“นก จริยา” ไม่ได้ลงรูปหวาน “จอนนี่” กลบข่าวลือคู่รักรุ่นใหญ่หย่า ลั่นเลือกความสุขกับความจริง ฉันก็มีค่า ถ้าไม่เห็นค่า จ่ายมาแล้วก็ไปซะ! บอกไม่เป็นเมียหลวงนอนกอดทะเบียนสมรส เลิกกันก็ได้ แต่ต้องจ่ายมาเยอะๆ ไม่คาดหวังต้องใช้ชีวิตด้วยกันไปตลอด
ทำเอาคู่หนุ่มๆ สาวๆ หลายคนอิจฉา เพราะผู้จัดรุ่นใหญ่อย่าง “นก จริยา แอนโฟเน่” กับสามีสุดหล่อ “จอนนี่ แอนโฟเน่” ยังคงหวานกันออกสื่ออยู่บ่อยๆ ล่าสุดก็ลงภาพจูงมือกันหวานหยด ซึ่งผู้จัดนกก็เผยว่า ชีวิตที่ผ่านมายิ่งกว่าละครซะอีก แต่ตอนนี้ก็อยู่กันด้วยความสบายใจ ไว้ใจ และให้เกียรติกันมากกว่า
“แก่แล้ว ต้องเดินจูงมือเดี๋ยวหลง เวลาหลงไปก็จะไม่กลับมาเลย (หัวเราะ) พี่จอนหลง หลงไปไหนก็ไม่รู้ (หัวเราะ) เรามีความสุขกับการแก่ ตอนที่เราเด็กๆ อารมณ์เราก็จะปรู๊ดปร๊าดเก็บอารมณ์ไม่เป็น ขับรถชนแกก็เคยมีมาแล้ว(หัวเราะ) เห็นไหมชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร เราผ่านมาหมดแล้วค่ะ มันคือหนึ่งชีวิตที่ต้องเรียนรู้ไปในแต่ละวัน เราก็แฮปปี้กับตัวเองที่ผ่านและเรียนรู้กับทุกความรู้สึกมาแล้ว เรามีวันที่เราผิด มีวันที่เขาผิด พอมองหน้ากันเรายังจะไปต่อด้วยกันไหม สุดท้ายก็มาปรับและเราก็ไปด้วยกันต่อ ก็มีความสุขในรูปแบบของมนุษย์คนหนึ่ง มีผิดมีถูก เราก็อภัยให้กันไป หาความสุขรายวันกันไป
ก่อนหน้านี้มีข่าวคู่รักรุ่นใหญ่หย่า เราตกข่าว (หัวเราะ) แต่ตอนที่ลงรูปเราไม่รู้เรื่องนะ เราก็ลงของเราไป เพราะว่าลูกชอบแซวเวลาเห็นเราเดินจูงมือ เขาก็ถามว่ากลัวจะล้มกันใช่ไหมถึงต้องเดินจูงมือกัน ก็มาได้เห็นข่าวทีหลัง ส่วนตัวไม่ได้กลัว คือเราไม่ได้อยู่ในมุมนั้น เราก็รู้ว่าเดี๋ยวอะไรๆ จะออกมาเป็นยังไง เราก็คอยดูไป ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของชีวิต”
บอกทุกวันนี้ให้ความไว้ใจและให้เกียรติกันจะมีความสุข
“ทุกวันนี้เราก็ยังไม่มีความคิดว่าแน่นอนแล้ว ฉันจะไม่มีทางเลิกกัน ชีวิตคือความไม่แน่นอน เราไม่รู้ว่าเขาเดินออกจากบ้านไปแล้ว เขาไปไหน ให้ตามก็ไม่ตามด้วย เราอยากนอนหลับสบาย เรามีความรู้สึกว่าเราก็ไว้ใจกัน ให้เกียรติกัน เราเลือกสิ่งที่พี่จะสุข แต่ถ้าเกิดอันไหนที่มันดูแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว เขาไม่ได้อยากไปกับเรา เขาอยากไปทางอื่นหรืออะไร เราก็จะคุยกัน เราเลือกความสุขและความจริงอย่างที่บอกชีวิตมันเป็นความไม่แน่นอน อยากมีมุมที่ไม่ต้องอึดอัด ไม่ต้องเก็บซ่อนความลับ เราจะจริงใจกับตัวเราเองให้มากที่สุด และจริงใจกับเขาด้วย ถ้าเราไม่ไหวเราก็จะบอกเขา
ก็แจ้งให้เขาทราบค่ะ ไม่ได้ขออนุญาตนะ (หัวเราะ) ถ้าถามว่าที่ผ่านมาแอบมีหวั่นใจบ้างไหม มันเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ใช่ว่าเราคิดหรือจัดการคนเดียว เพราะถ้าเกิดเขาไม่ดีกับเรา ไม่ให้เกียรติเรา มันมีเรื่องนี้มาแล้ว มันก็ยังมีเรื่องนี้ซ้ำๆ อีกเรื่อยๆ ยังทำให้เราไม่สบายใจ คุยกันก็แล้ว ไม่ดีขึ้น แก้ปัญหาทางใดกันไปไม่ดีขึ้น ถ้าเราไม่ไหวเราก็ต้องยอมรับว่าเราไม่ไหว แต่คู่เราก็จะมีการเรียนรู้วิธีการที่จะให้อภัยกันไป ตีกันไป ในความดีและเลวที่เอามาชั่งกัน โอเคเราไปต่อด้วยกันได้จากวันที่เราเป็นคู่รัก เป็นสามีภรรยา เราก็มีคำว่าเพื่อนอยู่ในนั้นด้วยมีคำว่าพ่อแม่อยู่ในนั้นด้วย พี่ว่าชีวิตมันไม่ใช่ความรู้สึกใด ความรู้สึกหนึ่ง ทุกอย่างพอมันเป็นคู่ ก็ต้องไปเป็นคู่ ไม่ใช่ว่าใครคนหนึ่งไหว ใครคนหนึ่งต้องอดทน ใครคนหนึ่งพยายาม“
ไม่เป็นเมียหลวงนอนกอดทะเบียนสมรส ยันเลิกได้ แต่ต้องจ่ายมาเยอะๆ
“ไม่ๆ ฉันเลิกได้ แต่ต้องเซ็นมานะ ต้องจ่ายเยอะๆ เพราะว่าฉันเหนื่อยมาแล้ว ฉันก็ไม่อยากเสียเวลาฟรี เข้าใจไหมคะ (หัวเราะ) ทะเบียนสมรสมันแค่กระดาษใบเดียว มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกในแต่ละวัน ต้องมีความสุขด้วย พี่บอกเขาว่าถ้าเกิดวันนึงมองตากันแล้วฉันรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นเธอคนเดิม ฉันก็ไม่อยู่ด้วยนะ คุณก็ไม่ได้หล่อคนเดียว ฉันก็สวยนะ สวยแต่กินอร่อยหรือเปล่าไม่รู้นะ แก่แล้ว (หัวเราะ) โตแล้ว วิธีการคิดมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ถามว่าการอยู่ด้วยกันมานานทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไหม ไม่เลย ไม่ได้บอกว่าเราเป็นตัวอย่างที่ดี เราเป็นของเราแบบนี้ เราเลือกความสุข เลือกความสบายใจ แล้วก็บอกว่าออกไปก็เอาร่างกลับมาให้ครบนะ อย่าให้ฉันต้องปวดหัวต้องไปเก็บร่างเธอที่ไหน ฉันไม่เอาเราจะห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่าคำว่าหวงแล้ว คือเขาหน้าตาดี เขามีเสน่ห์ เขามีเพื่อนเยอะ เราให้เกียรติเขาในการที่เขาจะดูแลตัวเองยังไง และเขาก็ให้เกียรติเราในการที่เขาจะดูแลตัวเองอย่างไร ให้เป็นการให้เกียรติเราด้วย ต้องพูดว่าถ้าไม่รู้ไม่เห็นไม่เป็นไร แต่ถ้ารู้หรือเห็นก็เป็นเหมือนกัน ก็ต้องมีการอบรม (หัวเราะ)
แรงกระเพื่อมมีอยู่แล้ว อดีตเจอมาทุกรูปแบบ
“มีค่ะ (หัวเราะ) ในอดีตเจอมาทุกรูปแบบ ถึงได้อินละครครอบครัวไง (หัวเราะ) เราให้ความสำคัญของเรื่องครอบครัว แต่มันก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย เราจะไม่หลอกตัวเองว่าเขารักฉัน แล้วฉันก็จะบอกตัวเองว่าฉันก็สวยนะ ฉันก็มีค่านะ ถ้าเกิดไม่เห็นค่าฉัน จ่ายมาแล้วไปซะ (หัวเราะ)อันนี้ไม่ขู่ พูดจริง
อยู่ด้วยกันมา 30 ปีแล้ว
“ปีนี้ 30 ปีแล้วค่ะ อยู่ด้วยกันตั้งแต่ก่อนแต่ง ถึงตอนนี้ก็ 30 ปีนิดๆ แล้ว คือหลายคู่ที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนานๆ แล้วอยู่ๆ มาเลิกกัน แต่ละคนเจออุปสรรคไม่เหมือนกัน เจอปัญหากันไปคนละแบบ เขาคงไม่ได้อยากเจอหรอก โจทย์ชีวิตมันก็ต่างกันไป เราก็ได้แต่ให้กำลังใจคนที่มีปัญหาอยู่ เพราะว่าผู้หญิงทุกคนไม่สบายใจหรอกกับการที่ต้องได้ยินได้ฟังเรื่องนี้
ก็อยากให้มองโลกของความเป็นจริง ถึงมันจะเจ็บปวด และในความเจ็บปวดให้หามุมดีของมัน อย่าไปทารุณตัวเอง คนเรามีค่าในตัวเองทุกคน ไม่ใช่ว่าเราเก่งนะ เคยพยายาม ไอ้วันที่เราเสียใจ แต่ถึงเวลาเราเศร้า เราเศร้าอยู่คนเดียว แล้วเราก็จะทรุดๆ เราก็ไปทำอะไรที่ทำให้เราดีขึ้นสิ มันดีกว่า เราไม่ได้เก่ง แต่พยายามมองบวกและประสบการณ์มันสอน เราต้องเรียนรู้มัน
ที่สำคัญคือเราต้องสวยตลอด เดี๋ยวต้องไปทำหน้าอีกเนี่ย (หัวเราะ) เราสวยเพื่อตัวเอง บางคนบอกว่าไม่ได้นะ ต้องสวย เดี๋ยวสามีไม่รัก แต่สำหรับเรา ไม่ ที่ฉันสวยเพราะฉันอยากหันไปมองกระจกแล้วรู้สึกว่าฉันสวย ผู้ชายมันก็เหี่ยว มันก็แก่ ฉันสวยเพื่อตัวเอง”
เริ่มลองให้ลูกได้ฝึกทำงานเบื้องหลัง
“เขากำลังทำธุรกิจอยู่ เขาช่วยแม่ทำเบื้องหลังบ้าง อย่างเช่น อ่านบทให้หน่อยสิ หรือว่าไปหาเรฟเฟอร์เรนซ์อะไรใดๆ ด้วยความที่เขาเป็นเด็กรุ่นใหม่จะให้เขาหาเรฟเฟอร์เรนซ์เรื่องโน้นเรื่องนี้ เขาอยู่ในขั้นตอนของการเรียนรู้ และเขาเรียนการแสดงอยู่ เผื่อมีโอกาสก็ให้เล่นบ้าง เพื่อที่จะให้รู้ว่านักแสดงต้องเป็นยังไง
ถามว่าเขาจะเป็นไหม เราไม่บังคับเขา ตัวเขาก็มุ่งมั่นกับการทำธุรกิจของเขาอยู่เหมือนกัน ก็แล้วแต่เลย เด็กวัยรุ่นสมัยนี้เราต้องให้ทางเขา อาชีพคนเราเปลี่ยนไปตอนนี้โลกใบที่เขาอยู่ต้องให้เขาเลือกเองว่าเขาต้องการทางแบบไหน ลูกๆ คนไหนที่จะมารับช่วงต่อจากเราได้เหรอ ยังฝากอะไรกับใครไม่ได้เลย (หัวเราะ) เพราะเขายังเห็นว่าแม่ยังคึกอยู่ แต่เขาก็จะช่วยในแง่ที่ช่วยในมุมใหม่ต่างๆ ที่จะเข้ามาเสริมในละคร
เขานำเสนอในเรื่องของพล็อตเรื่องหลายๆ อย่าง เขาเรียนในด้านนี้เขาก็ไปดูเรื่อง แล้วเอามานำเสนอ บอกว่าแก่นของเรื่องนี้ดีมาก เขาก็จะเอาโน่นนี่มาเสิร์ฟเป็นข้อมูลให้เรา หรือบางเรื่องฉากนี้ดีมาก เขาก็จะหามาเสิร์ฟ ว่ามุมแบบไหนดีหรือว่าหม่ามี้ควรที่จะปรับไปทางไหนบ้าง เราก็จะมาคุยกัน ด้วยความที่เราอยู่ใกล้กัน เราต้องแชร์กับคนต่างวัย เพราะว่ามันได้เปิดโลก ได้เห็นรอบๆ ตัวดีว่ารุ่นต่างๆ เขาคิดกันยังไง จะได้ไม่จมอยู่แค่เจนของเรา”
เผยได้ “เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ” กลับมาเล่นละครให้
“ลมเล่นไฟ ทำงานเหมือนผ่อนพัดลม ตู้เย็น (หัวเราะ) ด้วยความที่บทมาเยอะแล้ว ช่องก็บอกให้เปิดเลย เราก็บอกว่าได้ พอส่งบทไปให้นักแสดงอ่าน เชอรี่ เข็มอัปสร พอเขาอ่านแล้ว เขาตอบตกลงกลับมา ตอนนั้นก็ตกใจเหมือนกัน เพราะตอนแรกคิดว่าน้องจะไปทำโน่นทำนี่ ไม่เล่นละครแล้ว แต่น้องบอกอ่านบทแล้วสนุก อยากเล่น
ถามว่าทำไมถึงต้องเป็นเชอรี่ คือมันเป็นละครครอบครัวอีกแล้ว มือที่ 3 ที่ 4 ปัญหาใดๆ แล้วจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ส่วนตัวไม่คิดด้วยว่าเชอรี่จะเล่นละครแบบนี้ แต่เขาอ่านแล้วเขาบอกเห็นตัวละครนี้ชัดมาก เขาชอบการเล่าของบท และการดำเนินเรื่อง ในเรื่อง เชอรี่เล่นคู่กับอาเล็ก (ธีรเดช เมธาวรายุทธ) และอแมนด้า มันเป็นวิถีความรักแบบใหม่ ที่พระเอกจะอายุอ่อนกว่า
ผู้ชายคนนี้เขามารักผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ แต่วันนึงก็มาเจอปัญหา ในเรื่องสังคมรอบตัวที่มันหวือหวาขึ้น เริ่มเรื่องมาคือเป็นครอบครัวแล้ว มีลูกแล้ว แต่เรื่องมันจะเล่ากลับไป เป็นการเล่าตามวัยตัวละคร เพราะว่าผู้หญิงเป็นหมอผ่าตัดหัวใจ เหมาะกับเชอรี เรื่องการมีลูก เชอรี่ไม่ติดเลย เพราะเขาอ่านแล้ว เขารู้ว่าตัวละครนี้คืออะไร แซ่บมาก ”