่คนแต่งตัวแปลกๆ เราก็หัวเราะขึ้นมา เพราะมันไม่เหมือนคนที่เขาแต่งกาย ยายมีคนมาซื้อของกลับไปอีกทีไม่เห็นมีใครเลย เล่นอย่างนี้ไม่โอเคนะ เขาก็กลับไป นี่เขายืนอยู่ตรงนี้ ไม่มีเพ้อเจ้อหรือเปล่า พอคนอื่นไม่เห็นเขาก็จะคิดว่าเราแปลก”
พอคิดว่าเราแปลกบ่อยๆ ก็จะเริ่มต่อต้านแล้วภายนอก เราก็ต้องอยู่ในโลกของตัวเองตลอด ตอนเด็กเป็นแบบนั้นไหม?
“พยายามอธิบายจนร้องห่ม ร้องไห้ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเราไม่ใช่คนโกหก ถ้าไม่ใช่คนโกหกเขาก็บอกว่าไอ้เด็กเพ้อเจ้อ ไอ้เด็กบ้า บ้าหรือเปล่า คำนี้แหละเหมือนล้อเรา เพราะฉะนั้นเราถึงต้องกดและเก็บมันเอาไว้ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรารู้จักคอนโทรนควบคุมตัวเองได้ ถ้าเราย้อนกลับไปในสมัยเรียน ผมว่าน่าจะเป็นครูบาอาจารย์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาต้องการที่จะคอนโทรนเราด้วย จะให้เราอยู่หรือเห็นใจอะไรเราบางอย่าง ผมจะนั่งสมาธิได้นานกว่าเพื่อนๆ แล้วก็สงบกว่าเพื่อนๆ ตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมาในวิชาพุทธศาสนาหรืออะไรก็แล้วแต่มันมีความสุข มันจบไปด้วยดีในการที่ไม่เห็นในสิ่งแปลกๆ ในช่วงนั้น หรือถ้าอยากเห็นหรืออะไรมันจะมีอีกมติหนึ่งที่เชื้อเชิญเข้าไป”
อาจารย์โอเล่โดนผีถามทางเหรอ?
“คนเราถ้ารีบร้อนเข้าห้องน้ำ ปวดฉี่ หรือเหนื่อยมาเรื่อยหรืออะไรก็แล้วแต่ ครูบาอาจารย์บอกว่าให้เราเจริญสติเอาไว้ทุกขณะจิต แต่ผมก็คนธรรมดาไม่ได้อะไรมากมาย เหนื่อยก็คือเหนื่อย ล้าก็คือล้า เมื่อหลายปีที่แล้วลงจากเขาลูกหนึ่งจังหวัดจันทบุรี ไปไหว้พระนี่แหละ จะต้องไปถึงผ้าแดง เจาให้ไปทางปกติ แต่เราไปทางลัด ไปเร็วไม่ต้องคนเยอะ นี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะ มาทางลัดปรากฏว่ามีน้องคนหนึ่งเขาถามทางว่า พี่ค่ะ ผ้าแดงไกลหรือเปล่า ผมบอกว่าเพิ่งลงมา น้องอย่าไปเลยทางนี้ เปลี่ยว อันตราย ไปลำบาก มันจะ 6 โมงเย็นใกล้ค่ำแล้ว มากับน้องอีกคนหนึ่งเขาก็ทักมาว่าอยากไปตรงนี้ไกลไหม แต่ดูสายตาน้องแว๊บนึงมันแปลกๆ ทำไมหน้ามันซีดๆ แล้วแต่งตัวไม่เหมือนคนในยุคนี้ ใส่เอี๊ยมยีสสะพายกระเป๋า ผูกเปีย ซึ่งมันเป็นอีกยุคนึง
เราก็ช่างมันเถอะ ก็ตะโกนว่าเดี๋ยวจะมีอีก 2 คนเขามา น้องไม่ต้องไป แล้วน้องก็มากับพี่ 2 คนนี้มาเจอกับพี่ข้างล่าง แล้วขึ้นทางปกติ เดี๋ยวพี่จะรออยู่ข้างล่าง หลังจากนั้นผมกับน้องอีกคนก็ไปยืนรออยู่ข้างล่าง พี่ 2 คนก็วิ่งตามมาติดๆ เหนื่อย ทำไมไม่เอาน้องอีกคนมาด้วยล่ะ ไม่มี น้องที่ไหน น้องคนที่แต่งชุดอย่างนี้ๆ ไม่มียังไงก็ไม่มี สรุปว่าไม่ใช่คน”