..... ปัจจุบันนี้ กสทช. ไม่มีกฏเกณฑ์บังคับว่า คนอ่านข่าวทีวีต้องมีบัตรผู้ประกาศ ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานีจะคัดเลือกคนมาอ่านข่าวกันเอง
ถ้าสถานีโทรทัศน์เลือกคนอ่านข่าวที่ไม่มีบัตรผู้ประกาศ มาอ่านข่าวหน้าจอละ คนดูควรจะทำยังไง? ความเห็นส่วนตัว ถ้าชอบก็ดู ไม่ชอบก็ปิดทีวี หรือเปลี่ยนไปดูช่องอื่น ที่คัดเลือกคนอ่านข่าวที่มีคุณภาพ มาอ่านข่าวให้เราฟัง จบนะ......
ข้างต้นคือคำชี้แจงส่วนหนึ่งของ “นรากร ติยายน” ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง และมีบทบาทเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของคณะทำงานทดสอบเพื่อรับบัตรผู้ประกาศ โดย กสทช.
สรุปความก็คือ ปัจจุบัน การสอบใบผู้ประกาศนั้น จัดโดย กสทช. ขณะที่ในยุคก่อน ดำเนินการโดย กรมประชาสัมพันธ์
แต่สุดท้าย การสอบ ก็เป็นแค่เรื่องของภาคทฤษฎี แต่ในเชิงปฏิบัติแล้ว ไม่ได้มีกติกาบังคับ ตามที่ นรากร ได้ชี้แจงไป
ประเด็นเรื่องการมีหรือไม่มีใบผู้ประกาศข่าว ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดกันอีกครั้ง พลันที่ช่อง อมรินทร์ทีวี ดัน “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้ประกาศข่าว ทดแทนการจากลาของ “พุทธ อภิวรรณ”
นอกจาก เจนนี่ แล้ว ก็ยังมี “วิลลี่ แมคอินทอช” , “เชียร์ – ฑิฆัมพร” รวมกระทั่ง “แพรรี่ ไพรวัลย์” มาทำหน้าที่ในตำแหน่งเดียวกัน แค่บังเอิญว่าคนที่สังคมจับตามองมากที่สุด หวยดันมาออกที่ เจนนี่ อย่างช่วยไม่ได้
ถ้าวัดจากบุคลิกภาพ ความภูมิฐาน ในเชิงของการเป็นผู้ประกาศข่าว ในรายการข่าวที่เป็นทางการแล้ว วิลลี่ กับ เชียร์ ก็ยังดูเหมาะสมกับตำแหน่งมากกว่า เจนนี่ กับ แพรรี่
ขนาดคนดูยังมองออก แล้วคิดว่าช่อง อมรินทร์ทีวี จะมองไม่ออกเชียวเหรอ ว่าถ้าให้ 2 คนนี้มาทำหน้าที่ดังกล่าว จะต้องถูกโจมตีหนักอย่างแน่นอน เพราะด้วยภาพของทั้งคู่นั้น ต้องยอมรับเลยว่าแลดูขัดหูขัดตา และประดักประเดิกไม่น้อย กับบทบาทที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งจะต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ ทั้งในเรื่องของคุณวุฒิ และวัยวุฒิ
แล้วทำไมต้องเป็น 2 คนนี้ !!!????
บอกได้เลยว่า เรื่องนี้เป็นการแก้เกม ของช่อง อมรินทร์ ที่ตั้งใจนำมา ล่อเเป้า โดยแท้
ต้องยอมรับว่าการจากลาของ พุทธ อภิวรรณ นั้น ย่อมส่งผลกระทบกระเทือนต่อกระแสความนิยมของรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ไม่น้อย ค่าที่เขาเป็นเสมือนแบรนด์ไอคอนประจำรายการ อารมณ์ประมาณเดียวกับ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ที่เป็นสัญญลักษณ์และเป็นเครื่องหมายการค้าของรายการข่าวในตระกูล “เรื่องเล่าฯ”
หรือแม้แต่ “หนุ่ม-กรรชัย” กับรายการ “โหนกระแส”
ด้วยความที่ทั้งคู่ต่างก็อยู่กับหน้าที่มานาน เข้าใจบทบาทของตัวเองอย่างลึกซึ้ง และทำออกมาได้ดี ชนิดที่ว่าหาข้อตำหนิติเตียนไม่ได้
ตอนที่ สรยุทธ พักวางหน้าที่การเป็นผู้ประกาศข่าวใน “เรื่องเล่าฯ” ด้วยต้องเข้าไปรับโทษในคดี “ไร่ส้ม” นั้น เรตติ้งของรายการร่วงดิ่งขนาดไหน ??? แม้จะคัดเลือกมือดีมารับหน้าที่ดังกล่าวแล้ว แต่ก็ล้างภาพจำของคนดูที่มีต่อ สรยุทธ ไม่ได้ เพราะรายการประเภทข่าวนั้น นอกเหนือจากเรื่องราวของข่าวที่หยิบยกมานำเสนอนั้น หัวใจหลักที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือเรื่องของศรัทธาคนดู ที่มีต่อผู้ประกาศนั้นๆ ด้วย
และ...แน่นอนว่า ศรัทธานั้น ย่อมไมได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน !!!
เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นกรณีศึกษาที่ทำให้ผู้ผลิตรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” นำมาวิเคราะห์ทบทวนอยู่นานในการที่จะหาผู้มารับบทบาทหน้าที่แทน พุทธ อภิวรรณ
แต่ต่อให้ดึงนักข่าว หรือผู้ประกาศข่าวระดับท็อปฟอร์มขนาดไหนมานั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่นี้ อย่างไรเสียก็ดงเรียกศรัทธาที่คนดูมีต่อ พุทธ ให้กลับคืนมาได้ไม่หมด ต่อให้ใคร อะไร ยังไง ก็ไม่วายต้องโดนเปรียบเทียบ และก็จะถูกรายการคู่แข่งจากช่องอื่นๆ กลืนหายไปในที่สุด
ทางเลือกที่อาจจะเป็นทางรอดเดียว ก็คือเลือกคนที่ฉีกแนวไปเลย อย่างน้อยที่สุด การสร้างดรามาให้คนวิพากษ์วิจารณ์ ก็นำมาซึ่งกระแส ดีกว่าให้รายการเงียบสนิทรอวันหลุดจากผัง
จริงๆ การตัดสินใจเลือกผู้ประกาศข่าวที่ฉีกแนวออกไปขนาดนี้ ก็เสมอเหมือนการเปลี่ยนรูปแบบรายการในทางอ้อมเหมือนกัน สามารถเปลี่ยนชื่อรายการได้เลยด้วยซ้ำ เหมือน ล้างไพ่ ไปเลย แต่ช่องก็คงเลือกที่จะใช้ชื่อเดิม เพื่อให้เป็นแบรนด์หลักของช่อง เหมือนที่ช่อง 3 มี “เรื่องเล่าฯ”
พูดง่ายๆ ก็คือ เจนนี่ ก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในเกมนี้ ที่มาจุดกระแสให้รายการมีพื้นที่ในสื่อให้คนพูดถึงเท่านั้น !!??
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 เมษายน 2566
